แขกอินเดีย-ปากีฯย่านพัทยา ยกพวกตีกันวุ่น
แก๊งแขกอินเดีย-ปากีสถาน เคลียร์ปัญหากันไม่จบ ยกพวกมาตีกันวุ่นในร้านอาหาร ย่านพัทยากลาง
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 2 กันยายน ร.ต.อ.อาณกร ถานอาจนา รองสวป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุชาวต่างชาติทะวิวาททำร่ายร่างกายกันภายในร้านอินเดียน เลานจ์ ซึ่งเป็นร้านอาหารอินเดีย ตั้งอยู่ริมถนนพัทยาสาย 2 เยื้องห้างท๊อป พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ที่เกิดเหตุพบคู่กรณีเป็นชาวชายต่างชาติทั้งสองฝ่าย ฝ่ายแรกเป็นเจ้าของร้านอาหารอินเดียที่เกิดเหตุชื่อ MR.ADNAN อายุ 29 ปี สัญชาติอินเดีย พร้อมลูกน้องในร้าน 3-4 คน กำลังใช้มือเปล่าต่อสู้กับคู่กรณีซึ่งเป็นลูกค้าที่บุกเข้ามาหาเรื่องในร้าน
โดยหัวโจกคือนายอุสมาน มูไฮยิดดีน อายุ 23 ปี เป็นลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน ซึ่งมากับเพื่อนๆชาวต่างชาติ 4-5 คน และคู่กรณีสองฝ่ายต่างอยู่ในอาการโมโหด่ากันเสียงดังโวยวาย และใช้มือชกต่อยต่อสู้กันอยู่ภายในร้าน จนชุลมุนวุ่นวาย ขวดเหล้า แก้วชามในร้ายตกแตกกระจายเต็มพื้น พนักงานที่อยู่ในร้านก็พยายามช่วยกันห้ามปรามทั้งสองฝ่ายที่กำลังตีกัน ส่วนลูกค้าก็แตกตื่นหนีกระเจิงจากร้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเข้าระงับเหตุและช่วยกันแยกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายออกจากกันเพื่อสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในอารมณ์โมโหไม่ยอมฟังตำรวจยังด่าทอกันโวยวายจะก่อเรื่องชกต่อยและเอาเรื่องกันอีกให้ได้ โดยจากการตรวจสอบดูทั้งสองฝ่ายที่มีเรื่องกันไม่มีใครบาดเจ็บมากมายเท่าไหร่นักเพราะใช้หมัดชกต่อยกันและยื้อดึงกันจนเสื้อผ้าขาดเล็กน้อย
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ MR.ADNAN เจ้าของร้านอินเดียน เลานจ์ กับลูกน้องทำงาน่ในร้านจู่ๆฝ่ายของนายอุสมาน มูไฮยิดดีน หนุ่มลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารย่านใกล้เคียงถนนวอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ ได้ขับรถมาพร้อมพวก 4-5 คน แล้วมาจอดที่หน้าร้านจากนั้นก็บุกเข้ามาในร้านหาเรื่องคนในร้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากก่อนหน้านี้คนของฝ่ายร้านอาหารอินเดียที่เกิดเหตุได้ไปก่อเรื่องทะเลาะกับฝ่ายของนายอุสมาน มูไฮย่าดดีน ถึงที่ร้านอาหารย่านพัทยาใต้ก่อน ด้วยความแค้นฝ่ายนายอุสมาน มูไฮยิดดีน จึงยกพวกมาที่ร้านของฝ่ายอริบ้างโดยจะเคลียร์ปัญหาแต่ทั้งสองฝ่ายต่างอารมณ์ร้อนตกลงกันไม่ได้ จึงลงไม้ลงมือชกต่อยกันชุนละมัน วุ่นวายภายในร้านจนตำรวจต้องเข้ามาห้ามปรามระงับเหตุไว้ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปโรงพักเพื่อสอบสวนและให้ทั้งสองฝ่ายสงบสติอารมณ์ โดยภายหลังจากที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายถูกจับมาถึงโรงพักต่างฝ่ายก็ต่างใจเย็นลงและสุดท้ายก็ตกลงปรับความเข้าใจกันได้และไม่ติดใจเอาเรื่องกันก่อนที่จะขอแยกย้ายกันกลับไป