
มือมืดตระเวนทุบรูปปั้นสัตว์มงคลหลักเมืองบุรีรัมย์
มือมืดตระเวนทุบทำลายภาพแกะสลักพระแม่ธรณี รูปปั้น 12 นักษัตรในสวนสาธารณะ และรูปปั้นสัตว์มงคลในศาลหลักเมืองบุรีรัมย์เสียหาย
24ส.ค.2559 นายกมล เรืองสุขศรีวงษ์ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายยุทธชัย พงศ์พณิช รองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่เทศบาล ได้ตรวจสอบร่องรอยภาพแกะสลักของพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ทำจากทองเหลือง และรูปปั้น 12 นักษัตรหรือ 12 ราศี ที่ก่อสร้างไว้ภายในสวนสาธารณะข้างคลองละลมโบราณ ที่ถูกคนร้ายลักลอบทุบทำลายได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน 7 ตัว นอกจากนั้นแท่นหินแกะสลักรูปมังกร ที่ทำพิธีไหว้เทพฟ้าดินภายในศาลหลักเมือง ซึ่งถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบุรีรัมย์เคารพสักการะ ก็ถูกคนร้ายลักลอบเข้าไปทุบทำลาย โดยคาดว่าน่าจะใช้ของแข็งทุบบริเวณปากมังกรอย่างแรง จนแท่นหินหล่นไปกระแทกพื้นด่านล่างแตกเสียหาย
ทั้งนี้จากการสำรวจโดยรอบศาลหลักเมือง ยังพบรูปปั้นสัตว์มงคลรูปมังกรที่อยู่บริเวณด้านซ้ายของ “ศาลปึงเถ่ากงม่า” ก็ถูกทุบบริเวณปาก ขา เขา ลิ้น และฟันหักเสียหาย รวมถึงรูปปั้นเสือที่อยู่ด้านขวาก็ถูกทุบ หู และเขี้ยว ได้รับความเสียหายเช่นกัน ซึ่งนอกจากคนร้ายจะทุบทำลายรูปปั้นสัตว์มงคลเสียหายแล้ว ยังได้ทำการตัดสายไฟ และดึกหลอดไฟส่องสว่างที่ติดตั้งไว้รอบศาลพระหลักเมืองออกโดยไม่ทราบสาเหตุอีกด้วย
นางทองคำ มีพัฒน์ อายุ 80 ปี ผู้ดูแลศาลหลักเมือง บอกว่า ได้ดูแลความสะอาดและความเรียบร้อยภายในศาลหลักเมืองมากว่า 50 ปีแล้ว ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะลักลอบเข้ามาก่อเหตุทุบทำลายในช่วงกลางคืน เพราะตอนกลางวันตนก็จะเฝ้าดูแลอยู่ตลอดตั้งแต่ 06.30 – 17.00 น. แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ที่มาทุบทำลายเป็นใคร เพราะศาลหลักเมืองถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจ.บุรีรัมย์ จึงไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้ามาทุบทำลายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
ด้านนายกมล เรืองสุขศรีวงษ์ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้นิติกรไปแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์แล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุทุบทำลายภาพแกะสลัก และรูปปั้นสัตว์มงคล ได้รับความเสียหายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เบื้องต้นคาดว่าอาจจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง อย่างไรก็ตามทางเทศบาลก็จะได้เร่งจัดหางบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซม พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก เพราะแม้ความเสียหายจะมีมูลค่าไม่มากนักแต่สิ่งที่ถูกทำลายมีคุณค่าทางจิตใจแก่ประชาชนชาวบุรีรัมย์