ข่าว

ถึงเวลา“ปิดตำรา”หาทางออก... เดินตามรอย"พ่อ"

ถึงเวลา“ปิดตำรา”หาทางออก... เดินตามรอย"พ่อ"

15 ต.ค. 2559

โดย - โต๊ะข่าวเกษตร

                          

             ท่ามกลางสภาวะโกลาหลของภายในประเทศที่ดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นทางออก ไม่เห็นปลายทางแห่งแสงสว่าง ยิ่งมองกว้างออกไปในระดับโลกก็ยิ่งเห็นสารพัดปัญหารุมเร้า ทั้งภัยธรรมชาติ วิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาดและความขัดแย้งทางสังคม ไปจนถึงสงครามที่เริ่มก่อหวอดให้เห็นเค้ารางความรุนแรงให้เห็นทั้งในประเทศและภูมิภาคนี้

            หลายคนเริ่มจะเชื่อแล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลง แต่ขั้วอำนาจของโลกนี้ก็ยังเป็นสามประเทศได้แก่ จีน อเมริกาและญี่ปุ่น ที่ติดอันดับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ส่วนยักษ์ใหญ่ที่กำลังเติบโตขึ้นมาก็คือกลุ่มประเทศ BRICK ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้

 

ถึงเวลา“ปิดตำรา”หาทางออก... เดินตามรอย\"พ่อ\"

 

            ประเทศอินเดียคนของเขาเก่งที่สุดเรื่องคอมพิวเตอร์ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคอมพิวเตอร์ของไทยที่ติดอันดับหนึ่งในสี่ก็จ้างคนอินเดียเข้ามาทำงาน ส่วนรัสเซียตอนนี้แตกเป็น 25 ประเทศ มีประเทศที่ล้มละลายประเทศแรกของโลกรวมอยู่ด้วยนั่นคือบราซิล แต่ตอนนี้บราซิลรอดแล้วเพราะว่าเขามุ่งมั่นพัฒนาด้านพลังงานจนสามารถเปลี่ยนพืชพลังงานเป็นเอทานอลได้ได้ โดยนำอ้อยมาผลิตพลังงาน

           อ้อยนั้นสามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ได้เหมือนปิโตรเลียมเลย รวมถึงได้เป็นเม็ดพลาสติกต่างๆด้วย แต่ผลพวงที่ตามมาคือ ป่าไม้และข้าวปลาอาหารหมด ตอนนี้บราซิลจึงรวยเงินแต่ไม่มีอาหารกิน ต้องไปซื้อจากต่างประเทศเข้ามา เมื่อป่าหมดก็อันตรายมาก อากาศก็แปรปรวนปัญหาอื่นๆ ก็ตามมา นี่คือเส้นทางเดินออกจากวิกฤตของบราซิลที่คิดนอกกรอบแต่ก็ยังคงติดกรอบของตัวชี้วัดของโลก คือ “เงิน” 

 

ถึงเวลา“ปิดตำรา”หาทางออก... เดินตามรอย\"พ่อ\"

 

           บ้านเรานั้น พระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านบอก ท่านสอน ท่านเตือน เรื่องความมั่นคงด้านพลังงานมานานแล้วและทรงทำให้ดูด้วย ในท้องนาของพระองค์ท่านมีโรงกลั่นน้ำมันดีเซล และโรงกลั่นน้ำมันเอททานอล ซึ่งเอทานอลนั้นก็คือเหล้า แต่ไม่ใช่เหล้าแบบที่เราดื่ม เป็นแอลกอฮอล์ที่มาจากการกลั่น หรือเมททานอลที่เป็นพลังงานได้ แต่กินไม่ได้

          เอททานอลหรือเหล้าหมักนั้นชาวบ้านกินได้ แต่ถ้าจะนำมาเป็นพลังงานต้องกลั่นเอาน้ำออกให้เกือบหมดเหลือเพียง 0.2 ไม่เกิน 0.5 เท่านั้น ให้เปอร์เซนต์ของแอลกอฮอล์สูงก็จะเป็นพลังงานใช้กับเครื่องยนต์ได้ ส่วนพลังงานทดแทนอีกชนิดที่พระองค์ท่านทรงทำให้ดูก็คือไบโอดีเซล พระเจ้าแผ่นดินสร้างโรงกลั่นในบ้านของตัวเองที่สวนจิตรลดามาตั้งแต่ปี 2528

         ตัวอย่างทั้งสองรูปแบบนี้คือ วิธีปฏิบัติของพระเจ้าแผ่นดินว่าด้วยทฤษฎีใหม่ ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยเราพอพูดถึงเรื่องทฤษฎีใหม่ก็นึกถึงแต่เกษตรทฤษฎีใหม่ที่วัดมงคลชัยพัฒนา นึกถึงการจัดการที่ดินในรูปแบบ 30: 30: 30: 10 ซึ่งเป็นรูปแบบที่พระองค์ท่านจำลองมาเพื่อประยุกต์ให้เหมาะสมสำหรับชาวนาที่มีที่ดินจำนวนน้อย จะมีที่เพียง 1 ไร่ ก็ทำได้ 10 ไร่ก็ทำได้  ถ้าเป็นหน่วยทหารก็ต้องทำแบบหน่วยทหารมีที่พันไร่ ก็ต้องทำแบบพันไร่ ไปลอกแบบที่ดิน 10 ไร่มาทำ หรือหากทำในโรงเรียนก็ต้องจัดรูปแบบ แบบโรงเรียนให้เหมาะสมนี่จึงเป็นเรื่องใหญ่

 

ถึงเวลา“ปิดตำรา”หาทางออก... เดินตามรอย\"พ่อ\"

 

        คำถามคือ หลักปรัชญาที่พระเจ้าอยู่หัวสอนนั้นคืออะไร หลายคนคงจำได้ว่าท่านบอกว่า “อย่าติดตำรา” เพราะว่าถ้าติดตำราก็ต้องลอกไปทีละหน้าเมื่อหมดก็ต้องปิดหนังสือลงแล้วเปิดหน้าหนึ่งใหม่ แล้วก็ลอกไปสอนกันแบบผิดๆ เพราะเปิดตำราสอน เปิดตำราทำตามกันไปทั้งที่พระองค์ท่านก็ได้เตือนไว้แล้ว

       หลักคิดของทฤษฎีพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่าด้วยความพอเพียง คือ พอเหมาะ พอดี กับฐานะของเราและต้องทำแบบไม่ติดตำรา แต่ต้องมีความรู้ทั้งรอบรู้ รอบคอบและระมัดระวัง ที่สำคัญให้ทำ “แบบคนจน” จะได้ไม่ “ติดตำรา” จนต้อง “ถอยหลังเข้าคลอง”

       ถ้าพยายามหาทางออกแบบเปิดตำราหามามากแล้ว ทำแบบคนรวยมาก็มาก หากยังหาทางออกไม่เจอลองปิดตำราทำแบบคนจนดูบ้างจะเป็นไร