"บิ๊กตู่" ลั่นต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ได้
“นายกฯ” บอกปัญหาชายแดนใต้จบหรือไม่ อยู่ที่การปฏิบัติ หากไม่ได้ข้อสรุปต้องคุยใหม่ ยันความต้องการไทยต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ได้
2 ก.ย. 59 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุข-มาราปาตานี เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯที่ศูนย์ราชการปุตตราจายา มาเลเซีย ว่า ยังไม่มีการรายงานมา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดไปหมดแล้ว ส่วนการพูดคุยก็คุยกันไป บอกแล้วว่าเราต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ได้เสียก่อน
เมื่อถามย้ำว่าพล.อ.อักษรา รายงานความคืบหน้าเข้ามาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ยังๆ แต่ก็เป็นมติไปแล้ว ให้เขาเอาไปคุยอย่างนี้ ถ้าไปคุยนอกกรอบมันได้ไหมเล่า ยังจะไปขยายอะไร คุยก็คือคุย มันจะจบหรือไม่จบอยู่ที่การปฏิบัติ คุยแล้วไม่ทำมันก็ไม่เกิด หลายเรื่องที่คุยแล้วมันก็ไม่เกิด ไม่เกิดก็ต้องคุยกันต่อแค่นั้นเอง สิ่งสำคัญคือเราต้องดูกฎหมายของเราด้วย กฎหมายเราทำอย่างอื่นได้ไหมล่ะที่มันนอกกรอบของกฎหมาย ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไรอันนี้คือประเด็น เย็นนี้ผมจะพูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้ทั้งระบบให้ฟังต่อ ดูว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่ทับซ้อนกันอยู่ การแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยสันติสุขเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการเปิดพื้นที่เพราะฉะนั้นเดี๋ยวรอฟังกัน ขอให้เข้าใจในภาพรวมด้วย จะได้ถามคำถามแล้วเข้าใจกัน”
เมื่อถามว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ก็ต้องตั้งใหม่ ยังไม่รู้ ทำไมล่ะ แล้วคนอื่นไม่มีหรือ ที่จบไปเยอะแยะไม่มีหรือ ไม่ห่วงเขาบ้างล่ะ ผมหาจนได้ ทำไมจะเป็นรัฐมนตรีหรือ ไปตั้งเอาเองก็แล้วกัน ทำไมต้องมาเพ่งเล็งตรงรัฐมนตรี อะไรก็ตอบแทนก็วนอยู่แค่นี้แหละ ตั้งแต่อะไรก็แล้วแต่ไม่ใช่การตอบแทน ตอบแทนประเทศชาติโน่น”
นายกฯ กล่าวว่า ไปดูเรื่องอื่น อย่ามาจับผิดจับถูก บางทีตนเป็นคนพูดเร็ว พยายามวาดภาพมโนภาพตามว่าจริงหรือไม่ ปัญหาประเด็นอยู่ตรงนั้นหรือไม่ การทำงานมีหลายอย่างหรือไม่ เจ้าหน้าที่ทำไมถึงแก้ไขปัญหาไม่ได้มากนัก เพราะมันติดภารกิจอะไรถ้าไม่ให้เขาทำตรงนี้แล้วจะเอาใครมาทำมันก็ไม่มี เพราะฉะนั้นประชาชนต้องร่วมมือ การรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ที่ประชาชนคือต้นทางสำคัญที่จะต้องระมัดระวังตัวเอง ให้ความสะดวกเจ้าหน้าที่ การใช้เส้นทาง การตรวจรถค้นรถ ทุกคนก็โวยวายหมด คนที่ไม่ได้เดือดร้อนก็โวยวาย คนที่เดือดร้อนก็โวยวายสรุปว่าไม่รู้ว่าจะแก้ตรงไหนเพราะโวยวายทั้งคู่ นี่คือข้อเท็จจริง สภาวะแวดล้อมปัจจัยภายในภายนอก กฎหมายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ ไปฟังตอนเย็นแล้วกัน ตนก็คิดเร็วพูดเร็ว เป็นห่วงและกังวลเรื่องนี้มันอยู่ในขั้นตอนของการพูดคุย ไม่สังเกตหรือว่าทำไมเขาไม่พูดคุยกันมาตั้งนานแล้ว เพิ่งมาพูดคุยเมื่อรัฐบาลที่แล้วทำไม มันเป็นการสร้างความรับรู้ว่าเราได้แก้ปัญหาทั้ง 3 ทาง 1.พูดคุยสันติวิธี 2.การบังคับใช้กฎหมาย และ 3.การดูแลสิทธิมนุษยชนที่มีการถูกละเมิดเพราะว่าต้องมาตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมต้องไปแก้เรื่องการศึกษา ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการลงไปแก้ไขเยอะมากไปดูโรงเรียนเขาเป็นอย่างไร เขาสอนหนังสือกันอย่างไรภาษาไทยได้เรียนกันหรือไม่ หลักสูตรมีกี่หลักสูตร โรงเรียนปอเนาะ โรงเรียนตาดีกา มีหรือไม่ ถ้าท่านรู้แบบนี้ท่านจะได้เขียนถูก อย่าไปเขียนว่าพูดคุยแล้วจบไม่จบ เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ได้ป้องกันไม่ดี อย่างไรเจ้าหน้าที่ก็รับผิดชอบอยู่แล้ว และตนก็ต้องรับผิดชอบในฐานะรัฐบาล แต่รับผิดชอบแล้วก็ต้องแก้ไข
เมื่อถามว่าจะมีกรอบอะไรเป็นพิเศษในการพูดคุยร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียในวันที่ 9 ก.ย. หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีกรอบอะไรเป็นพิเศษ เป็นเพียงการหารือร่วมกันในหลายๆ ประเด็น ซึ่งเรื่องนี้เขาจะพูดกันส่วนตัว ไปพูดกันในทวิภาคี ปัจจัยสำคัญคือเรื่องการพัฒนา การค้าขาย ซึ่งเป็นปัญหาระหว่างเราทั้งสองประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องพิเศษออกมาเป็นเรื่องของความมั่นคง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้มีการพูดคุยไปแล้ว ซึ่งจะต้องให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันให้มากยิ่งขึ้น เราก็พูดกันและกันมาในฐานะเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ในการแถลงเรื่องยุทธศาสตร์ 20 ปีของวปอ.ที่บอกว่าปัญหาภาคใต้ต้องจบ นายกฯ กล่าวว่า จบต้องแบบยั่งยืน หมายความว่าเลิกรบและใช้กำลังกันก่อน และไปพัฒนาให้แข็งแรงเหมือนภาคอื่นๆ ซึ่งจะต้องใช้เวลาถึง 20 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะจบภายใน 20 ปีในเรื่องของการต่อสู่แบบนี้ ต่อสู้นั้นต้องเร็วที่สุดเพราะมีคนตาย ส่วนยุทธศาสตร์ 20 ปีคือยั่งยืน เพราะฉะนั้นถ้าแก้ให้เร็วที่สุดได้ยิ่งดี จึงต้องไปเริ่มที่การพูดคุยและทำเวทีให้น่าพูดคุย ใครเป็นคนทำ รัฐเป็นคนเริ่มก่อนหรือไม่ ก็ไม่รู้
เมื่อถามว่าในฐานะที่เคยเป็นผบ.ทบ.และเป็นทหารมานานคิดว่า 20 ปีจะจบได้ทันตาหรือ นายกฯ กล่าวว่า อะไรคือทันตา พัก จบ เลิก ต้องมาฟังตอนเย็นก่อนค่อยมาถามตนว่าทำอะไรไปบ้าง ทั้งนี้ตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษเพราะกำชับมาสองปีแล้วจนเขาเบื่อที่จะฟังตนสั่ง ทุกคนรู้อยู่แล้วทั้งรัฐมนตรี รองนายกฯเขาก็ทราบอยู่แล้วว่าเขาจะต้องทำอะไร ความร่วมมือฉันท์มิตร ตนไม่ใช้อำนาจมากอยู่แล้ว ใช้ความร่วมมือ ความจริงใจต่อกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นหากทุกคนต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันก็มีกำลังใจในการทำงานต่อไป มีแรงศรัทธา ถ้าทำลายความศรัทธาที่มีอยู่มันก็หมด ความศรัทธาสำคัญที่สุด รวมถึงความเชื่อมั่น.



