
ยกระดับคุณภาพ“ส้มโอทับทิมสยาม”สินค้าดาวรุ่ง
เร่งยกระดับผลิต“ส้มโอทับทิมสยาม”ป้อนตลาดในประเทศ-ส่งออก หนุนแหล่งปลูกเข้าระบบ GAP การันตีปลอดภัย เพิ่มโอกาสตลาดสินค้า
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามเป็นผลไม้ที่ตลาดทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการสูง เนื่องจากเนื้อมีสีแดงเข้มแบบสีทับทิม มีรสชาติหวาน และมีกลิ่นหอมซึ่งถูกใจผู้บริโภคที่ได้ชิมรสชาติ
ปัจจุบันปริมาณการผลิตส้มโอทับทิมสยามของไทยยังมีน้อย มีพื้นที่ปลูก ประมาณ 1,500 ไร่ เกษตรกร 250 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ ต.คลองน้อย ต.เกาะทวด และต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้ผลผลิตปีละ ประมาณ 2.4 ล้านผล ทำให้มีราคาแพง ซื้อขายหน้าสวนอยู่ที่ผลละ 150-250 บาท
ขณะนี้พื้นที่ปลูกขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ด้านการจัดการผลิต จากปัญหาดังกล่าว สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 (สวพ.7) กรมวิชาการเกษตร จึงเร่งพัฒนาศักยภาพสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เพื่อให้เกษตรกรนำไปปรับใช้ในพื้นที่
ด้าน นางฐปนีย์ ทองบุญ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครศรีธรรมราช กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการสวนส้มโอด้วยวิธีผสมผสาน ทั้งยังสร้างปฏิทินพัฒนาการและแผน ปฏิบัติดูแลรักษารอบปี เพื่อเป็นคำแนะนำให้เกษตรกรดำเนินการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันยังสร้างแปลงต้นแบบและแปลงเรียนรู้การผลิตส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามจำนวน 20 แปลง พื้นที่ 66 ไร่ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การจัดการสวนที่เหมาะสมกับพื้นที่ พร้อมผลักดันให้เกษตรกรนำแปลงเข้าสู่มาตรฐานจีเอพี (GAP) ด้วย ทำให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจในการจัดการสวนส้มโอทับทิมสยามเพิ่มมากขึ้น
ผลการทดสอบการใช้เทคโนโลยีการเตรียมแปลงปลูกและระบบปลูกที่เหมาะสม พบว่า ต้นส้มโอเจริญเติบโตดี และได้ผลผลิตสูงขึ้นจากเดิม 99 ผล/ต้น เพิ่มเป็น 132 ผล/ต้น หรือกว่า 4,620 ผล/ไร่ ทั้งยังได้ปริมาณผลผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐานและมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
“ปัจจุบันพื้นที่ปลูกส้มโอทับทิมสยาม จ.นครศรีธรรมราช มีเพียง 600 ไร่ ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ภายหลังกรมฯเข้าไปขยายผลการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิต คิดเป็นเงิน 633,072 บาท/ไร่/ปี ซึ่งทำรายได้เข้าสู่พื้นที่ปีละกว่า 898.96 ล้านบาท ทั้งลดต้นทุนได้ปีละกว่า 10.59 ล้านบาท”นางฐปนีย์กล่าว