ข่าว

 งบ 2 ล.เปิดศูนย์เพาะกาย พัฒนาเบ่งกล้ามระดับโลก

งบ 2 ล.เปิดศูนย์เพาะกาย พัฒนาเบ่งกล้ามระดับโลก

20 ก.ย. 2559

ใช้งบ 2 ล้าน เปิดศูนย์ฝึกเพาะกายและฟิตเนสฯ ที่กกท.หัวหมาก เพื่อยกระดับมาตรฐานพัฒนานักกีฬาไปสู่ระดับโลก หลังอดีตที่ผ่านมาต้องฟิตซ้อมแบบตัวใครตัวมัน

    เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ กกท.หัวหมาก นายณัฐวุฒิ เรืองเวช รองผู้ว่า กกท.ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และ นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดศูนย์ฝึกพัฒนานักกีฬาเพาะกายและฟิตเนสทีมชาติไทย เพื่อรองรับนักเพาะกายทั้งชายและหญิงจำนวนกว่า 60 คน ให้มาฟิตซ้อมร่วมกันในสถานที่แห่งนี้ ภายใต้งบประมาณการสนับสนุนเป็นอย่างดีในเรื่องของอุปกรณ์จาก บริษัทโรงงานฟุตบอลไทยสปอร์ตติ้งกู๊ดส์ จำกัด หรือ เอฟบีที และ บริษัท เอ็นเค ฟิตเนส รวมเป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท 
    นายศุกรีย์ เปิดเผยว่า จากอดีตที่ผ่านมานักเพาะกายและฟิตเนสทีมชาติไทยเวลาฝึกซ้อมต้องกระจายไปอยู่ตามโรงยิมส์ต่างๆ บางครั้งการติดตามผลงานนักกีฬาแต่ละคนรวมไปถึงการเพิ่มเติมในเรื่องของเทคนิคอาจไม่ทั่วถึง ที่สำคัญการให้ความรู้ในเรื่องของโภชนาการและการระมัดระวังในเรื่องของการใช้สารกระตุ้น หรือยา "โด๊ป" สำหรับนักกีฬานั้น สมาคมตระหนักในเรื่องนี้เพราะเราถูกจับตามองจากองค์กรกีฬารระดับโลกมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อทาง กกท. เอื้อเฟื้อในเรื่องของสถานที่ใต้สนามราชมังคลาฯ เราจึงได้ติดต่อสปอนเซอร์ใจดีให้เข้ามาสานฝันเป็นบ้านของตัวเองอย่างจริงจังเสียที เพื่อต้องการยกระดับมาตรฐานนักกีฬาเหล่านี้ไปสู่ระดับโลกให้มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกระจัดกระจายการฝึกซ้อมเหมือนแต่ก่อน ยิ่งเวลานี้กีฬาเพาะกายกำลังได้รับความนิยมและแพร่หลายไปทั่วประเทศ ดังนั้นการมีศูนย์ฝึกได้มาตรฐานจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี
    ทั้งนี้สมาคมได้มีทีมงานสตาฟฟ์โค้ชคอยดูแลจอมพลังเบ่งกล้ามทั้งชายและหญิงถึง 6 คน โดยมี อาจารย์บุญชัย แซ่แต้ ในฐานะประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อต้องการให้ทุกคนได้ฟิตซ้อมดูแลร่างกายของตัวเองและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆอย่างมีมาตรฐานสากล พร้อมนำเอาหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาเอามาผสมผสานด้วย เนื่องจากสมาคมยังมีภาระกิจสำคัญที่จะต้องเฟ้นหานักเพาะกายที่พร้อมและดีที่สุดเข้าร่วมการแข่งขันศึกเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก 2016 ช่วงเดือนธันวาคมนี้ ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นอกจากนี้ในอนาคตศูนย์ฝึกดังกล่าวเราต้องการพัฒนาให้เป็นต้นแบบในภูมิภาคอาเซียนควบคู่ไปด้วย เพื่อต้องการให้นักเพาะกายในภูมิภาคใกล้เคียงได้เดินทางมาเก็บตัวฝึกซ้อมต่อไป
    "ศูนย์ฝึกแห่งนี้เราได้รับการสนับสนุนในเรื่องของอุปกรณ์ถึง 2 ล้านบาท เพื่อต้องการพัฒนานักเพาะกายทีมชาติไทยทั้งชายและหญิงก้าวไปสู่ระดับสากล หรือ ในระดับโลกมากยิ่งขึ้น หลังทุกอย่างเราได้เดินมาถูกทางแล้ว จากสมัยก่อนแต่ละคนต้องหาที่ฟิตซ้อมกันเอง แต่ ณ วันนี้เรามีบ้านหลังใหญ่ให้ทุกคนมาฟิตซ้อมดูแลตัวเองได้เต็มที่ นับว่า เป็นเรื่องที่ดีในการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน" นายศุกรีย์ กล่าวทิ้งท้าย