ข่าว

 ด.ต.หัวใจศิลป์...ปั้นควายขี้เลื่อยโกอินเตอร์

ด.ต.หัวใจศิลป์...ปั้นควายขี้เลื่อยโกอินเตอร์

09 ส.ค. 2552

บ่ายแก่ๆ ทุกวันอาทิตย์พ่อค้าแม่ค้าบนถนนคนเดิน ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ทยอยขนข้าวของมาจัดตั้งร้านรวงเรียงรายตามสองข้างทาง ชายกลางคนในชุดม่อฮ่อมหน้าตาออกไปทางคนเมือง ร่างเล็ก ร่ำรวยรอยยิ้ม ขะมักเขม้นอยู่กับการตั้งแผงค้าขายเล็กๆ ขนาด 2x2 เมตร ปูทับด้วยผ้าสีแ

 แผงเล็กๆ จัดไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ผลงานศิลปะนานาชนิดวางเรียงรายอวดสายตาแก่ผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีทั้งควายตัวเขื่องเขางามลากไถ ถัดมาเป็นควายหนุ่มสองตัวกำลังประลองเขาก้มงุดและแหงนเบิ่ง พาลให้นึกถึงเรื่องทรพี อันเป็นที่มาของคำสรรพนามเรียกลูกเนรคุณ ด้านเจ้าจ๋อตัวจ้อยในท่าปิดหู ปิดตา ปิดปาก บางตัวทำหน้าทะเล้นยกมือไหว้น่าเอ็นดู หรือจะเป็นเจ้าไก่แจ้ขนสวยหางยาวหงอนแดง ดูไปแสนจะเย่อหยิ่ง ส่วนนกฮูกตาโตสมชื่อเบิ่งจ้องโชว์ดวงตาดำขลับ

 ผลงานเหล่านี้เป็นผลงานของศิลปินข้างถนนคนเมือง หรือคนเหนืออู้คำเมืองนามว่า "ด.ต.อรรณพ อินเหมย" ผบ.หมู่ศูนย์สืบสวนสอบสวน บก.อก.บช.ภ.5 ชายร่างเล็กในชุดม่อฮ่อมที่บรรดาพ่อค้าแม่ขายถนนคนเดินเรียกขานว่าอาจารย์ณพ !?!

 บางร้านบางแผงอาจจะเพียงนำสินค้ามาวางขายเท่านั้น แต่สำหรับดาบณพเขาลงมือทำชิ้นงานที่แผงเลย เป็นการโชว์วิธีการปั้น กว่างานแต่ละชิ้นจะเป็นรูปเป็นร่างจะต้องผ่านกรรมวิธีอย่างไรบ้าง กลายเป็นเสน่ห์เรียกนักท่องเที่ยวหยุดแวะชม เมื่อชมแล้วใครใจไม่แข็งพอก็ต้องควักตังค์ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเสียทุกครั้ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติดูเหมือนต่อมหักห้ามใจจะตื้น จนถูกงานศิลปะจากขี้เลื่อยกระตุ้นจนใจละลายแทบทุกคน เนื่องจากเป็นงานทำมือหมายถึงศิลปะชั้นนี้จะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะไม่ได้ทำมาจากเครื่องจักร สมกับคำโฆษณาในใบปิดหน้าแผง "ศิลปะเอกชิ้นเดียวในโลก"

 สบายๆ สไตล์สีกากีฉบับนี้จะพาไปพูดคุยถึงงานอดิเรกที่นอกจากจะช่วยผ่อนคลายจากงานสืบสวนแล้ว ยังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ดาบณพ หรืออาจารย์ณพกัน เย็นนี้ดาบณพยังคงนั่งทำงานอยู่หลังร้าน ซึ่งอยู่กลางซอยถนนคนเดิน ระหว่างสองมือปั้นควายขี้เลื่อย ปากก็ท้าวความถึงที่มาที่ไปของการมาทำงานศิลปะหารายได้เสริม เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อนเมื่อประสบกับปัญหาด้านการเงิน ภรรยาต้องออกจากงานในขณะที่ลูกสาว 2 คนกำลังจะเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ลำพังรายได้จากอาชีพตำรวจไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จึงคิดหารายได้เสริม และจากการพูดคุยกับเพื่อนตำรวจทราบว่า สวัสดิการข้าราชการตำรวจภูธรภาค 5 มีพื้นที่บนถนนคนเดินให้ตำรวจหาได้พิเศษด้วยการนำสินค้าไปขาย

 โอกาสของดาบณพมาพร้อมกับโชค เมื่อเพื่อนข้าราชการตำรวจคนหนึ่งเลิกขาย ไปทำกิจการอย่างอื่นแทน เขาจึงได้สิทธิ์เข้าไปขายของบนถนนคนเดิน เมื่อได้พื้นที่ก็ต้องหาสินค้ามาขาย ดาบณพเห็นว่าถนนการค้าสายนี้เต็มไปด้วยสินค้าพื้นเมือง โดยเฉพาะผ้าพื้นเมือง จึงไปรับผ้าซิ่นกับผ้าพันคอมาขาย เนื่องจากสินค้าประเภทเดียวกันวางขายจำนวนมากเลยไม่ได้รับความสนใจ สุดท้ายก็ขายไม่ได้ ครั้นนำสินค้าไปคืนเจ้าของร้านก็ไม่รับคืน ต่อรองอย่างไรก็ไม่ได้ นอกจากจะเสียเวลาแล้วยังต้องเสียเงินค่าของจำนวนมาก เงินเก็บสะสมกับเงินกู้จากกองทุนตำรวจจึงหมดไปกับการชำระหนี้

 มีคนกล่าวเอาไว้ว่าโชคชะตาไม่อาจซ้ำเติมคนที่ตั้งใจจริง ดาบณพเองก็เช่นกันการเสียเงินและเวลาไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้หมดกำลังใจ วันหนึ่งระหว่างเดินเล่นอยู่ที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เขาพบกับชายสูงอายุคนหนึ่งกำลังนั่งปั้นไก่ปั้นช้างจากขี้เลื่อย ดาบตำรวจหัวใจศิลป์หยุดมองอย่างตั้งใจ ก่อนจะเกิดไอเดียว่าจะรับซื้อสินค้างานปั้นไปขายที่ถนนคนเดิน ต้นทุนรูปปั้นไก่จากขี้เลื่อยขนาดเท่ากระป๋องเบียร์รับมาชิ้นละ 30 บาท นำไปขายที่ร้าน 50 บาท ปรากฏว่าได้รับความสนใจจนสั่งซื้อแทบไม่ทัน

 ระหว่างที่ธุรกิจเล็กๆ กำลังไปได้สวย จู่ๆ ก็เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ชาวต่างชาติหวาดกลัวอันตรายชะลอเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย ธุรกิจที่อาศัยชาวต่างชาติพากันซบเซา โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวอย่างถนนคนเดิมก็ไม่อาจหลีกพ้นชะตากรรมนี้ ดาบณพจึงประสบกับความผิดหวังอีกคำรบหนึ่ง แต่ในวิกฤติมักมีโอกาสเสมอ จากวิกฤติการท่องเที่ยวครั้งนี้ดาบณพได้คิดว่า แทนที่จะไปรับงานปั้นมาขายอย่างเคย ทำไมถึงไม่ลองปั้นเองขายเอง ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงลองผิดลองถูกเรื่อยมา

 "ผมไม่เคยคิดจะปั้นงานเองเลย เพราะไม่มีหัวและไม่มีฝีมือด้านนี้ แต่ด้วยหลายๆ ปัจจัยเลยต้องเรียนรู้ เพราะงานที่รับมาจะเป็นแบบเดิมๆ หรือพอบางทีลูกค้ามาสั่งเอาแบบนั้นแบบนี้เราไปสั่งต่อเขาก็ปั้นให้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เราก็เสียลูกค้า เลยคิดว่าน่าจะทำเองดีกว่า สุดท้ายก็เลยไปเรียนปั้นกับลุงที่ขายสินค้าให้ผมเลย"

 งานชิ้นแรกของดาบณพคือนกฮูก ซึ่งตัวเขาบอกปนขำๆ ว่าดูยังไงก็ไม่เหมือนนกฮูกเอาเสียเลย ก่อนจะเปรียบเทียบงานปั้นนั้นยากกว่าการถือปืนวิ่งไล่จับผู้ร้ายเป็นไหนๆ หลายครั้งเกิดท้อเพราะปั้นอย่างไรก็ไม่เหมือนแบบ คิดจะเลิกก็หลายครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ฝ่าฝันจนถึงฝั่งฝัน กระนั้นก็ยังมีอุปสรรคให้เรียนรู้และแก้ไขอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องจะทำอย่างไรให้กาวลาเท็กซ์กับขี้เลื่อยเข้ากันได้ ไม่แข็งจนแตกหลังปั้นเสร็จ รวมถึงการผสมสีทาให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด

 "ปัญหาตามมาเยอะแยะ เราค่อยๆ เรียนรู้และแก้ไขทีละเปลาะ ตั้งแต่ปั้นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ ได้แล้วก็มาเจอเรื่องขี้เลื่อยแตก เพราะเราไม่รู้สูตรผสม สีที่ออกมาก็ไม่เหมือนจริง ผมลองผิดลองถูกจนปั้นแล้วไม่แตก ทีนี้ก็มาถึงว่าถ้าเราปั้นแบบเดียวกับครูบาอาจารย์ที่สอนเรามา มันก็เหมือนกับว่าเราไปแย่งงานเขาอีก รู้สึกไม่ดีก็เลยมานั่งนึกว่าจะปั้นอะไรให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองและไม่มีใครทำ สุดท้ายก็นึกออกว่าควายบ้านเรานี่แหละ มันกำลังจะสูญพันธุ์ทั้งที่มันมีประโยชน์มาก แต่เรากลับไม่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้

 รูปปั้นควายขนาดกว้าง 1 ฟุตตัวแรกของดาบตำรวจหัวใจศิลป์ขายได้ในราคา 450 บาท โดยขายให้นักท่องเที่ยวชาวสแปนิชที่ชื่นชอบงานแฮนด์เมคมาก เนื่องจากมันจะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก การจะปั้นให้เหมือนกันทุกตัวนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่ได้ขึ้นแบบแล้วปั๊มออกจากโรงงาน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็เลยกลายเป็นการปั้นโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงความยากลำบากกว่าจะได้งานแต่ละชิ้นขึ้นมา จากควายก็เริ่มมีลิงไก่นกฮูกตามมาติดๆ ทว่า 6 ปีที่ผ่านมางานฝีมือของดาบณพมีขายออกไปเพียง 50 ชิ้นเท่านั้น เนื่องจากเป็นงานฝีมือที่ต้องอาศัยความละเอียดและเวลา โดย 90 เปอร์เซ็นต์อยู่ในมือนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 ปัจจุบันงานของดาบณพมีการพัฒนาขึ้น ด้วยการน้ำวัสดุอุปกรณ์เหลือใช้ในท้องถิ่นมาตกแต่งเพิ่มเติม จากเดิมที่ปั้นตัวควายเพียงโดดๆ อย่างเช่นปั้นควายพร้อมชาวนาไว้บนขอนไม้ แสดงถึงวิถีชีวิตคนไทยในอดีตอย่างแท้จริง ขณะนี้งานของเราเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก แต่มีข้อจำกัดที่ว่าเขาสามารถผลิตเพียงสัปดาห์ละชิ้น โดยรอจังหวะขยายการผลิตด้วยการไปบรรยายและสอนให้ผู้ที่สนใจในศิลปะแขนงนี้

 "คุณจะปั้นงานให้ดีต้องมีสุนทรีย์ในการปั้น ถ้าไม่มีงานก็ออกมาไม่สวยงาม เหมือนใจคิด" ดาบตำรวจหัวใจศิลป์ทิ้งท้าย