ข่าว

เว้นภาษีโอนกองเลี้ยงชีพเข้าอาร์เอ็มเอฟ

เว้นภาษีโอนกองเลี้ยงชีพเข้าอาร์เอ็มเอฟ

05 ต.ค. 2559

ครม.ไฟเขียวยกเว้นภาษีโอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเข้าอาร์เอ็มเอฟ เริ่ม 1 ม.ค.59 แก้ปัญหานายจ้างยุบกองทุนหรือลูกจ้างสิ้นสภาพการเป็นสมาชิก


               นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเห็นชอบการยกเว้นภาษีสำหรับการโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปออมต่อเนื่องในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 เพื่อแก้ปัญหานายจ้างยกเลิกกองทุนหรือกรณีที่ลูกจ้างลาออกจากงานและสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกโดยกำหนดว่า หากมีการโอนเงินออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และโอนไปยังกองทุนอาร์เอ็มเอฟ โดยลงทุนถึงอายุ 55 ปี และมีการลงทุนต่อเนื่อง 5 ปี จะไม่ต้องเสียภาษีเพื่อการรองรับการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยจะไม่ทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ

               ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เสนอให้การโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปออมต่อเนื่องในกองทุนอาร์เอ็มเอฟได้รับการยกเว้นภาษีเช่นกัน เพื่อให้เกิดการออมอย่างต่อเนื่องในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ แต่จะต้องแยกต่างหากจากการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพปกติ

               ปัจจุบันมีลูกจ้างที่อยู่ในระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประมาณ 3 ล้านคน มีนายจ้าง 1.7 หมื่นคน และมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 2.6 หมื่นกองทุน ขณะที่ผู้ถือหน่วยลงทุนอาร์เอ็มเอฟมีอยู่ 6.6 แสนราย

               นอกจากนี้ ครม.ยังปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่30ก.ย.ที่ผ่านมาโดยให้ปรับอัตราค่าจ้างสำหรับลูกจ้างที่มีเงินเดือนไม่เกิน 43,890 บาท ขึ้นไม่เกิน 2% หรือแบบขั้นไม่เกิน 0.5 ขั้น โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2557 ทั้งนี้ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจทั้ง 64 แห่ง มีจำนวนรวมกันประมาณ 3 แสนรายเป็นผู้ที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 43,890 บาท จำนวน 190,000 ราย เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเงินเดือนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับการอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนไปตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2557