ชาวมาแตร์เดอี จัดพิธีมิสซาน้อมรำลึกถึงศิษย์เก่าพระองค์น้อย | คมชัดลึก

       

 

        เมื่อปี 2476 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงนำพระโอรสองค์ที่สอง คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เข้ามาเรียนในโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย... ก่อนหน้านั้นพระเชษฐา ในหลวงรัชกาลที่ 8 ก็ทรงเคยศึกษาระดับชั้นอนุบาลที่นี่เช่นกัน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อสถาบัน คณะซิสเตอร์และครู อีกทั้งสมาคมนักเรียนเก่ามาแตร์เดอีฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย จึงจัดพิธีมิสซาแสดงความอาลัยแด่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ซึ่งตรงกับช่วงเวลารำลึกถึงผู้ล่วงลับของคริสต์ศาสนิกชนในเดือนพฤศจิกายนทุกปี ณ หอประชุมของโรงเรียน เมื่อวันก่อน

                      

                                                

           เหล่าศิษย์เก่าและปัจจุบันต่างสวมใส่ชุดสีดำไว้ทุกข์ แล้วมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพียงภายในหอประชุม อาทิ ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์, ท่านผู้หญิงวิวรรณ เศรษฐบุตร, ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน, ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์, ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ, ท่านผู้หญิงสุจิตคุณ สารสิน, อ.สุมิตรา พงศธร, รศ.เสาวนิตย์ แสงวิเชียร, วิวรรณ สารกิจปรีชา, สมิตา สรสุชาติ, สุดถนอม กรรณสูต, นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง, ชนาทิพย์ เหตระกูล, วิทิดา ตรังอดิศัยกุล ฯลฯ ครั้นถึงฤกษ์ 9 โมงเช้า พิธีมิสซาจึงเริ่มต้นโดยท่านผู้หญิงวิวรรณ เศรษฐบุตร ได้อ่านคำประพันธ์ ซึ่งประพันธ์โดย รศ.ดร.คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ ต่อด้วยการนำมิสซา และบทเพลงแห่งความอาลัยจากนักร้องเสียงใสศิษย์เก่ามาแตร์อย่าง มาริสา สุโกศล หนุนภักดี 

ท่านผู้หญิงสุจิตคุณ สารสิน-ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ-ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์ 

บทเพลงแห่งความอาลัยจาก  มาริสา สุโกศล หนุนภักดี

          จากนั้น ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์ กล่าวถวายความอาลัยว่า การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อ 13 ตุลาคม แม้จะผ่านพ้านมากว่า 20 วันแล้ว หากความโศกเศร้าและอาลัยของพสกนิกรไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ด้วยเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้

           “ตลอด 70 ปีที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ประชาชนต่างได้รับพระมหากรุณาธิคุณมากมาย ทรงแผ่พระบารมีปกป้องคุ้มครอง และทำทุกอย่างเพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทรงเป็นดั่งดวงใจของชาวไทย เมื่อพระองค์สวรรคตประชาชนจึงโศกเศร้าและอาลัยยิ่งนัก เช่นเดียวกับชาวมาแตร์เดอีที่เศร้าเสียใจอย่างหนัก แต่น้ำตาที่ไหลไม่ขาดสายคงเทียบไม่ได้กับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระราชทานแก่โรงเรียน เรามีความภาคภูมิใจเป็นที่สุดที่โรงเรียนได้รับเกียรติเป็นโรงเรียนเดียวในประเทศที่ได้ทรงเข้ามาศึกษาแม้จะเพียงระดับชั้นอนุบาลก็ตาม การที่ทรงรับสมาคมนักเรียนเก่ามาแตร์เดอีไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และสำคัญที่สุด ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ชาวมาแตร์เดอี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2543 ความว่า ....คนเรานั้นไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็จริง แต่ถ้าทำดีที่สุดในปัจจุบันแล้ว ก็พอมั่นใจได้ว่าอนาคตจะไม่มีวันตกต่ำ เป็นดั่งเข็มทิศที่เที่ยงตรง มีประสิทธิภาพชี้ทางสู่อนาคต...ด้วยความจงรักภักดีของชาวมาแตร์เดอีจะขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่หาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยการดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งตรงกับคติพจน์ของชาวมาแตร์ ที่ได้รับการปลูกฝังให้มีคำว่า “เซอร์เวียม” อยู่ในใจ ในการที่พร้อมจะช่วยเหลือรับใช้พี่น้อง ผู้ต้องการความช่วยเหลือทุกแห่งหนโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เป็นการปิดทองหลังพระ ตามที่พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติเป็นมาตลอดพระชนม์ชีพ” ศิษย์เก่ามาแตร์เดอีฯ รุ่นแรกๆ กล่าวพร้อมเน้นย้ำว่า ชาวมาแตร์เดอีจะยึดมั่นในพระบรมราโชบายเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ การประหยัด มัธยัสถ์ และเหนือสิ่งใดคือความซื่อสัตย์สุจริตที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงปฏิบัติตัวเองเป็นแบบฉบับโดยทรงยึดมั่นในทศพิศราชธรรม

 

             สิ้นสุดคำถวายความอาลัยน้องพี่ชาวมาแตร์เดอีต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนแล้วร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้อง....

 

ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์

ชนาทิพย์ เหตระกูล-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง

 ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน