ข่าว

ออกหมายจับพ่อค้าไม้เหนือ สินบนไม้สาละวิน

ออกหมายจับพ่อค้าไม้เหนือ สินบนไม้สาละวิน

26 ก.ค. 2559

จับคดีสินบนค้าไม้สาละวิน ศาลฎีกาพิพากษายืนคุก2ปี "วินัย พานิชยนุบาล" ให้สินบน 5ล้าน เสนออดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ ปล่อยไม้โดนอายัด ปี41 เจ้าตัวหนีไม่มาฟังคำตัดสิน

 

          วันที่ 2 ก.ค.59 - ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ 3770/2544 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวินัย พานิชยานุบาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหวนกิจ (1999) จำกัด ซึ่งเป็นพ่อค้าไม้รายใหญ่ แถบลุ่มน้ำสาละวิน ในจังหวัดภาคเหนือ และ นายประวัติ ถนัดค้า อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลยที่ 1 - 2 ในความผิดฐาน เป็นผู้ให้และรับสินบน เพื่อจูงใจให้เจ้าพนักงาน ใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.144 และ 149

          ตามฟ้องโจทก์ บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 2 ธ.ค.40 -12 ก.พ.41 เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ได้ทำการตรวจสอบและอายัดไม้สักท่อนจากป่าสาละวิน ของ บริษัท สงวนกิจ (2499) จำกัด มูลค่า 180 ล้านบาท ต่อมานายวินัย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหวนกิจ (1999) จำกัด ได้บังอาจให้เงินจำนวน 5 ล้านบาทแก่ นายประวัติ จำเลยที่ 2 เพื่อจูงใจให้จำเลยที่ 2 มีคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาการทำการโดยไม่สุจริตปล่อยไม้ที่โดนกรมป่าไม้อายัด

          โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 พ.ย.48 ว่า โจทก์มีพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้เบิกเงินจำนวน 5 ล้านบาทออกไป หลังจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้ทำการตรวจสอบ และอายัดไม้สักท่อน ของบริษัท สหวนกิจฯ มูลค่า 180 ล้านบาท มาเบิกความยืนยัน ซึ่งสอดคล้องกับพยานแวดล้อมปากอื่นๆ ที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถอนเงิน จำนวน 5 ล้านบาท แล้วนำไปบรรจุไว้ในกล่องกระดาษ โดยใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วนำไปให้จำเลยที่ 2 ที่บ้านพัก ซึ่งพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ โจทก์ยังมีพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางเขน เป็นพยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้มาเบิกเงินด้วยตัวเอง สอดคล้องกับผลการตรวจลายนิ้วมือบนธนบัตร พบลายนิ้วมือของจำเลยทั้งสอง 

          จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยที่ 2 ปล่อยไม้ที่อายัด เป็นความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน เพื่อไม่กระทำการตามหน้าที่โดยทุจริตตาม ม.144 จึงให้จำคุก นายวินัย เจ้าของ บ.สหวนกิจ (1999) จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี และให้จำคุกนายประวัติ อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ จำเลยที่ 2 ฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบนฯตาม ม.149 เป็นเวลา 5 ปี 

          ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์คดี ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสอง มีความร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นลงโทษ มีความเหมาะสมแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น 

          โดยจำเลยทั้งสอง ยื่นฎีกาขอให้ยกฟ้อง แต่นายประวัติ อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ จำเลยที่ 2 นั้น ได้เสียชีวิต ระหว่างฎีกา

          ขณะที่วันนี้ นายวินัย จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้มาศาล โดยศาลอาญา เคยออกหมายจับนายวินัย ไว้แล้ว หลังจากที่ไม่มาศาลตามที่นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อวันนี้ นายวินัย จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลอีก ศาลจึงให้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย

          โดยคำพิพากษาศาลฎีกา เห็นว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดตามที่ถูกฟ้องมาจริง ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดมานั้นมีความ เหมาะสมกับพฤติการณ์ในการกระทำผิดแล้ว 

          จึงพิพากษายืน ให้จำคุก นายวินัย เจ้าของ บ.สหวนกิจ (1999) จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี โดยศาลได้ออกหมายจับตัวนายวินัย จำเลยมาเพื่อมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาต่อไป 

          ส่วนนายประวัติ อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ จำเลยที่ 2 ศาล ได้ตรวจสอบสอบการตายแล้ว พบว่าเสียชีวิตจริงจึงได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ.