
ชาวนาสุดระทม!โรงสีไม่รับซื้อข้าวเกี่ยวสดอ้างความชื้นสูง
สุดระทม!! ชาวนาบุรีรัมย์ โรงสีไม่รับซื้อข้าวเกี่ยวสดต้องขนกลับบ้าน หลายรายชะลอขายรอมาตรการช่วยจากรัฐบาลหลังราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 5 – 6 บาทไม่คุ้มทุน
วันที่ 31 ต.ค.59 ชาวนาบ้านโคกกลาง ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนัก เนื่องจากโรงสีไม่รับซื้อข้าวเปลือกเกี่ยวสดที่ชาวนาขนใส่รถไปรอขาย โดยอ้างว่ามีความชื้นสูง ทำให้ชาวนาต้องขนข้าวเปลือกกลับบ้านเพื่อนำมาตากให้แห้ง แล้วนำกลับไปขายใหม่อีกรอบ แต่หากถูกปฏิเสธไม่รับซื้อหรือได้ราคาต่ำมากจนเกินไปก็จะเก็บไว้บริโภคเพราะไม่มีทางเลือก
ขณะที่ชาวนาบางรายก็ชะลอนำไปข้าวเปลือกไปขาย เพราะได้ราคาต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 5 - 6 บาท หรือตันละ 5 - 6 พันบาทเท่านั้นซึ่งไม่อยู่ที่จุดคุ้มทุน จึงตัดสินใจตากข้าวเก็บใส่ยุ้งไว้ก่อนเพื่อรอความหวังจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่อยากให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 - 15 บาท แทนการให้สินเชื่อมากกว่าเพราะจะเป็นการสร้างภาระหนี้สินให้กับชาวนาเพิ่มอีก เพราะเดิมก็มีหนี้สินจากการกู้ยืมไปลงทุนทำนาอยู่แล้ว ยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้หากขายข้าวได้ราคาตกต่ำแบบนี้ จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือด้วย
นายทองอิ่ม เดิมทำรัมย์ กล่าวว่า ปีนี้ครอบครัวได้ทำนาทั้งหมด 36 ไร่เบื้องต้นตั้งใจจะเกี่ยวข้าวสดไปขาย 4 ตัน เพื่อจ่ายค่ารถเกี่ยว และเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัวแต่กลับถูกโรงสีปฏิเสธไม่รับซื้อโดยอ้างว่าข้าวเกี่ยวสดมีความชื้นสูง จึงต้องขนข้าวกลับมาตากที่บ้านแต่ก็ยังไม่รู้ว่าหากตากแห้งแล้ว นำไปขายจะได้กิโลกรัมละกี่บาท เพราะขณะนี้ในพื้นที่รับซื้อเพียงกิโลกรัมละ 5 - 6 บาทเท่านั้น จึงอยากร้องขอให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือโดยการพยุงราคาข้าวให้สูงขึ้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาท จึงจะมีเงินเพียงพอใช้หนี้ ธกส.
นางนิตยา จันทร์รัตน์ กล่าวว่า ปีนี้ได้ผลผลิตข้าวดีมากแต่เมื่อนำไปขายกลับได้เพียงกิโลกรัมละ 6 บาท จึงตัดสินใจชะลอยังไม่ขาย เพื่อรอดูมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลก่อน แต่ส่วนตัวชาวนาก็อยากให้รัฐบาลพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาทมากกว่าที่จะให้สินเชื่อ เพราะจะเป็นการสร้างภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก แต่หากจะช่วยเหลือเป็นโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวหรือ (จำนำยุ้งฉาง) นั้น ก็ไม่ควรต่ำกว่าตันละ 12,000 บาท และควรจะให้ครอบคลุมทุกราย
เชียงใหม่-ชาวนาโอดขาดทุนราคาข้าวเหลือกิโลกรัมละ6-7บาท
นายบรรจง ตั้งจิตรถาวรกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า ปัญหาราคาข้าวต่ำในขณะนี้โดยเฉพาะราคาข้าวหอมมะลิที่ตกเร็วเกินไปโดยในพื้นที่ภาคเหนือราคาข้าวสดประมาณ 6,500 - 6,600 บาทต่อตัน ซึ่งตกต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีราคารับซื้อถึงตันละ 10,000 บาท ทั้งนี้ยังมีผลมากจากการที่บรรดาโรงสีข้าวต่างๆนั้นยังมีข้าวสต๊อกอยู่เป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันนี้จากราคาข้าวที่่ลดลงอย่างรวดเร็วทำให้โรงสีข้าวในหลายพื้นที่ยังไม่กล้าเปิดราคารับซื้อข้าวหอมมะลิจากกเกษตกร แต่อย่างไรก็ตามในวันที่ 4-5 พ.ย. จำเป็นที่จะต้องเปิดรับซื้อข้าวจากเกษตกรแล้วเพราะอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยราคาขณะนั้นจะสูงหรือต่ำก็ต้องเปิดรับซื้อตามกลไกของตลาด ซึ่งคาดว่าราคาข้าวหอมมะลิจะต่ำกว่าตันละ 7,000บาท
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลเร่งเข้ามาช่วยเหลือเกษตกรโดยเร็วที่สุดไม่ให้ราคาข้าวต่ำไปกว่านี้ และควรมีการกำหนดราคามาตราฐานอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้มีการกดราคากัน ซึ่งจะส่งผล กระทบต่อเกษตกรโดยตรง โดยเฉพาะราคาแข่งขันการส่งออกที่เป็นการแข่งขันกันเองในประเทศไทย ทำให้ราคาตกต่ำเสียหายเป็นอย่างมาก อีกทั้งอยากให้มีการยกระดับราคาข้าวเกรดเอให้สูงขั้น เพื่อที่ราคาข้าวตัวรองของเกษตกรจะสูงขึ้นตาม พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกษตกรมีการเก็บสต๊อคข้าว และชดเชยดอกเบี้ยให้กับโรงสีข้าวที่จะช่วยรับซื้อข้าวจากเกษตกรอย่างต่ำ 8,000,000 ตันทั่วประเทศ
นางสุชาดา สุทธวาวัน ผู้รับซื้อข้าวเปลือกท่าข้าวดอยยาว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวบ้านตามราคากลไลตลาดแล้วส่งไปจำหน่ายต่อที่โรงสีข้าวขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง โดยในวันนี้ราคาข้าวเหนียวสันป่าตองประมาณกิโลกรัมละ 7 บาท สาเหตุที่คาดว่าราคาข้าวที่ต่ำลงกว่าทุกปีเนื่องจากปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตข้าวออกมาเป็นจำนวนมาก คาดว่าในฤดูการเก็บเกี่ยวนี้จะมีชาวบ้านนำข้าวเปลือกมาขายประมาณ 3,000,000 กิโลกรัม อีกทั้งข้าวที่ชาวบ้านนำมาขายให้ที่ท่าข้าวนั้นไม่ได้อายุ และเมล็ดข้าวไม่สวยเนื่องจากข้าวถูกน้ำท่วม ทำให้เมื่อรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวบ้านแล้วนำไปจำหน่ายต่อที่โรงสีในพื้นที่ภาคกลางทางโรงสีก็บอกว่าข้าวไม่ได้มาตราฐาน ทำให้ได้ราคาต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้บางครั้งทำให้ท่าข้าวถึงกับขาดทุนเองเสียด้วยซ้ำ ประกอบกับขณะนี้โรงสีข้าวขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางยังมีจำนวนข้าวที่เก็บสต๊อกไว้เหลืออยู่เป็นจำนวนมากจึงยังไม่มีความต้องการข้าวสูงมากเท่าที่ควร
นายสมาน ทัดเที่ยง เกษตกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตลาดซื้อขายข้าวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้ ประสบปัญหากันเกือบทุกพื้นที่โดยที่พ่อค้าคนกลางมีการกดราคารับซื้อข้าวจากเกษตกรในราคากิโลกรัมละ 6-7 บาท ซึ่งจะขายได้ประมาณ 6,000 - 7,000 บาท เนื่องจากอ้างว่าข้าวมีปัญหาความชื้นต้องใช้เวลานานกว่าจะตากให้แห้ง จึงจะทำการขายได้ซึ่งหากมีการรับซื้อข้าวทุกชนิดในราคานี้จะทำให้เกษตกรขาดทุนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ อยากขอให้รัฐบาลได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่อ้างว่าข้าวของเกษตกรมีความชื้น แต่ในความจริงแล้วในช่วงนี้ก็ผ่านพ้นฤดูฝนเป็นที่เรียบร้อยข้าวก็มีความชื้นลดน้อยลง
อีกทั้งบรรดาพ่อค้าคนกลางหรือโรงสีที่รับซื้อข้าวจากเกษตกรต่างล้วนมีพื้นที่มีลานตากข้าวอยู่แล้วซึ่งนำข้าวไปตากแดดประมาณ 2 วันความชื้นก็หายไปหมดแล้วไม่ได้มีการลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด จึงอยากขอให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยเหลือและกระตุ้นให้พ่อค้าคนกลางมีการรับซื้อข้าวจากเกษตกรอย่างน้อยในราคากิโลกรัมละ 8 บาทชาวนาก็สามารถอยู่ได้
ทั้งนี้ จากการที่มีข่าวออกมาว่าราคาข้าวหอมมะลิตกต่ำนั้น แต่ในความเป็นจริงข้าวหอมมะลิที่เกษตกรปลูกนั้นยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตเลยอยู่ในช่วงระหว่างออกรวงข้างโดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มเก็บเกี่ยวกันในช่วงวันที่ 22 พ.ย.เป็นต้นไป โดยข้าวที่ออกสู่ตลาดในขณะนี้จะเป็นข้าวเหนียวสันป่าตอง ข้าว กข7 ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนให้เกษตกรได้หันมาปลูกข้าวหอมะลิกันมากขึ้น เนื่องจากข้าวหอมมะลินั้นมีราคาค่อนข้างดี โดยตนได้ทดลองปลูกข้าวหอมมะลิโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งสามารถปลูกได้ถึงสองรอบต่อหนึ่งปี และข้าวให้ผลผลิตไร่ละ 700 - 800 กิโลกรัม และขายได้ราคาสูงกว่า 8,000 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวทั่วไปขายได้ 6-7 พันบาทต่อตันเท่านั้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนได้ปลูกข้าวหอมมะลินั้นยังไม่ได้รับผลกระทบเท่าที่ควรเหมือนกับเกษตรกรรายอื่นๆ ที่ปลูกข้าวพันธุ์อื่นเนื่องจากขณะนี้ข้าวหอมมะลินั้นยังไม่ได้เก็บเกี่ยวและหากอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวก็จะนำข้าวไปสีตามโรงสีในชุมชนนำมาบรรจุถุงขายเองในราคาประมารกิโลกรัมละ 15 บาท ก็สามารถเลี้ยงชีพได้อีกด้วยพร้อมทั้งยังมีการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิได้อีกด้วยโดยหากเกษตกรรายใดที่ขาดทุนจากการขายข้าวหรือไม่มีรายได้จริงๆ ก็จะให้เมล็ดพันธุ์ข้าวแจกให้ฟรี