ข่าว

เปิดฉาก 'ริโอเกมส์' ตระการตา-ชวนลดโลกร้อน

เปิดฉาก 'ริโอเกมส์' ตระการตา-ชวนลดโลกร้อน

06 ส.ค. 2559

พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่บราซิล สวยงามตระการตา พร้อมเรียกร้องชาวโลกร่วมกันปลูกป่า ลดโลกร้อน ขณะที่ เหรียญทองแดงมาราธอนเอเธนส์เกมส์ รับหน้าที่จุดไฟในกระถาง

          มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 31 "ริโอเกมส์ 2016" ได้มีพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ณ สนามมาราคาน่า นคร ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อในวันที่ 5 สิงหาคม เวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเช้าวันที่ 6 สิงหาคม ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งแม้จะไม่ยิ่งใหญ่อลังการอย่าง "ปักกิ่ง 2008" และ "ลอนดอน 2012" เนื่องจากครั้งนี้เจ้าภาพมีงบประมาณจำกัด แต่ก็ยังคงความสวยงามตระการตา เน้นอุปกรณ์ที่ใช้แรงคนมากกว่าเครื่องมือไฮเทค
          การแสดงเริ่มต้นด้วยชุด "ผืนป่ากับจุดกำเนิดแห่งชีวิต" ที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของประเทศบราซิล ตั้งแต่อดีตที่มีแต่ชนเผ่าพื้นเมืองในป่าอเมซอน จนเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมของโปรตุเกส ที่มีการใช้แรงงานทาสแอฟริกันนานกว่า 400 ปี กระทั่งการเข้ามาของกลุ่มคนหลายเชื้อชาติทั้งชาวอาหรับไปจนถึงชาวญี่ปุ่น
          ถัดมาเป็นการแสดงที่สื่อถึง "ความรุ่งเรือง วิวัฒนาการ กับสิ่งประดิษฐ์แห่งชีวิต" ชี้ให้เห็นถึงวิถีชีวิตชาวบราซิลที่เปลี่ยนแปลงจากผืนป่าสู่มหานครที่มีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอย่างเซาเปาโล และริโอ เดอ จาเนโร รวมทั้งยกย่องความสำเร็จของ อัลเบอร์โต ซานโตส-ดูมองต์ ชาวบราซิล ซึ่งถูกบันทึกว่าเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์การบินของโลก ที่ใช้
เครื่องร่อน "14-bis" ติดเครื่องยนต์บินครั้งแรกได้ระยะทาง 60 เมตร ที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1906
          จากนั้นเป็นการปรากฏตัวของ จีเซล บุนด์เชน นางแบบที่ค่าตัวสูงที่สุดในโลกชาวบราซิล ภรรยาของ ทอม เบรดี้ ยอดนักอเมริกันฟุตบอล ที่มาเดินแคทวอล์คประกอบเพลงแนวบอสซาโนวา "เกิร์ล ฟอร์ม อิปาเนมา" ต่อด้วยบรรยากาศคึกคักสนุกสนานของการแสดงดนตรีและการเต้นรำสไตล์แซมบ้าที่มีกลิ่นอายของเทศกาลคานิวัลอันเลื่องชื่อ
          ปิดท้ายด้วยการรณรงค์แก้ปัญหาภาวะโลกร้อน โดยชี้ให้เห็นถึงอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นจนน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นและเกิดน้ำท่วมในหลายเมืองใหญ่อย่าง อัมสเตอร์ดัม ดูไบ และฟลอริด้า ในการแสดงได้ใช้ เด็กชายเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ มาชักชวนให้คนทั่วโลกช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าและปลูกต้นไม้
          เมื่อจบการแสดงต่อด้วยการเดินพาเหรดของทัพนักกีฬาจำนวน 207 ประเทศ โดยประเทศไทยเดินเข้าสู่สนามเป็นลำดับที่ 183 นำขบวนโดย "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ นักตบขนไก่สาวมือ 4 ของโลก รับหน้าที่ถือธงชาติไทย ตามด้วย อะแมนด้า คาร์ นักจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์, กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม จากเรือใบ, สาวิตรี อมิตรพ่าย, พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข
และบุญศักดิ์ พลสนะ จากแบดมินตัน พร้อมคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทย ซึ่งทุกคนล้วนแต่งกายในชุดไทยตามแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
          นอกจากนี้ ยังมีการมอบรับรางวัล "โอลิมปิก ลอเรล" (olympic laurel) ให้แก่ คิปโชเก ไคโน ตำนานนักวิ่งของเคนย่า วัย 76 ปี เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก วิ่ง 1500 เมตร ที่เม็กซิโก ซิตี้ ปี 1968 และ วิ่ง 3000 เมตร ที่มิวนิค ปี 1972 ซึ่งรางวัลดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเป็นปีแรก เพื่อมอบให้อดีตนักกีฬาโอลิมปิกที่เป็นแรงบันดาลใจและทำคุณงามความดีให้แก่สังคมในวงกว้าง
          สำหรับไฮไลท์การจุดไฟในกระถางคบเพลิงโอลิมปิกนั้น เริ่มจาก กุสตาโว เคอร์เท่น นักเทนนิสชายอดีตมือ 1 ของโลก แชมป์แกรนด์สแลมเฟรนช์ โอเพ่น 3 สมัย เป็นคนแรกที่ถือคบเพลิงเข้าสู่สนาม ก่อนส่งต่อให้ ฮอร์เทนเซีย มาร์การี นักบาสเกตบอลหญิงเจ้าของเหรียญเงินแอตแลนตาเกมส์ ปี 1996 และส่งให้ วานเดอร์ไล คอร์ไดโร เดอ ลิมา เหรียญทองแดงวิ่งมาราธอนเอเธนส์เกมส์ ปี 2004 ผู้ได้รับเหรียญเกียรติยศ ปิแอร์ เดอ กูแบร์แต็ง เป็นผู้ถือคบเพลิงคนสุดท้ายนำไปจุดไฟในกระถาง ก่อนที่กระถางจะถูกชักรอกขึ้นไปเหนือสนาม และหยุดอยู่ตรงกลางวงล้อไฮบริดอลูมิเนียมที่แกว่งหมุนวนเวียนสะท้อนแสงไฟแวววาว สื่อถึงไฟแห่งดวงอาทิตย์ และเข้ากับแนวคิดการประหยัดพลังงาน เป็นกระถางไฟโอลิมปิกรูปแบบใหม่ที่สวยงามแปลกตากว่าทุกๆครั้งเลยทีเดียว