
คนไทยเรียนรู้อะไรจากห้วงความเศร้า
หลากหลายผู้คนมากมายเรื่องราวจุดประกายให้ได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่อาจไม่มีโอกาสได้เห็นห้วงเวลาปกติ...
กว่าสองสัปดาห์ที่คนไทยอยู่ในห้วงเวลาแห่งความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ข่าวสารความเคลื่อนไหวคลื่นพสกนิกรจากทุกสารทิศที่มีจุดหมายเดียวกันคือพระบรมมหาราชวัง ด้วยความหวังอยากใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รัักในวาระสุดท้าย และอีกจำนวนไม่น้อยมุ่งมั่นเสียสละแรงกายใจเพื่อทำความดีถวาย หลากหลายผู้คนมากมายเรื่องราวจุดประกายให้ได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่อาจไม่มีโอกาสได้เห็นห้วงเวลาปกติ...
ไปต่อแถวเพื่อรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งแต่เช้ามืด และได้ถวายสักการะในช่วงเย็น วิชัย บุญกระจ่าง ชาวบ้าน จ.เลย เปิดเผยจากใจว่า ระหว่างยืนเข้าแถวบางช่วงได้นั่งพัก บางช่วงเดิน เจอทั้งแดด ลม ฝน เห็นผู้เฒ่าผู้แก่อีกทั้งเด็กตัวเล็กๆ เต็มไปหมด ทุกคนมีสีหน้าและแววตาแห่งความหวัง รู้สึกได้ถึงความมานะอดทนของคนคนหนึ่งอย่างยิ่งยวดที่จะไปให้ถึงสิ่งที่ตัวเองหวัง อดคิดไม่ได้ว่า นี่คงเป็นภาพชัดเจนที่พระองค์ทรงสอนเรื่องความเพียร ความอดทน รวมถึงความมีวินัยในตัวเอง
อรุษ นวราช
คนไม่รู้จักกันแต่มาพูดจาภาษาเดียวกัน ทำให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ทายาทสามพรานริเวอร์ไซด์ “โอ” อรุษ นวราช มองเห็นโอกาสในการร่วมไม้ร่วมมือในการทำงานให้สำเร็จลุล่วง มองให้ไกลกว่านั้นน่าจะเป็นความหวังของประเทศชาติ เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองเราขาดความรักสามัคคี นับจากนี้เมื่อไม่มีพระองค์แล้ว นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยรู้รักสามัคคีกัน และมีแรงฮึดทำเรื่องดีๆ เพื่อสืบสานความดีถวายพ่ออย่างยั่งยืน
“ส่วนตัวผมยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปถวายความอาลัยที่พระบรมมหาราชวัง หรือทำกิจกรรมอื่นๆ รอบสนามหลวง ด้วยมีภาระหน้าที่การงานมากอยู่ แต่ก็ติดตามข่าวสารอยู่ตลอด จากจุดนี้ผมมองว่า ถ้าหากทุกคนยังคงหลอมใจเป็นหนึ่งเดียว ผมว่าบ้านเมืองเราจะมีความหวังและเป็นไปได้ที่จะทำแบบนี้ต่อไปไม่ว่าเรื่องอะไร ผมว่าหลายคนใช้โอกาสนี้หลังจากเศร้าเสียใจนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำแต่เรื่องดีๆ นะ ไม่อยากให้เป็นเพียงวาระพิเศษเท่านั้น ควรทำต่อไปเรื่อยๆ" ผู้บริหารหนุ่ม กล่าว
พรรณรายณ์ ตันติสุขารมย์
“อยากให้ความสามัคคีนี้อยู่กับคนไทยตลอดไป” นักศึกษาปริญญาโท คณะอุตสากรรมการเกษตร ม.เชียงใหม่ พรรณรายณ์ ตันติสุขารมย์ บอกหลังจากได้เห็นภาพการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในท้องสนามหลวง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าใจที่พระเจ้าแผ่นดินได้จากไปแล้ว โดยบอกว่า ตอนเด็กๆ มองพระมหากษัตริย์เหมือนพระเจ้า ครั้นเติบโตมาได้ตามดูงานที่ทรงรากฐานไว้ มุมมองเปลี่ยนไป เห็นพระองค์เป็นมนุษย์ที่เก่งมากๆ ทรงเป็นแบบอย่างของการศึกษาเรียนรู้ทุกศาสตร์ และวันนี้ได้เห็นคนไทยรักกันมากขึ้น ภาวนาอย่าให้มีอะไรทำให้แตกแยกกันเลย ไม่ว่าจะอะไรเกิดขึ้นต้องระลึกถึงสิ่งที่ทรงให้ความสำคัญที่สุด คือ ความรัก สามัคคี ของคนในชาติ โดยเฉพาะความรุนแรงเกิดได้ง่ายมากในยุคโซเชียลมีเดีย รับข่าวสารกันเร็ว ไม่ครบทุกด้าน เเละหลงเชื่ออะไรผิดๆ ทำให้เกิดความแตกแยก อยากให้มีเหตุผล คิดไตร่ตรองเวลารับข้อมูลให้มากๆ
นวลจิรา สูตรตรีนาถ
“เสียใจแต่ก็มีความหวัง” นวลจิรา สูตรตรีนาถ หนึ่งในจิตอาสาช่วยเก็บขยะรอบๆ ม.ศิลปากร เผยถึงสิ่งที่เห็นหลังจากการสูญเสียครั้งใหญ่ของคนไทย โดยเล่าว่า หลังจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต ก็ไปที่ศิริราช และท้องสนามหลวง ประมาณ 5 ครั้ง เพื่อทำจิตอาสา ลึกๆ รู้สึกมีความหวังกับเด็กๆ รุ่นใหม่ เห็นนักเรียน นักศึกษาหลายคนตั้งใจมาทำความดี จัดกิจกรรมดีๆ และมาถวายสักการะพระบรมศพจำนวนมาก ทั้งที่รุ่นนี้ไม่น่าจะทันเห็นพระองค์ทรงงานแล้ว ทุกคนมาแสดงออกถึงความรักในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างจริงใจ หวังว่าในอนาคตประเทศจะเปลี่ยนแปลงด้วยดีจากแรงคนรุ่นใหม่ที่เดินตามรอยพ่อ และความสามัคคีจากครอบครัวคนไทย
พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงษ์วนิช และเพื่อน ช่วยกันทำโบว์ดำไว้แจก
น้ำใจบริสุทธิ์ที่คนไทยหยิบยื่นให้แก่กัน อีกทั้งความมีระเบียบวินัยเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของ “หมอเกด” พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงษ์วนิช เจ้าของคลินิกความงาม Kediglow เจ้าตัวบอกว่า ช่วงที่คนไทยสูญเสียครั้งใหญ่ สิ่งที่ตามมาคือพลังเหล่านี้่ โดยพื้นฐานแล้วคนไทยรักในหลวงจึงมีความมุ่งมั่นในการทำบางสิ่งบางอย่าง จึงได้เห็นคนนำข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้า ยาดม หรือสิ่งของอื่นๆ ไปช่วยเหลือชนิดที่ไม่ต้องร้องขอ เห็นแล้วน่าชื่นใจ รู้สึกภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย
“รู้สึกอยากเป็นอีกหนึ่งแรงช่วย พอดีมีข่าวเสื้อดำขึ้นราคา หายาก รู้สึกไม่สบายใจเลย ทำไมบางคนถึงฉวยโอกาสในเวลาแบบนี้ เลยไปหาซื้อริบบิ้นสีดำแล้วทำเป็นโบไปแจกคนที่ไม่มีเสื้อดำ ส่วนหนึ่งให้คนนำไปแจกที่สนามหลวงในวันที่จัดงานร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วย ซึ่งทุกคนน่ารักมาก ทีแรกอาจจะเป็นภาพของฟรีอาจมีการยื้อแย่ง ไม่คิดว่าคนไทยจะมีระเบียบวินัย แต่ไม่ใช่ ต่อแถวรับโบอย่างเรียบร้อย ทุกคนยิ้ม เราก็ปลื้มใจ ตอนนี้แจกมาเกือบ 2,000 ชิ้นแล้ว ช่วงหนึ่งโพสต์ลงอินสตาแกรมด้วย มีคนเข้ามาถามขอซื้อ เราบอกไม่ขาย เราทำเป็นจิตอาสา ก็มีคนส่งกระดุมที่เขียนว่า...น้อมส่งเสด็จสู่สรรคาลัย มาให้ด้วย นี่คืิอสิ่งที่มหัศจรรย์มาก แต่ก็แอบคิดว่า ตอนท่านยังอยู่เราน่าแสดงสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ต้น ไม่ต้องรอให้สูญเสีย แต่แค่นี้ก็รู้สึกดีแล้ว ยิ่งเห็นมีข่าวการให้ยืมชุดดำสุภาพหรือรองเท้าด้วย นี่คือความงดงามของสังคมไทยนะ ทุกคนแสดงน้ำใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” หมอเกด กล่าวพร้อมกับบอกว่า จริงๆ คนไทยเจอเรื่องอะไรแล้วมักลืมง่าย แต่เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9 จะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสิ่งที่ทรงทิ้งไว้ให้คนไทยจะฝังรากลึกอยู่ในหัวใจตลอดกาล