
ประชาชนเตรียมสัมภาระนอนสนามหลวง
ประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดในวันนี้และบางส่วนได้เข้าถวายสักการะเบื่องหน้าพระบรมรูป ณ ศาลาสหทัยสมาคมแล้วนั้น ต่างเตรียมสัมภาระมานอนรอรับบัตรคิวต่อเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยายภายนอกพระบรมมหาราชวังยังคงมีประชาชนเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยอย่างต่อเนื่องในจำนวนนี้มีไม่น้อยที่เตรียมกระเป๋าสัมภาระมาปักหลักตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 28 ต.ค.นอนค้างแรมบริเวณสนามหลวงเพื่อรอเวลาเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเช้าวันที่ 29 ต.ค.
นางสำราญ เลี้ยงอำนวย วัย 52 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี เดินทางมาพร้อมลูกสาวอีก 3 คน ตั้งใจนอนค้างแรมบริเวณสนามหลวงเพื่อรอเวลาเปิดให้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพในเช้าวันรุ่งขึ้นบอกว่า ในชีวิตหนึ่งอยากมาสักการะพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าฝนจะตก หรือแดดร้อนก็ต้องมา แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีโอกาสรับเสด็จฯ อยู่หลายครั้งก็ตาม เพราะอยู่เพชรบุรีใกล้ๆ พระราชวังไกลกังวลที่เสด็จมาประทับบ่อยๆ
"ได้รับเสด็จทุกครั้งรู้สึกดีใจมาก พอท่านจากไปแล้วก็เสียใจเป็นธรรมดา ร้องให้แทบทุกวัน วันนี้เปิดให้ลงนามถวายความอาลัยวันสุดท้ายจึงชวนลูกสาว 3 คน นั่งรถของตำรวจที่จัดอำนวยความสะดวกให้จากเพชรบุรีตั้งแต่ 9 โมงถึงตอนเที่ยงๆ ลูกคนหนึ่งเป็นครูจะเปิดเทอมอาทิตย์หน้าถ้ามาวันอื่นคงไม่สะดวก หาที่หลับนอนกับลูกๆ คิดว่าจะตื่นตอนตี 3 ทำธุระส่วนตัวแล้วต้องรีบไปเข้าแถวรับบัตรคิวตอนตี 5 ครึ่ง ลำบากหน่อยแต่ไม่เป็นไร เพื่อในหลวงทำได้ ตอนกราบพระบรมศพจะอธิษฐานไม่ว่าชาติไหนจะขอเกิดเป็นลูกท่าน และจะใช้ชีวิตพอเพียงอย่างที่ท่านสอน บอกลูกๆ ให้ทำตามด้วย "นางสำราญกล่าว
ด้าน นางรำไพ แสนสิทธิ์ ราษฎรชาวจังหวัดอุดรธานีวัย 40 ปีที่มากับตาวัย 63 ปี และปักหลักอยู่ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเล่าว่าหลังจากลงนามแสดงความอาลัยแล้ว ก็อยากสักการะพระบรมศพด้วยเลยตัดสินใจเดินทางมาในวันที่ 28 ต.ค.เพื่อจะได้อยู่ถึงเช้าจะได้ไม่มีปัญหาการเดินทาง เพราะพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นทุกอย่างในชีวิต รักและศรัทธาในพระองค์มาก ออกเดินทางมาตั้งแต่ 4 โมงเย็นวันที่ 27 ต.ค.ด้วยรถไฟถึงกรุงเทพฯ ตอน 8 โมงเช้าวันนี้ แล้วมาสนามหลวงเลย ไม่สะดวกสะบายแต่ก็ต้องมาให้ได้
"จำได้ว่าในหลวงเคยเสด็จไปที่ ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน อุดรธานี เมื่อ 30 ปีก่อน ยายก็พาไปรับเสด็จ เราเป็นเด็กไม่รู้ว่ายายรอใคร ยายบอกรอในหลวง ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี รบเร้าชวนยายกลับบ้าน แต่ยายให้รอก่อน สักพักมีขบวนรถวิ่งผ่านยานก้มลงกราบ เราก็กราบตาม พอโตขึ้นถึงเข้าใจทุกอย่าง ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน ในหลวงต้องไปช่วยประชาชน ทั้งที่เป็นกษัตริย์จะสั่งการก็ได้ ที่บ้านทำนาก็เอาคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ทำไร่นาสวนผสม ได้ผลดีอย่างที่ท่านบอก ไม่เดือดร้อนด้วย หนี้สินก็ไม่ค่อยมี ชีวิตดีขึ้นถึงไม่รวย พรุ่งนี้จะต้องรีบตื่นแล้วรับบัตรคิวเพราะรู้ว่าคนต้องมากันเยอะมากๆ "นางรำไพ เผย
นายสมศักดิ์ กองทองหลาง อายุ 61 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.โตนด อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ที่เดินเท้าออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. เป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อมาถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และลงนามแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มาถึงศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยนายสมศักดิ์เปิดเผยว่า เป็นความตั้งใจที่อยากจะเดินมาสักการะพระองค์ท่าน และตั้งสัจจะไว้ว่าจะไม่ขึ้นรถมาเด็ดขาด เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาชนชาวไทย สิ่งที่ตนทำยังไม่เทียบเท่ากับที่พระองค์ทรงงานหนักมาตลอดพระชนม์ชีพ ที่ผ่านมาตนได้ดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ ทำให้ชีวิตมีความสุขและไม่เดือดร้อน
“ตลอดทางที่เดินมาก็มีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิต่างๆ คอยอำนวยความสะดวก แล้วก็มีประชาชนที่เห็นมามอบน้ำและอาหารให้ บางคนก็ให้ที่พัก ผมเดินทางมาถึงสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ประมาณ 4 ทุ่ม คนแถวนั้นก็ให้ที่พักค้างคืน พอเข้าจึงออกเดินเท้าตอน 8 โมง จนมาถึงที่นี่ รู้สึกภูมิใจมากที่ได้ทำสมความตั้งใจและได้มาลงนามแสดงความอาลัยพระองค์ คืนนี้ตั้งใจจะนอนพักค้างคืนที่สนามหลวง รอเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ในวันพรุ่งนี้เช้า” ลุงวัย 61 ปีกล่าว