ชาวนาทุกข์หนัก! ราคาข้าวต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ชาวนาบุรีรัมย์เดือดร้อนหนักราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์เหลือ กก.ละ 5 บาท ชี้ไม่คุ้มทุนแต่จำใจขายเพราะต้องนำเงินไปชำระหนี้-ใช้จ่ายในครอบครัว วอนรบ.เร่งช่วยเหลือ
วันที่ 29 ตุลาคม 2559ชาวนาตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากราคาข้าวเปลือกนาปีที่กำลังเก็บเกี่ยวเพื่อนำไปขายตกต่ำ ทั้งถูกผู้ประกอบการโรงสีกดราคาหักความชื้นและสิ่งเจือปนซ้ำเติมอีก ทำให้เหลือเพียงกิโลกรัมละ 5 บาท หรือตันละ 5,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถือเป็นราคาที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี แต่ชาวนาก็ไม่มีทางเลือกจำใจต้องขายแม้จะไม่คุ้มทุน เพราะต้องนำเงินไปชำระหนี้ ธกส. ใช้จ่ายในครอบครัว จ่ายค่ารถเกี่ยว ทั้งจ่ายค่าอุปการณ์เรียนและค่าเทอมให้กับบุตรหลานที่จะเปิดเทอมในสัปดาห์หน้านี้ด้วย
จากความเดือดร้อนดังกล่าวชาวนาจึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือ พยุงราคาข้าวให้สูงกว่านี้หรือไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาทเพื่อให้ชาวนาสามารถอยู่รอดได้ เพราะการทำนาแต่ละครั้งชาวนาต้องลงทุนทั้งค่าไถ ค่าปุ๋ย และค่ารถเกี่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกปีแต่ราคาข้าวกลับต่ำลง ทั้งยังต้องเสี่ยงกับภาวะภัยแล้งน้ำท่วมซ้ำเติมอีก จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาล และผู้ประกอบการโรงสีเห็นใจ เพราะเงินที่ได้จากการขายข้าวถือเป็นรายได้หลักที่จะนำมาจุนเจือครอบครัว และเป็นความหวังเดียวของชาวนา
นางประคอง หูประโคน อายุ 49 ปี ตนและครอบครัวทำนาทั้งหมด 35 ไร่ ลงทุนไปทั้งหมดประมาณ 7 – 8 หมื่นบาท ซึ่งปีนี้ถือว่าได้ผลผลิตดีแต่ราคาข้าวกลับตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าขายข้าวทั้งหมดแล้วจะคุ้มทุนหรือไม่ จากปีที่แล้วขายได้กิโลกรัมละ 9 – 10 บาท ซึ่งนางประคอง ยังได้ยกมือไหว้วิงวอนขอให้รัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งหาแนวทางพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท เพื่อช่วยเหลือชาวนาด้วยเพราะนอกต้นทุนทำนาจะสูงแล้ว ก็ยังต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
เช่นเดียวกับนายสมยศ สิงห์ทองประเสริฐ อายุ 50 ปี ก็บอกตรงกันว่า ปีนี้ราคาข้าวต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี ทำให้ชาวนาขายข้าวไม่อยู่ที่จุดคุ้มทุน ทั้งยังถูกผู้ประกอบการโรงสีกดราคาซ้ำเติมอีก หากรัฐบาลไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพยุงราคาหรือควบคุมดูแลผู้ประกอบการโรงสีแล้ว ชาวนาก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านด้วย หากราคาข้าวตกต่ำแบบนี้ก็ไม่รู้จะนำเงินที่ไหนมาใช้จ่ายในครอบครัว หรือชำระหนี้ ธกส.ที่กู้ยืมมาลงทุนทำนา
ทุกข์หนัก! ชาวนาศรีสะเกษจำใจขายข้าวใช้หนี้ แม้ราคาตกต่ำ
29 ต.ค.59 เกษตรกรในจังหวัดศรีสะเกษ ได้เริ่มในการเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิ กข.15 ซึ่งมีอายุในการเก็บเกี่ยวที่สั้นกว่าทุกสายพันธุ์ โดยต้องใช้รถเกี่ยวออกจากแปลงนา เพราะเริ่มสุกเหลืองเต็มทองทุ่งแล้วในขณะนี้ ซึ่งหากรอแรงงานคนนั้นในทุกวันนี้ไม่มีแล้ว เพราะต่างคนหันไปประกอบอาชีพรับจ้างขายแรงงานยังเมืองใหญ่กันหมด เนื่องจากอาชีพการทำนา ไม่สามารถที่จะมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ทำนาข้าว ต้องขาดทุนแน่ๆ หากไล่ค่าใช้จ่ายจากค่าจ้าง ปักดำ หรือจ้างหว่าน พร้อมไถ ไร่ละ 600 บาท ค่าพันธ์ข้าวกระสอบละ 700 บาท ใช้ 1 กระสอบต่อไร่ ค่าปุ๋ยเฉลี่ยไร่ละ 1,800 บาท ค่าจ้างฉีดยาคุมหญ้าในแปลงนา ไร่ละ 250 บาท สุดท้ายค่าเกี่ยวโดยรถเกี่ยว ไร่ละ 700 บาท รวมแล้วการทำนาจะตกเฉลี่ยไร่ละ 4,050 บาท ขณะที่ข้าวเปลือกไร่หนึ่งจะได้ 400 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 6.50 บาท เกษตรกรจะมีรายได้ ไร่ละ 2,600 บาท ขาดทุนตั้งแต่เริ่มจากทำนา ไร่ละ 1,450 บาท เดิมรัฐบาลช่วยเหลือค่าต้นทุนการผลิตเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ให้ไม่เกิน 10 ไร่ เฉลี่ยได้ช่วยลดต้นทุนมาแล้ว คนละ 10,000 บาท วันนี้วอนรัฐเร่งช่วยขยับราคาให้สูงขึ้น อย่างน้อยขออย่าให้เกษตรกรขาดทุน
เกษตรกรรายหนึ่ง นายสวัสดิ์ สมบัติ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 474 หมู่ที่ 7 ตำบลกำแพง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า วันนี้ข้าวหอมมะลิพันธุ์ กข.15 ของตนเริ่มสุกเหลืองเต็มทุ่งแล้ว ซึ่งข้าวพันธุ์ กข.15 จะสุกก่อนพันธ์ข้าวหอมมะลิ ดังนั้นก็จำเป็นที่จะต้องเก็บเกี่ยวออกจากแปลง ซึ่งก็เป็นเหมือนกันกับเกษตรกรายอื่นๆ แม้วันนี้ราคาจะตกต่ำก็ตาม แต่ก็ต้องเร่งเก็บเกี่ยวนำไปขาย
ขณะที่โรงสีหลายแห่งยังไม่เปิดรับซื้อ โดยอ้างว่าข้าวเก่ายังคงเหลือเยอะ ยังไม่ได้ขายออก จำต้องไปติดต่อขายให้โรงสีใหญ่ที่อยู่อำเภอห้วยทับทัน ซึ่งจะต้องขนไปเอง ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 6.50 บาท ซึ่งหากคิดต้นทุนการทำนา ขาดทุนเห็นๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะต้องขายนำเงินมาหมุนจ้างเกี่ยวในแปลงต่อๆ ไปอีก
ไม่ง้อโรงสี! ชาวนาสุรินทร์สีข้าวขายเอง หลังราคาข้าวตกต่ำ
29 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ราคาข้าวหอมมะลิที่จังหวัดสุรินทร์ทางโรงสีจะรับซื้อไว้ในราคากิโลกรัมละ 5 บาท ทำให้เกษตรกรชาวนาที่ทำนาไม่คุ้มทุนกับการปลูกข้าว จึงได้มารวมตัวประชุมประชาคมกันที่ศาลากลางหมู่บ้าน เรื่องของความเดือดร้อนราคาข้าวเปลือก ที่ทุกคนลงทุนไปไร่ละประมาณ 5,000 บาท ได้ข้าวเปลือกนำไปขายให้กับโรงสีพ่อค้าคนกลางก็จะได้ราคากิโลกรัมละ 5-6 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับทุนที่ลงไป จึงได้มีมติรวมกันที่จะนำข้าวเปลือกไปจ้างโรงสีสีเป็นข้าวสาร แล้วนำมาบรรจุถุงขายเอง
นายเมธี ขอไชย ปลัด อบต.สะกาด รักษาการแทนนายก อบต.สะกาด อ.สังขะ จ.สุรินทร์ บอกว่า ที่เกษตรกรชาวนามารวมตัวปรึกษากัน ทำประชาคมเพื่อนำข้าวเปลือกไปสีเป็นข้าวสารมาบรรจุถุงขายกิโลกรัมละ 27 บาท จะบรรจุถุงละ 5 กิโล กับ 50 กิโลโดยไม่ต้องไปพึ่งพาขายให้กับโรงสี และตอนนี้กำลังทำถุงเพื่อบรรจุข้าวสารหอมมะลิคุณภาพ จะเป็นรูปธรรมในวันพุธ วันที่ 2 พ.ย. 2559 นี้
นายสุข ยิ่งคง กำนันตำบลสะกาด อ.สังขะ จ.สุรินทร์ บอกถึงโครงการนำข้าวเปลือกไปสีเป็นข้าวสารแล้วมาบรรจุขายนั้นเป็นโครงการที่ดี แต่ตอนนี้ยังไม่คุ้มกับค่าส่งเพราะบางคนสั่งมา 5 กิโลกรัมบ้าง 10 กิโลกรัมบ้าง แต่ถ้าสั่งมาเป็นก้อนใหญ่ก็จะคุ้มกับค่าขนส่ง เพราะครั้งแรกๆนั้นคนที่มาซื้อก็ยังไม่รู้คุณภาพข้าว และถ้านำไปหุงแล้วอร่อยมีคุณภาพก็จะมีออเดอร์สั่งเข้ามามาก แต่ตอนนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ในส่วนที่นำข้าวเปลือกไปขายให้กับโรงสีนั้น โรงสีบางโรงก็ยังไม่ยอมรับซื้อ และถ้าโรงสีจะซื้อก็จะซื้อในราคากิโลกรัมละ 5-6 เท่านั้น ซึ่งทางโรงสีจะบอกว่าไม่มีที่อบแห้ง จึงได้มาปรึกษาทำประชาคมเพื่อช่วยตัวเอง
นายอนันต์ วังอมรมิตร กก.ผจก.โรงสีไฟ บริษัททรัพย์อนันต์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงสีที่รับซื้อข้าวรายใหญ่ และสีเป็นข้าวสารบรรจุไปขายทั่วประเทศตั้งอยู่เลขที่ 56 หมู่ 10 ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ บอกว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่โรงสีรับซื้ออยู่ในขณะนี้ในราคากิโลกรัมละ 6 บาทกว่า และความชื้นไม่เกินกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ และที่มีกระแสข่าวว่าโรงสีบางโรงรับซื้อข้าวเปลือกหมอมะลิกิโลกรัมละ 5 บาทนั้น ซึ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ และถ้ามาก็จะคงเป็นข้าวเปลือกที่ดำและเปียกน้ำขอร้องให้ทางโรงสีรับซื้อนั้นคงจะเป็นไปได้ ในส่วนที่โรงสีของตนนั้นรับซื้ออยู่ขณะนี้กิโลกรัมละ 6 บาทกว่า ความชื้อไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์
ทางด้านเว็บไซต์ "khonkaenlink.info" จัดโครงการรณรงค์ ซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนา เพื่อช่วยเพิ่มรายได้และคุณภาพชีวิตของชาวนาและลูกหลานให้ดีขึ้น หรือ (E-Rice Thai Farmer)