ข่าว

ธนาคารโค-กระบือ : พ่อฝากไว้"วัวควายไม่สูญพันธุ์"

ธนาคารโค-กระบือ : พ่อฝากไว้"วัวควายไม่สูญพันธุ์"

19 ต.ค. 2559

โดย - โต๊ะข่าวเกษตร


               ปฐมเหตุจากความตองการของภาคเกษตรกรรมในการใช้แรงงาน โค-กระบือ ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เนื่องจากอดีตที่ผ่านมาสัตว์เหล่านี้ถือเปนปจจัยการผลิตที่สําคัญต่อชาวนา เพราะเป็นแรงงานเดียวที่ทําหนาที่แทนเครื่องจักรกลในกระบวนการผลิตขาวเกือบทุกขั้นตอนตั้งแต่ไถ พรวน นวด ขนยายผลผลิต ฉุดลากเครื่องทุนแรงสูบน้ำอุปโภค ลากเกวียนเพื่อการขนสงในถิ่นทุรกันดาร

               เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา จากปริมาณความต้องการใช้แรงงาน โค-กระบือ 6-8 ลานตัวต่อปี ทว่า ปัจจุบันความต้องการ การใช้แรงงานลดลงโดยเหลือเพียงกว่า 1 ล้านตัว เปนผลพวงโดยตรงจากความกาวหนา และการขยายตัวของเทคโนโลยี ทําใหเกษตรกรหันมาใชเครื่องจักร เครื่องมือทุนแรงแทนการใชแรงงานแบบดั้งเดิม 

 

ธนาคารโค-กระบือ : พ่อฝากไว้\"วัวควายไม่สูญพันธุ์\"

 

               ด้วยวิถีการผลิตแบบใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพ และผลผลิตสูง ที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี ใช้พลังงาน ใช้เงินทุนมาก สำหรับเกษตรกรที่มีฐานะยากจน มีพื้นที่ทำกินขนาดเล็ก จะไม่สามารถดำเนินวิถีการผลิตเช่นนี้ได้ ขณะเดียวกันก็ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะโค-กระบือ ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตวิถีแบบดั้งเดิม กลายเป็นสิ่งหายากและมีราคาสูง
 
ดำเนินตามรอยพ่อ
               จากเหตุและผลดังกล่าว จึงเป็นที่มาของโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราช ดําริ (ธคก.) โดยกรมปศุสัตว์ได้สนองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เน้นบริหารจัดการที่ชุมชนมีส่วนร่วม เริ่มปี พ.ศ.2522 ซึ่งการดำเนินการได้ใช้กระบือของกรมปศุสัตว์ จำนวน 280 ตัว ไปช่วยเหลือเกษตรกรยากจนในพื้นที่ราบเชิงเขา จ.ปราจีนบุรี รายละ 1 ตัว โดยให้เช่าซื้อและผ่อนส่งใช้คืนในระยะเวลา 3 ปี จากนั้นได้มีผู้ร่วมบริจาค โค-กระบือ สมทบจำนวนมาก โครงการจึงขยายไปดำเนินงานในพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้มอบหมายให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเป็นผู้ควบคุมดูแล 

              ต่อเมื่อได้มีการปรับโครงสร้างระบบราชการตามนโยบายของรัฐบาลส่งผลให้หน่วยงานระดับอำเภอถูกยุบเลิกไป ไม่มีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จึงก่อให้เกิดปัญหาในการควบคุมดูแล และให้บริการแก่ประชาชน ดังนั้น ความพยายามที่จะให้ชุมชนมีส่วนร่วมรับผิดชอบควบคุมดูแลซึ่งกันและกัน จึงมีความจำเป็น เพื่อเป็นเครือข่ายประสานงานกับส่วนราชการ และเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ทั้งนี้ โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดําริ (ธคก.) จึงดำเนินไปภายใต้วัตถุประสงค์ ดังนี้

 

ธนาคารโค-กระบือ : พ่อฝากไว้\"วัวควายไม่สูญพันธุ์\"

 

             1.เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล โค-กระบือของ ธคก.ในชุมชนนั้นๆ 
             2.เพื่อให้โครงการมีความยั่งยืน และป้องปรามไม่ให้เกษตรกรที่ไม่มีวินัยไม่ปฏิบัติตามสัญญา
             3.เพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรกรในการประสานงาน และช่วยเหลือส่วนราชการ และ
             4.เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในการดูแลตนเอง ทั้งนี้ พื้นที่ดำเนินโครงการฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ อย่างน้อยจังหวัดละ 1 ชุมชน

              ดังพระบรมราโชวาทที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่สมาชิกกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ณ บริเวณโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เมื่อวันพืชมงคล 14 พฤษภาคม 2523 

             "...ธนาคารโคและกระบือ คือการรวบรวมโคและกระบือ โดยมีบัญชี ควบคุม ดูแล รักษา แจกจ่าย ให้ยืม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเกษตร เพิ่มปริมาณโคและกระบือ ตามหลักการของธนาคาร... 

             ธนาคารโคและกระบือ เป็นเรื่องใหม่ของโลกที่มีความจำเป็นเกิดขึ้น เพราะปัจจุบันมีความคิดแต่จะใช้เครื่องกลไกเป็น เครื่องทุ่นแรงในกิจการเกษตร แต่เมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงขึ้นความก้าวหน้าในการใช้เครื่องกลไกเสียไป จำเป็นต้องหันมาพึ่งแรงงานสัตว์ที่เคยใช้อยู่ก่อน เมื่อหันกลับมาก็ปรากฏว่ามีปัญหามาก เพราะชาวนาไม่มีเงินซื้อโคกระบือมาเลี้ยงเพื่อใช้งาน... 

             ธนาคารโคและกระบือ พอจะอนุโลมใช้ได้เหมือนกับธนาคารที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเงิน เพราะโดยความหมายทั่วไป ธนาคารก็ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสิ่งมีค่ามีประโยชน์ ...

             การตั้งธนาคารโคและกระบือ มิใช่ว่าตั้งโรงขึ้นมาเก็บโคหรือกระบือ เพียงแต่มีศูนย์กลางขึ้นมา เช่น อาจจัดให้กรมปศุสัตว์เป็นศูนย์รวมใครจะสมทบธนาคารโคกระบือ ก็ไม่จำเป็นต้องนำโคหรือกระบือไปมอบให้อาจบริจาคในรูปของเงิน..." 

 

ธนาคารโค-กระบือ : พ่อฝากไว้\"วัวควายไม่สูญพันธุ์\"

 

            ทั้งนี้ สอดรับกับการศึกษาของธนาคารโลกพบว่า ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีเกษตรกรร้อยละ 20 ที่ไม่มี โค-กระบือ เป็นของตนเอง ต้องเช่าโค-กระบือ เสียค่าเช่าในอัตราสูงคิดเป็นข้าวเปลือก 50-100 ถังต่อปี บางครั้งผลผลิตที่ได้ ก็ไม่เพียงพอที่จะชำระค่าเช่า ทำให้เกษตรกรเกิดภาระหนี้สิน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความยากจนและความเดือนร้อนในการดำรงชีวิต

วิธีปฏิบัติตามแนวพระราชดำริ
            กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบ จึงดำเนินการตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน โดยมอบหมายให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด ดำเนินวิธีปฏิบัติดังนี้

            1.สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดคัดเลือกพื้นที่หรือชุมชนที่มีการเลี้ยงโค-กระบือ ตามโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ที่มีศักยภาพและมีความพร้อม อย่างน้อยจังหวัดละ 1 ชุมชน

            2.ประชุมร่วมกับชุมชนเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการของชุมชน ทั้งนี้ควรมีผู้นำที่ชุมชนให้ความเลื่อมใสศรัทธา เช่นพระสงฆ์ หรือครู อาจารย์ เป็นต้น เป็นที่ปรึกษา หรือเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้คณะกรรรมการของชุมชน อาจมีหลายระดับ เช่น หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เป็นต้น ขึ้นอยู่กับขนาดของชุมชนและจำนวนโค-กระบือ ของ ธคก.ที่มีอยู่

            3.ให้คณะกรรมการจัดทำรายชื่อเกษตรกรผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนโค-กระบือ ของธนาคารประกาศไว้ ณ ที่ทำการกำนัน ผู้ให้บ้าน หรือศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล

 

ธนาคารโค-กระบือ : พ่อฝากไว้\"วัวควายไม่สูญพันธุ์\"

 

           4.ให้คณะกรรมการรายงานผลการดำเนินงานของ ธคก.ให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทราบทุกเดือน

           5.สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการด้านสุขภาพสัตว์ผสมเทียม รวมทั้งปัจจัยการผลิตอื่นๆ เท่าที่จำเป็น

           6.ในกรณีที่เป็นชุมชนที่ยังไม่เคยได้รับการสนับสนุนพันธุ์สัตว์จาก ธคก.ให้ดำเนินการสำรวจและคัดเลือกเกษตรผู้ซึ่งมีคุณสมบัติ ตามระเบียบของ ธคก.และส่งแบบแสดงความจำนงให้ ธคก.พิจารณาและสนับสนุนพันธุ์สัตว์
           7.ประชาสัมพันธ์การดำเนินโครงการเพื่อเป็นตัวอย่างของชุมชนอื่นในการขยายผลการปฏิบัติต่อไป

           จากนั้นสำนักปศุสัตว์จังหวัดจะติดตามประเมินผล ตรวจสอบรายงานผลดำเนินงานของ ธคก.จากคณะกรรมการของชุมชนทุกเดือน จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าติดตามในพื้นที่ตามความจำเป็น ขณะเดียวกันสำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยออกติดตามผลการดำเนินงานทุก 3 เดือน เช่นเดียวกับกรมปศุสัตว์ โดย ธคก.จะต้องติดตาม นิเทศงาน ประเมินผลการดำเนินโครงการและร่วมแก้ไขปัญหาทุก 6 เดือน 

        

ธนาคารโค-กระบือ : พ่อฝากไว้\"วัวควายไม่สูญพันธุ์\"

 

              โดยผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ โค-กระบือของ ธคก.ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ทำให้โครงการมีความยั่งยืน เกษตรกรไม่นำสัตว์ ของ ธคก.ไปจำหน่าย ขณะที่เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นและมีโค-กระบือไว้ใช้แรงงาน อีกทั้ง จำนวนโค-กระบือในชุมชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น ช่วยในการรักษาสมดุลของธรรมชาติ เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างเครือข่ายเกษตรกรในการประสานงานและช่วยเหลือส่วนราชการ ทำให้ชุมชนเข้มแข็งมากขึ้น ที่สำคัญดำเนินตามรอยพระบาทของในหลวง ที่ได้ทรงมีพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทยทุกคน