“แจ็ค หม่า”แนะผู้นำเอซีดี

 

  

          10 ต.ค. 59 - นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งเว็ปไซด์อลีบาบา ซึ่งเป็นธุรกิจค้าขายออนไลน์ขนาดใหญ่ของจีน ได้เป็นตัวแทนภาคเอกชนจาก 34 ประเทศ ในกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) รายงานผลการประชุมภาคเอกชนของประเทศในกรอบเอซีดี ต่อที่ประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย เพื่อเสนอไอเดียของต่อกาพัฒนาการเอเชีย ว่า ถ้าเอเชียปราศจากการพัฒนาแล้ว คงไม่มีบริษัทอาลีบาบา ซึ่งวันนี้ขอมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปยังคนรุ่นใหม่ ซึ่งกลุ่มประเทศเอซีดีมีประชากรคิดเป็นสัดส่วนของโลก 60 เปอร์เซ็นต์ และเอเชียมีอัตราการเจริญทางเศรษฐกิจสูง 6 - 8 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

 

          แจ็ค หม่า กล่าวว่า เมื่อไรก็ตามที่พูดถึงเศรษฐกิจโลก ทุกคนก็จะให้ความสำคัญกับกระแสโลกาภิวัตน์มากกว่าการให้ความสำคัญกับรุ่นใหม่ ตนคิดว่า กระแสโลกาภิวัตน์ควรที่จะครอบคลุมคนรุ่นใหม่ด้วย โดยปัจจุบันมีแต่บริษัทใหญ่ๆเท่านั้นที่คิดเป็นจำนวนเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ของโลกที่มีส่วนร่วมกับการค้าของโลก ส่วนตัวมองว่า ควรจะให้โอกาสมาหขึ้นกับธุรกิจขนาดเล็กที่คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของโลกที่่่่่่่่่่่่่เป็นธุรกิจส่วนใหญ่ในขณะนี้ อย่างในอดีตเรามีเส้นทางสายไหมติดต่อการค้าระหว่างกัน แต่ในปัจจุบันเราสามารถสร้าง e-road เพื่อเชื่อมต่อธุรกิจต่างๆให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

 

          “เทคโนโลยีทุกอย่างจะใช้เวลา 50 ปีในการพัฒนา ซึ่งอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้นมาแล้ว 20 ปี ดังนั้นในช่วง 30 ปีต่อจากนี้ จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเห็นรูปแบบการค้า การผลิต การเงิน และชุดความคิดแบบใหม่ โดยใน 100 ปีที่ผ่านมา น้ำมันและถ่านหินจะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ แต่ในศตวรรษต่อจากนี้ ข้อมูลข่าวสาร (DATA) จะกลายทรัพยากรใหม่ที่สำคัญ ” นายแจ็ค หม่ากล่าว

 

          แจ็ค หม่า กล่าวย้อนไปว่า ที่ผ่านมา ประเทศในเอเชียล่าหลังกว่าตะวันตก แต่ตอนนี้เหมือนกับประเทศในเอเชียสามารถหาประโยชน์จากอินเตอร์ได้ดีกว่า เช่น ประเทศจีนที่เมื่อก่อนนี้ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นตลาดด้านอี-คอมเมิร์ซขนาดใหญ่ ซึ่งสาเหตุหลักเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านการค้าในจีนไม่ดี ทำให้การซื้อของอินเตอร์เน็ตกลายเป็นช่องทางหลักในการจับจ่าย ซึ่งต่างจากสหรัฐอเมริกาที่มีโครงข่ายการค้าปลีกที่ครอบคลุม

 

          แจ็ค หม่า มองว่า นอกจากนี้ ในทวีปเอเชียมีโทรศัพท์เคลื่อนที่กว่า 4,000 ล้านเครื่อง ซึ่งจะทำให้ตลาดการค้าขายที่ใหญ่ที่สุด เชื่อว่า เอเชียสามารถเชื่อมต่อกันได้ โดยยึดหลักการที่ว่า “สิ่งเล็กๆ คือ สิ่งที่ดีที่สุด และสวยงามที่สุด และคนรุ่นใหม่ คือ สิ่งที่สวยงาม และมหัศจรรย์ที่สุด ในอนาคต ไม่สำคัญว่าจะเป็นประเทศเล็กแค่ไหน แต่ถ้ามีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ และรู้จักยอมรับเทคโนโลยี ก็สามารถเป็นประเทศที่ทรงพลังได้เช่นกัน”

 

          แจ็ค หม่า กล่าวระบุว่า เทคโนโลยีไม่ได้แย่งงานคน แต่กลับช่วยสร้างอาชีพได้ เช่น ในอาลีบาบา เราสามารถสร้างงานใน 30 ล้านตำแหน่งได้ในประเทศจีน และช่วยให้หลุดพ้นความยากจน โดยเอเชียเป็นทวีปที่เก่งที่สุดในการแก้ปัญหาความยากจน ดูได้จากไทยกับจีนที่สามารถช่วยให้ประชาชนกว่าร้อยละ 5 ของประชากรประเทศหลุดพ้นกับความยากจน

 

          แจ็ค หม่า ชี้ว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลทุกประเทศบอกว่า จะช่วยธุรกิจขนาดเล็กและคนรุ่นใหม่ แต่แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เข้าใจว่า ควรทำอย่างไร สิ่งที่ควรทำคือ สร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนธุรกิจดังกล่าว และวางระบบการเงิน ยกตัวอย่าง บริษัทลูกของอาลีบาบาที่ได้ให้เงินกู้บริษัทขนาดเล็กกว่า 3 ล้านราย มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยใช้เวลาปล่อยกู้เพียง 3 นาทีเท่านั้น

 

          แจ็ค หม่า กล่าวเสนอแนะให้รัฐบาลทุกประเทศมีนโยบายส่งเสริมประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีและบริษัทที่มีลูกจ้างต่ำกว่า 30 คน ผ่านการใช้เทคโนโลยีและการศึกษาส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้เอเชียเป็นผู้นำของโลก ไม่เพียงแต่ด้านเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงด้านวัฒนธรรมด้วย

 

          แจ็ค หม่า กล่าวว่า ประเทศตะวันตกมักจะเต็มไปด้วยการแข่งขัน แต่ขณะที่โลกตะวันออกจะมีความอดทนอดกลั้น และเปิดกว้างต่อการมีส่วนร่วม ทั้งโลกตะวันตกและตะวันออกต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เช่น โลกได้เรียนรู้พระพุทธศาสนาจากประเทศไทย โดยนายแจ็ค หม่าได้กล่าวติดตลกว่า เมื่อชาวตะวันตกได้มาอยู่อาศัยในเอเชียแล้ว ก็ทำให้เขาเป็นผู้มีสเน่ห์มากขึ้น พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายประโยควรรคทองว่า “หมดสมัยแล้วที่จะมาแข่งขันว่า ใครก้าวไวที่สุด แต่ควรเป็นใครก้าวไกล และรักษ์โลกที่สุด”

 

          ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณที่นายแจ็ค หม่าที่ได้บอกเล่าประสบการณ์การทำงานกว่า 30 ปีภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ถือเป็นโอกาสของเอซีดีที่จะนำประสบการณ์ดังกล่าวไปขับเคลื่อนด้วยแนวคิดและวิสัยทัศน์ ซึ่งสิ่งที่นายแจ็ค หม่าสร้างขึ้นมานั้นมาจากจินตนาการในอดีตจนเกิดเป็นประสบการณ์และการเรียนรู้ซึ่งเป็นถือเป็นประโยชน์ที่ไม่ใช่ประโยชน์เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อมวลมนุษยชาติของคนทุกประเทศ