
แก้วิกฤตจราจรกทม.-เมืองใหญ่ ต้องเป็นวาระแห่งชาติ
“สปท.”ชงแผนปฏิรูปแก้วิกฤตจราจรกทม.-เมืองใหญ่ จี้รัฐยกเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งศูนย์เฉพาะแก้ปัญหา เผย ถนนกทม.ไม่พอรอรับรถ 9 ล้านคัน ผลาญน้ำมันวันละ 97 ล้านบาท
31 ส.ค. 59 - นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ ในคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) เปิดเผยว่า อนุกรรมาธิการได้ศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ โดยเน้นการจราจรในกรุงเทพฯเป็นหลัก โดยเสนอแผนปฏิรูประยะสั้นหรือเร่งด่วน โดยรัฐจะต้องกำหนดให้ปัญหาการจราจรและความปลอดภัยเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐจะต้องให้การสนับสนุนทั้งด้านองค์กรและงบประมาณ มีการจัดตั้งกองทุนจราจร การจัดให้มีคณะกรรมการผู้ปฏิบัติงานการแก้ปัญหาจราจร โดยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของคณะกรรมการจัดระบบจราจรทางบก(คจร.)มีนายกฯ หรือรองนายกฯที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน ทั้งนี้ให้มีศูนย์ประสานงานกลางเพื่อแก้ปัญหาจราจรโดยมีผู้รับผิดชอบปฏิบัติงานในแต่ละพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันต้องทบทวนบทบาทท้องถิ่นและกรุงเทพฯให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาจราจร การแก้ปัญหาจราจรที่เป็นรูปธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปัญหาการจราจรที่เกิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมรับการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและเหตุสุดวิสัยและอุบัติเหตุ ที่สำคัญในทุก ๆ 6 เดือนให้ประเมินความพึงพอใจของประชาชน
นายเสรี กล่าวว่า รายงานดังกล่าวจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมวิปสปท.ในสัปดาห์หน้าเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสปท.ให้ความเห็นชอบก่อนที่เสนอไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามระหว่างนี้อนุกรรมาธิการฯ ร่วมกับกรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่เพื่อดูปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ปัญหาจราจรของเมืองใหญ่ถือเป็นวิกฤตที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะนอกจากจะทำให้การจราจรติดขัดยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ปัญหาสิ่งแวดล้อม และเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง 97 ล้านบาทต่อวัน หรือตกปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่จำนวนถนนไม่รองรับปริมาณรถที่มีอยู่ โดยในปี 2558 มีรถยนต์จดทะเบียนในกรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 9 ล้านคัน แต่ถนนรองรับได้เพียง 1.5 ล้านคัน ซึ่งเราต้องควบคุมปัญหาปริมาณรถ โดยใช้หลักคิดใครทำรถติดต้องรับผิดชอบ ส่วนข้อเสนอที่ให้ทะเบียนรถเลขคู่หรือเลขคี่วิ่งสลับวันกันนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะกำหนดโซนเพื่อเก็บค่าธรรมเนียมที่เข้าไปใช้ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช่นที่ต่างประเทศดำเนินการ