
อินโดนีเซียระบุไม่มีที่ว่างให้ชาวเกย์ หลังกลุ่มสิทธิวิจารณ์
กลุ่มสิทธิออกรายงานชี้ แอลจีบีทีในอินโดนีเซียถูกคุกคามหนัก หลังรมต.ดาหน้าพูดต่อต้าน ขณะโฆษกผู้นำโต้สั้นๆ ไม่มีที่ว่างให้ชาวเกย์
11 ส.ค. กลุ่มสิทธิมนุษยชน "ฮิวแมน ไรท์ วอทช์" เผยแพร่รายงาน"เกมการเมืองทำลายชีวิตของเรา : สังคม แอลจีบีที ภายใต้การคุกคาม" ระบุว่า กระแสการแสดงความคิดเห็นโจมตีกลุ่มคนรักเพศเดียวกันในอินโดนีเซียที่เริ่มเมื่อต้นปี ที่รวมถึงเสนอให้ห้ามตั้งกลุ่ม เกย์ ในมหาวิทยาลัยนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่ทางการระดับสูงอินโดนีเซีย โจมตีกลุ่มคนรักเพศเดียวกันอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน และสิทธิของคนกลุ่มนี้ถูกลิดรอนย่ำแย่ลงทันที เมื่อระดับรัฐมนตรี ผู้นำทางศาสนา และองค์กรอิสลามที่ทรงอิทธิพลกล่าวโจมตีพวกเขาตลอดกว่าสองเดือน
รายงานระบุว่า กระแสวิจารณ์แอลจีบีทีอย่างหนักช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ทำให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกันเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. หนังสือพิมพ์ รีพับลิกา ที่มีจุดยืนอนุรักษ์นิยม พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่า "แอลจีบีที เป็นภัยคุกคามร้ายแรง"
ในวันเดียวกัน นายโมฮัมหมัด นาซีร์ รัฐมนตรีกระทรวงอุดมศึกษาประกาศห้ามจัดตั้งกลุ่มองค์กรแอลจีบีที ภายในมหาวิทยาลัย
ต่อมา รัฐมนตรีกลาโหมเปรียบเทียบว่า กลุ่มเคลื่อนไหวสิทธิเพื่อสิทธิคนรักเพศเดียวกันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของสงครามยุคใหม่
เดือนกุมภาพันธ์ นาห์ดลาตุล อูลามะ องค์กรมุสลิมใหญ่สุดของอินโดนีเซีย ระบุว่าวิถีชีวิตของชาวเกย์ เป็นความเสื่อมถอยของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และวิตถาร ส่วนที่เมืองย็อคยาการ์ตา ตำรวจสั่งห้ามชุมนุมสนับสนุนชาวหลากหลายทางเพศ แต่เพิกเฉยการใช้ถ้อยคำรุนแรงของอีกฝ่าย
ที่จ.อาเจะห์ จังหวัดเดียวในอินโดนีเซียที่ใช้กฎหมายอิสลาม ทางการท้องถิ่นถึงกับเรียกร้องให้เจ้าของธุรกิจ ปฏิเสธรับเกย์เข้าทำงาน
รายงานระบุด้วยว่า กลุ่มสิทธิเกย์หลายแห่งปิดสำนักงาน และทีมงานต้องหลบซ่อนตัว เพราะการขู่คุกคามต่อพวกเขาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เสียงประนามของสาธารณชนยังลุกลามรวดเร็ว กลายเป็นเสียงเรียกร้องให้กำหนดว่า การรักเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรม โดยปัจจุบัน ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาคำฟ้องของกลุ่มอนุรักษ์ที่ขอให้แก้ไขกฎหมายอาญา กำหนดให้การมีเพศสัมพันธ์ของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรมที่มีบทลงโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี
ไคล์ ไนท์ นักวิจัยสิทธิชาวหลากหลายทางเพศ ของฮิวแมนไรทส์วอทช์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ยังคงปิดปากเงียบ ทั้งที่กระแสต่อต้านแอลจีบีทีจากเจ้าหน้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกที และไม่สอดคล้องกับที่นายโจโกวีเคยสัญญาตอนหาเสียงเลือกตั้งว่าจะส่งเสริมความอดกลั้น สังคมพหุนิยม และการพูดคุยในหมู่พลเมือง
แต่วันเดียวกัน โจฮัน บุดี โฆษกทำเนียบประธานาธิบดี แถลงตอบโต้ว่า การปกป้องสิทธิของกลุ่มบุคคลหลายหลายทางเพศหรือ แอลจีบีที ไม่ใช่งานสำคัญอันดับแรก สิทธิของพลเมืองในการเข้าเรียน และได้รับบัตรประชาชนจะได้รับการคุ้มครอง แต่ไม่มีที่ว่างในอินโดนีเซียให้กับการแพร่หลายของแอลจีบีที



