ข่าว

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

29 ต.ค. 2559

ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ชุดแรก เวลา 05.15 น.วันนี้

        ตามที่มีพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 2559 เป็นต้นไป เวลา 08.00-21.00 น.ทุกวัน (ยกว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) นั้น

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

          วันนี้(29ต.ค.) ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางมีประชาชนจำนวนมากจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาจองบัตรคิวเพื่อให้ได้เข้าไปสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชผู้เป็นที่รักและศรัทธายิ่งของปวงชนชาวไทย บางคนนอนกลางดิน ทนหนาวเย็นจากน้ำฝนมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน แต่อุปสรรคเหล่านี้หาได้มาขวางกั้นศรัทธาอันแรงกล้าผนวกกับความจงรักภักดีของปวงพสกนิกรชาวไทยทีมีต่อพ่อแห่งแผ่นดิน

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

           ต่อมาเวลาสำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนขึ้นสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ชุดแรก เวลา 05.15 น. โดยบรรยากาศของการสักการะพระบรมศพเป็นไปด้วยความเศร้าโศกยังคงมีเสียงสะอื้นไห้พร้อมคราบน้ำตาของความโศกเศร้า พสกนิกรหลายคน นำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ในพระอิริยาบถต่างๆมาถือไว้แนบอก พร้อมตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าดวงพระวิญญาณว่าหากเกิดชาติหน้าขอได้เป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

           นายกล้า ลอดสันเที๊ย พร้อมด้วย นางยุพิน คำทองหลายและลูกสาว เด็กหญิงกังสฎา คำทองหลาย วัย 10 ปี เดินทางมาจาก อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่ได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพในเวลา 05.15 น.​ โดยภายหลังถวายสักการะเสร็จแล้ว เจ้าตัวเล่าว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขณะที่ถือพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพ สำหรับให้ประชาชนเก็บไว้เป็นที่ระลึก เป็นภาพพระบรมโกศพระบรมศพสี่สี ขนาด 5X7 นิ้ว ว่า เดินทางมารอถวายสักการะถึงตั้งแต่เวลา 21.15 น. ของวันที่ 28 ตุลาคม 59 ด้วยความตั้งใจแม้ว่าฝนตกหนักก็ไม่ท้อ 

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

         เพราะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่อยากเข้ามาแสดงความรักต่อพระองค์ท่าน เพราะทรงช่วยเหลือประชาชน ได้เห็นทุกคนได้รบความรักความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงคิดถึงพระองค์เองเลย ไม่ว่าจะเป็นถิ่นทุรกันดารทั้งขึ้นภูเขาข้ามลำห้วยลำบากเพียงใดก็ไม่ทรงท้อ ด้วยเหตุนี้ตนเองและครอบครัวจึงตั้งใจอยากมาร่วมส่งพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

          อีกหนึ่งคนที่ตั้งใจมาร่วมถวายสักการะหน้าพระบรมศพเป็นกลุ่มแรกของวันนี้ คือนางกมลวรรณ สุขเขียว อายุ 59 ปี ซึ่งเดินทางมาจากศาลายาตั้งแต่ 17.00 น.วานนี้ โดยมาคนเดียว เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้มาลงนามถวายความอาลัยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ที่ศาลาสหทัย 4 ครั้ง และเมื่อได้ทราบว่าวันที่ 29 ตุลาคมนี้ สำนักพระราชวังเปิดให้เข้าสักการะหน้าพระบรมศพจึงตั้งใจมาอีกครั้ง แม้ว่าเพื่อนๆ จะชวนให้รอมาวันหลังแต่ตนไม่อยากรอแม้เพียงวันเดียว เพราะอยากมาแสดงความรักต่อพระองค์ท่าน ถึงจะต้องรอนานแค่ไหนหรือต้องตากฝนตากแดดก็ไม่ท้อ 

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

นางกมลวรรณ สุขเขียว 

          เพราะพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงลำบากที่ทรงทำเพื่อประชาชนมากกว่านี้หลายร้อยหลายพันเท่า ทั้งนี้นางกมลวรรณเล่าพร้อมกับน้ำตาว่า ทั้งที่พระองค์สวรรคตไปแล้ว 16 วันแต่ตอนที่ขึ้นไปกราบใกล้ๆ รู้สึกใจหาย น้ำตากไหล ไม่อยากให้ทรงสวรรคต อยากให้พระองค์ท่านอยู่กับประชาชนไปนานๆ อย่างที่ทรงสัญญาไว้ว่าจะทรงอยู่ถึง 120 ปี เมื่อถามถึงส่ิงที่น้อมนำพระราชดำริใดมาใช้ในการดำเนินชีวิต เจ้าตัวเผยว่า เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง อยู่อย่างพอกินพอใจ รู้จักประมาณตนเอง

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

            นายดาว บุญแจ่ม พสกนิกรชาวจังหวัดพิษณุโลก หนึ่งในประชาชนกลุ่มแรก ที่ได้ขึ้นไปสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิต ได้เดินทางมาจากบ้านเกิดที่ จ.พิษณุโลก พร้อมกับครอบครัวพ่อแม่ลูกอีก 8 คน ตั้งแต่หัวค่ำเมื่อวานนี้ ถึงแม้จะเจอกับสายฝนที่โหมกระหน่ำมาอย่างหนักก็ไม่เคยหวั่นเกรง ด้วยจิตแห่งความภักดีหนุ่มใหญ่วัย 40 เศษพร้อมลูกน้อยก็ผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ด้วยดี โดยนายดาว กล่าวว่ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่จากนี้ต่อไปจะไม่มีพระองค์ท่านอีกแล้ว แต่ลึกๆในใจก็คิดว่าพ่อจะได้พักผ่อนไม่ต้องเหนื่อยเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว เพราะอย่างน้อยพระองค์ท่านก็ยังสถิตอยู่ในใจพวกเราปวงพสกนิกรชาวไทย

ปชช.เข้าถวายสักการะพระบรมศพชุดแรกตี5เศษ

ภาพครอบครัวนายดาว

          “ตอนแรกก็เหมือนผมจะทำใจกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้ แต่พอได้ดูทีวีแล้วเห็นภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านที่ทรงงานหนักตลอดเวลาไม่เคยทรงหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว พระองค์ท่านทรงทำงานหนักเพื่อคนอื่นตลอดเวลา มิเคยย่อท้อต่ออุปสรรคและปัญหาที่ขวางอยู่ด้านหน้า สิ่งเหล่านี้เองล้วนเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมไม่เคยกลัวและหวั่นเกรงกับปัญหาใดๆ พร้อมที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาที่รออยู่ข้างหน้า”

           นอกจากนี้นายดาว ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมน้ำตาคลอสองเบ้าว่า ถ้าแม้เลือกได้ผมขอแลกชีวิตของผมเพื่อให้พระองค์ท่านยังทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวไทยตลอดไป และถ้าชาติหน้ามีจริงผมขอเกิดเป็นข้ารองพระบามทุกชาติไป

             นางอุสุมา โชตินอก วัย 56 ปี เผยว่า เดินทางมาตั้งแต่บ่ายของวันที่ 28 ต.ค. เพราะตั้งใจมานั่งรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เป็นคิวแรกๆ อดทนทั้งคืนไม่ได้นอน ระหว่างรอก็ช่วยจิตอาสาแพ็คข้าวแจกประชาชนที่จะมาตอนเช้าไปด้วย จนตอนเช้ามืดเจ้าหน้าที่ก็เรียกให้มาเข้าแถว รอเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ

นางอุสุมา โชตินอก

       “เข้าไปด้านในแล้วน้ำตาไหลตลอด ยิ่งใกล้ก็ยิ่งคิดถึงพระองค์ท่าน ตอนนั้นมองไปที่พระบรมโกศ ก้มกราบแล้วคิดบอกพระองค์ว่าจะนำเรื่องราวของท่านบอกต่อแก่ลูกหลาน ไม่ให้คนรุ่นหลังลืมเลือน และปลาบปบื้มใจมาที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยในรัชกาลที่ 9 เกินครึ่งชีวิตที่ได้อยู่ในใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน จะไม่ลืมเลือนพระกรุณาธิคุณทุกๆ เรื่องที่ทรงมอบให้คนไทยเลย” นางอุสุมา กล่าวทั้งน้ำตา