ข่าว

‘ธนพล รักษาวงศ์’สืบสานกิจการ‘ผ้าบาติก’ประจำตระกูล

‘ธนพล รักษาวงศ์’สืบสานกิจการ‘ผ้าบาติก’ประจำตระกูล

15 ก.ค. 2559

‘ธนพล รักษาวงศ์’สืบสานกิจการ‘ผ้าบาติก’ประจำตระกูล : คมคิดธุรกิจนิวเจน โดยสันทนา รัตนอำนวยศิริ

            “ผ้าบาติก” งานศิลปหัตถกรรมที่โดดเด่นไม่แพ้งานหัตถกรรมอื่นของภาคใต้ ด้วยความมีเอกลักษณ์ในตัวเอง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำด้วยมือทุกขั้นตอน และเป็นเครื่องนุ่งห่มของสตรีชาวใต้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รูปแบบ และลวดลาย มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามยุคสมัย เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ง อิฐ หรือ ธนพล รักษาวงศ์ เด็กหนุ่มจาก จ.กระบี่ ที่คลุกคลีกับการทำผ้าบาติกมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังคงอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของครอบครัวไว้ ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีแนวคิดที่มุ่งมั่นจะสืบทอดกิจการ “ดาหลาบาติก” ให้คงอยู่ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้รากเหง้าความเป็นมาของผ้าบาติกให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป

            ธนพล รักษาวงศ์ หรืออิฐ ทายาทช่างศิลปหัตถกรรมประจำปี 2559 ประเภทงานเครื่องทอ (ผ้าบาติกปาเต๊ะ) จ.กระบี่ อายุ 28 ปี เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของช่างฝีมือผู้สืบสานหัตถศิลป์ไทย “ผ้าบาติก” ที่นับเป็นภูมิปัญญาประจำท้องถิ่นภาคใต้

            ธนพล เล่าว่า เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ทำกิจการเกี่ยวกับผ้าบาติก ผ้าปาเต๊ะของภาคใต้ โดยสืบทอดการทำผ้าบาติกมาจาก คุณยายประมวล พูลภิญโญ และพี่สาว ธนินทร์ธร รักษาวงศ์ ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2556 ของศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบและสีสัน ให้มีความน่าสนใจกว่าในอดีต จนได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักในนามว่า “ดาหลาบาติก” จ.กระบี่

            "ที่บ้านผม เปิดเป็นโรงงานบาติก ผมเห็นและโตมากับการทำผ้าบาติก ทำให้ผมผูกพันกับผ้าบาติกมาตั้งแต่เด็ก ตอนผมเด็กๆ เห็นคุณยายทำผ้าบาติกปาเต๊ะโบราณ ที่ลวดลายเป็นเอกลักษณ์มีเสน่ห์ในตัว การจัดวางลายมีแบบแผน แบ่งเป็น ลายขอบ ซึ่งจะใช้พิมพ์ตามขอบผ้า ลายเต็มซึ่งเป็นหลักของผืนผ้า และลายหน้านาง เป็นลายผ้านุ่ง ในการพิมพ์ลายลงบนผืนผ้า ต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ ต้องรู้ว่า แม่พิมพ์ทำมาจากโลหะอะไร ต้องใช้ความร้อนเท่าไหร่ และต้องดูเนื้อผ้าด้วยว่า สามารถทนความร้อนได้มากน้อยแค่ไหน การลงสีก็มีหลายขั้นตอน ซึ่งต้องใช้เวลา งานนี้ต้องใจรักจริงๆ ถึงจะทำออกมาได้ดีและสวยงาม”

            จุดเด่นที่ทำให้ผ้าบาติกของ “ดาหลาบาติก” เป็นที่นิยม และแตกต่างจากที่อื่น ธนพล บอกว่า คือลวดลายที่ปรากฏลงบนผืนผ้า เป็นลายพื้นถิ่นดั้งเดิม ที่ได้แรงบันดาลใจจากพืชพรรณธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ใบไม้ งานสถาปัตยกรรม วัด สุเหร่า หรืองานลูกปัดโบราณที่ขุดค้นพบใน จ.กระบี่ แต่ในขณะเดียวกัน ลูกค้าสามารถออกแบบลวดลายได้ตามความต้องการ เพราะ “ดาหลาบาติก” มีบริการทำแม่พิมพ์ด้วยบล็อกโลหะ อีกทั้งยังมีการนำความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาผสมผสาน โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกในการออกแบบลวดลาย แทนการร่างด้วยดินสอเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ลวดลายมีความสมจริง เก็บได้นาน และใช้เวลาเร็วขึ้น แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในกระบวนการทำผ้าบาติกด้วยการสร้างแม่พิมพ์จากทองเหลือง ทองแดง และปั๊มพิมพ์ลวดลายบนผืนผ้าเช่นเดิม นอกจากนี้ ยังได้มีการประยุกต์ใช้ น้ำยางพารา แทนน้ำเทียนไข ซึ่งราคาถูกกว่า แต่ให้คุณภาพเท่าเทียมน้ำเทียนไข

            “ผมพัฒนารูปแบบและสีสันของผ้าบาติกให้มีความน่าสนใจ และทันสมัยมากขึ้น โดยการเลือกใช้สีพาสเทล ที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน สดใส พร้อมทั้งนำลายโบราณที่มีกว่า 300 ลาย มาจัดเรียง และจับคู่สีใหม่ เพิ่มความแปลกตามากขึ้น เป็นแรงดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้นตามมาทันที ปัจจุบัน ดาหลาบาติก มีการเพิ่มรูปแบบผลิตภัณฑ์มากขึ้น ไม่ใช่เพียงในรูปแบบของผ้าถุงเพียงอย่างเดียว แต่แปรรูปผ้าบาติกเป็นเสื้อผู้ชาย ผ้าพันคอ กระเป๋า หมวก เป็นต้น ซึ่งมีการออกแบบลวดลาย เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละผลิตภัณฑ์อีกด้วย ในอนาคต ดาหลาบาติก มีโครงการใช้ผ้าบาติกมาประยุกต์เข้ากับของตกแต่งบ้าน เช่น หมอน โคมไฟ ผ้าม่าน เป็นต้น อีกด้วย”

            ธนพล บอกด้วยว่า ขณะนี้ “ดาหลาบาติก” เปิดสอนทำผ้าบาติกให้แก่นักท่องเที่ยว หรือบุคคลที่สนใจด้วย และในฐานะที่ตัวเขาได้รับการสืบทอดผ้าบาติกมาจากคุณยายและพี่สาว เขาจึงมีจุดมุ่งหมายที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้ให้แก่คนรุ่นใหม่ด้วย เพราะไม่อยากให้งานศิลปหัตถกรรมสูญหายไปจากวัฒนธรรมไทย

            ธนพล วางแผนไว้ว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะสร้าง “ห้องแสดงผลงาน” เป็น “ศูนย์เรียนรู้เรื่องผ้าบาติกโบราณ” ที่จะแสดงวิวัฒนาการของผ้าบาติกแต่ละยุคสมัย รวบรวมผลงานต่างๆ ที่ได้รับรางวัล เพื่อเปิดโอกาสให้คนทั่วไป ได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ และนำความรู้ไปสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและสืบทอดการทำบาติกต่อไปอีกด้วย

            “งานหัตถกรรม เป็นเสมือนรากเหง้าของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นงานหัตถกรรมประเภทไหน ต่างล้วนมีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ซึ่งคุณค่าของการทำงานบาติก คือ การผลิตผลงานด้วยฝีมือของมนุษย์ทุกขั้นตอน ต้องมีความพยายาม ใส่ความตั้งใจ ใส่ความละเอียด ความประณีตลงไปในชิ้นงาน ผมอยากให้คนไทยและเยาวชนรุ่นใหม่ หันมาสำนึกรักในบ้านเกิด รักท้องถิ่นของตัวเอง มากกว่าการเสียเวลาอยู่กับเทคโนโลยี และตามกระแสสังคม ที่เน้นเรื่องโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เพราะแต่ละท้องถิ่น ต่างมีวัฒนธรรมที่แสดงออกในรูปแบบงานศิลปหัตถกรรมที่บ่งบอกตัวเองของท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งงานหัตถกรรมจะสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หากคนรุ่นใหม่ไม่สนใจที่จะศึกษาและสืบทอดต่อ ในอนาคตงานศิลปหัตถกรรมก็คงจะสูญหายไปตามกาลเวลา เพราะฉะนั้น ผมอยากให้มองงานศิลปหัตถกรรม เป็นมรดกภูมิปัญญา ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และสานต่อให้คงอยู่สืบไปอย่างยั่งยืน” ธนพล ฝากข้อคิดทิ้งท้าย