
แนะรัฐจัดหาที่เก็บสัมภาระ
ปชช.จากต่างจังหวัดออกเดินทางจากที่พักอาคารกีฬาเวศน์ แนะรัฐจัดหาที่เก็บสัมภาระ บอกอายจนท.เปิดตรวจกลิ่นโชย ยายวัย 81 เก็บชุดดำอย่างดีหลังใช้งานสมเด็จย่า พระพี่นาง
29 ต.ค. -- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมามีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เดินทางมาถวายความอาลัยได้ลงทะเบียนเข้าพักบบวันต่อวันภายในโรงยิมอาคารกีฬาเวศน์ ทั้งสิ้น 241 คน. เป็นชาย 114 คน หญิง 127 คน. โดยผู้เข้าพักส่วนใหญ่ตื่นนอนเวลา 03.00 น. เพื่อทำความสะอาดร่างกายเก็บสัมภาระพร้อมแจ้งคืนถุงนอนและลงทะเบียนออกจากที่พัก เพื่อเตรียมตัวไปรอขึ้นรถบริการประชาชนของขสมก.ซึ่งจะเข้ามาให้บริการรับประชาชนออกเดินทางไปยังท้องสนามหลวงวันละ 2 รอบ รอบละ 2 คันรถ โดยรอบแรกรถออกในเวลา 05.00 น. และจะกลับมารับรอบสุดท้ายในเวลา 08.00 น. โดยในวันนี้ (29 ต.ค.)เจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อจองที่พักให้กับประชาชนที่จะเดินทางมากราบพระบรมศพ แบ่งเป็น จ.อุบลราชธานี 4 คน. สตูล 40 คน และสุราษฎร์ธานี 100 คน
นางสมจิตร คงผลาญ อายุ 62 ปี นางสุบิน จันทะแขก อายุ 54 ปี และนางปราณี แก้วลาย อายุ 54 ปี กล่าวว่าพวกตนเป็นชาวจังหวัดตรัง. เดินทางด้วยรถไฟมายังสถานีหัวลำโพงแล้วเข้าไปถวายความอาลัยที่สนามหลวง จากนั้นได้มาลงทะเบียนขึ้นรถและเข้าพักที่อาคารกีฬาเวศน์ ตามที่มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ในวันนี้ (29 ต.ค.) หากไม่สามารถเข้าไปกราบพระบรมศพได้ ก็จะกลับมาค้างที่อาคารกีฬาเวศน์อีก โดยในเช้าวันต่อไปจะทำธุระส่วนตัวและเก็บสัมภาระให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันรถบริการที่ารับเที่ยวแรกในเวลา. 05.00น. และตั้งใจว่าจะยังไม่เดินทางกลับจนกว่าจะได้เข้าไปกราบพระบรมศพ
นางนุชรี คนมีศิลป์ อายุ 42 ปี และนางคำ สอรสระคู อายุ 56 ปี ชาวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเดินทางด้วยเครื่องบินมาพร้อมหลานสาวอีก 1 คน เปิดเผยว่า หลังการสวรรคตเพียง 1 วัน. ตนไปลงทะเบียนที่จังหวัดเพื่อรับคิวรถโดยสารเดินทางมาถวายความอาลัย ซึ่งได้รับคิวในเดือนเม.ย.60 ตนจึงเก็บเงินเพื่อจองตั๋วเครื่องบินในโปรโมชั่นลดราคา ในเงื่อนไขไป 27 ต.ค. กลับ. 31 ต.ค และต้องเดินทางอย่างน้อย 3 คน. ซึ่งการเดินทางสะดวกสบาย เมื่อลงเครื่องบินก็มีรถรับส่งมายังสนามหลวง ในวันนี้ตั้งใจจะเข้าไปกราบพระบรมศพให้ได้ หากลงทะเบียนไม่ทันก็จะไปลงทะเบียนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
นางนุชรี กล่าวอีกว่า สำหรับที่พักที่ทางราชการจัดไว้ให้มีความสะดวกสบาย. แต่ไม่มีบริการรับฝากสัมภาระทำให้ต้องขนสัมภาระไปถวายความอาลัย ซึ่งตนเกรงจะไม่เหมาะสมเพราะในกระเป๋าเป็นเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว เปียกเหงื่อมาทั้งวัน นอกจากนี้กระเป๋าสัมภาระยังเป็นภาระให้กับเจ้าหน้าที่ในจุดตรวจค้นต่าง ๆ ด้วย ส่วนตัวเมื่อต้องผ่านการตรวจค้นตามระเบียบหลายจุดทำให้รู้สึกเกรงใจและอายเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องรื้อค้นกระเป๋าเสื้อผ้าที่มีกลิ่น โดยเฉพาะพวกตนที่กลัวว่าจะแต่งกายไม่สุภาพ จึงนำรองเท้าหุ้มส้นมาเปลี่ยนอีกคนละ 1 คู่ ก่อนเข้ากราบพระบรมศพด้วย. จึงอยากฝากเป็นข้อสังเกตให้ทางราชการเพิ่มความอนุเคราะห์ให้กับคนต่างจังหวัดในเรื่องการรับฝากสัมภาระด้วย
นายอชุชา ปิ่นละมัย อายุ 43 ปี ชาวสงขลา เดินทางด้วยรถมาถวายความอาลัย เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนคงไม่สามารถเข้าไปกราบพระบรมศพได้ เนื่องจากสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว จึงตั้งใจว่าจะเดินทางกลับไปซื้อเสื้อผ้าชุดสุภาพเป็นเสื้อเชิ้ตคอปกแขนยาว ที่ตลาดหาดใหญ่ และจะเดินทางมากราบพระบรมศพอีกครั้ง เพราะตนไม่คุ้นเส้นทางในกรุงเทพฯจึงไม่กล้าออกไปหาซื้อเสื้อผ้า กลัวว่าจะหลงทางกลับที่พักไม่ถูก
นางดา ชุนสะอาด อายุ 81 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์. กล่าวว่า ก่อนออกเดินทางจากบ้านตนบอกกับหลานว่าจะเข้ากรุงเทพฯเพื่อมากราบพระบรมศพ ในเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ยายมั่นใจว่าจะผ่านการตรวจเพราะชุดนี้ยายตัดตั้งแต่งานถวายเพลิงพระศพสมเด็จย่า นำมาใส่อีกครั้งงานสมเด็จพระพี่นาง จากนั้นก็ทำความสะอาดพับเก็บไว้อย่างดีจนกระทั่งนำมาสวมใส่อีกครั้งในวันนี้ เดิมยายตั้งใจจะมานอนค้างที่สนามหลวง แต่มาพบกับนางรัตนา โบบทอง อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดพังงา นับถือศาสนาอิสลาม ที่มาถวายความาลัยที่ท้องสนามหลวงเช่นกัน โดยนางรัตนาเคยเดินทางเข้ามาถวายความอาลัยแล้วในวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา และกลับเข้ามากรุงเทพฯอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 ต.ค. เมื่อพบกันที่สนามหลวงนางรัตนามีน้ำใจช่วยดูแลยายขณะฝนตกหนัก และนำถุงขยะสีดำขนาดใหญ่มาดัดแปลงเป็นเสื้อกันฝนและกันความหนาวให้ ก่อนจะชักชวนให้ยายมาพักค้างที่อาคารกีฬาเวศน์ ถือเป็นเพื่อนต่างวัย. ต่างศาสนา และอยู่กันคนละมุมประเทศ ที่มีโอกาสมาพบและเป็นเพื่อนกันที่ท้องสนามหลวง. โดยยายตั้งใจว่าจะยังไม่เดินทางกลับบุรีรัมย์จนกว่าเข้ากราบพระบรมศพ