
ค้านยุติคดีอุ้มทนายสมชาย
"อังคณา"ยื่นค้านดีเอสไอสั่งยุติการสอบสวนคดีอุ้มทนายสมชาย อ้างยูเอ็นจัดคดีอุ้มหายเป็นอาชญากรรมไม่มีอายุความ อธิบดีดีเอสไอระบุงดการสอบสวนจนกว่าจะปรากฎหลักฐานใหม่
3 พ.ย. -- นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ภรรยาทนายสมชาย นีละไพจิตร ยื่นหนังสือถึงพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อคัดค้านมติคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) กรณียุติการสอบคดีการหายตัวของนายสมชาย นีละไพจิตร โดยระบุว่าตามที่ดีเอสไอได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา แจ้งผลการดำเนินคดีดังกล่าวว่าทำการสอบสวนคดีเสร็จสิ้นแล้วและกคพ.มีมติให้งดการสอบสวนเนื่องจากไม่ปรากฎตัวผู้กระทำผิด ซึ่งตนไม่เห็นด้วย ที่ผ่านมาดีเอสไอสอบสวนคดีมาแล้ว 11 ปี ตั้งแต่ปี 2548 อีกทั้งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการสูญหายโดยถูกบังคับ ขององค์การสหประชาชาติ คดีบังคับสูญหายเป็นอาชญากรรมที่ไม่มีอายุความ และรัฐมีหน้าที่ต้องติดตามหาผู้สูญหายจนกว่าจะพบ ที่สำคัญคือร่างพ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ดังนั้นจึงต้องการให้ดีเอสไอคงการสอบสวนจนกว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับ เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยตนมองว่าแม้คดีดังกล่าวจะไม่มีหลักฐานเพราะถูกเผาทำลายไปแล้ว แต่ดีเอสไอก็ต้องพยายามหาหลักฐานด้วยแนวทางอื่น
“คดีการบังคับบุคคลสูญหาย ไม่ใช่คดีอาชญากรรมปกติ แต่คดีบังคับสูญหายเป็นคดีฆาตกรรมที่ไม่มีศพ เพราะคนทำผิดได้ทำลาย ซ่อนเร้น อำพรางศพ การอ้างเหตุไม่พบศพเป็นสาเหตุการยุติสอบสวนจึงไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมกับครอบครัวผู้สูญเสีย” นางอังคณา กล่าว
ด้านอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา แต่ย้ำว่ากรณีนี้เป็นการงดการสอบสวนจนกว่าจะปรากฎพยานหลักฐานใหม่ หากมีพยานหลักฐานใหม่ก็สามารถยื่นเรื่องให้สอบสวนใหม่ได้หรือในกรณีพ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯมีผลบังคับใช้ดีเอสไอก็พร้อมดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่าการงดสอบสวนเป็นไปตามระเบียบของดีเอสไอ และผ่านการพิจารณาในรูปของคณะกรรมการ



