
ซิดนีย์ ชานเบิร์ก นักข่าวที่มาของหนัง”Killing Fields”สิ้นลม
นักข่าวเจ้าของผลงานข่าวกัมพูชาล่มสลายในมือเขมรแดง และหนังสือที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์"The Killing Fields" เสียชีวิตแล้วในวัย 82 ปี
ซิดนีย์ ชานเบิร์ก ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ค ไทมส์ ที่คว้ารางวัลพูลิตเซอร์จากรายงานข่าวการล่มสลายของกัมพูชาในมือเขมรแดงในปี 2518 และถ่ายทอดเรื่องราวของเพื่อนชาวกัมพูชาที่รอดตายจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่ต่อมานำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ The Killing Fields” เสียชีวิตแล้วเมื่อวันเสาร์ ขณะอายุ 82 ปีที่เมืองโพห์คีปซี รัฐนิวยอร์ค หลังจากมีอาการหัวใจวายเมื่อวันอังคาร
ชารลส์ ไคเซอร์ เพื่อนสนิทและอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาที่นิวยอร์ค ไทมส์ โพสต์เฟซบุ๊คในนามของครอบครัว ยืนยันการเสียชีวิตของชานเบิร์ก พร้อมเขียนถึงผู้จากไปว่าเป็นนักเขียนมือฉมัง เป็นนักข่าวไม่มีความกลัวใจหัวใจ และเป็นแบบอย่างสำคัญสำหรับเขา
ในปี 2518 ขณะที่บรรดานักการทูตและผู้สื่อข่าวตะวันตกหลบหนีออกจากกัมพูชา ในช่วงเขมรแดงภายใต้การนำของพล พต รุกคืบเข้ากรุงพนมเปญ แต่ชานเบิร์ก และดิธ ปราน ชาวกัมพูชาที่เป็นทั้งเพื่อน ล่ามและผู้ช่วย เลือกที่จะอยู่ต่อโดยไม่สนคำสั่งจากบรรณาธิการให้อพยพ
หลังจากเขมรแดงยึดพนมเปญและความรุนแรงกับการประหารเริ่มระบาดไปทั่ว ทั้งคู่ถูกเขมรแดงจับตัวและขู่ฆ่า แต่ดิธ ปราน ช่วยเจรจาให้ละเว้นชีวิตของเพื่อนอเมริกัน ต่อมา ทั้งสองเข้าไปหลบภัยในสถานทูตฝรั่งเศส แต่ดิธ ปรานถูกบังคับให้ออกจากสถานทูต และถูกกวาดต้อนออกจากเมืองไปอยู่ชนบทเหมือนกับเพื่อนร่วมชาติอีกหลายล้านคน ภายใต้การทดลองอุดมการณ์เปลี่ยนสังคมแบบสุดขั้วของเขมรแดง เพื่อทำให้กัมพูชากลายเป็นสังคมเกษตรกรรม
สองสัปดาห์หลังจากนั้น ชานเบิร์กและชาวต่างชาติที่เหลือ ได้รับการอพยพเข้ามาในไทย และเริ่มส่งรายงานข่าวเรื่องการล่มสลายของพนมเปญชิ้นแรก ตามด้วยชีวิตน่าสะพรึงกลัวภายใต้เขมรแดงในช่วงแรกๆ และเรื่องราวของกรุงพนมเปญที่กลายเป็นเมืองร้าง
(ดิธ ปราน / ภาพจาก wikipedia )
ชานเบิร์กได้รับรางวัลมากมายรวมถึงพูลิตเซอร์ ที่เขาประกาศว่าขอแบ่งปันให้กับดิธ ปรานและได้เริ่มภารกิจสุดหินในการตามหาตัวเพื่อนชาวเขมร ที่ไม่รู้ชะตากรรมและแห่งหนอยู่นานหลายปี
กระทั่งในปี 2521 เวียดนามบุกกัมพูชาโค่นระบอบเขมรแดง ดิธ ปราน หนีเข้ามาทางชายแดนไทย-กัมพูชาในปี 2522 โดยตลอดทางได้พบซากศพและกองกระดูกของเหยื่อเขมรแดง จึงเรียกสภาพที่พบเห็นว่า “ทุ่งสังหาร”
ท้ายที่สุด ทั้งสองได้พบกันอีกครั้งหลังแยกจากกัน 4 ปี ชานเบิร์กช่วยให้ดิธ ปราน ได้งานทำที่นิวยอร์คไทมส์ และย้ายครอบครัวที่ชานเบิร์กช่วยอพยพจากกัมพูชามาแล้วก่อนหน้า มาอยู่ด้วยกันที่นิวยอร์ค
ในปี 2523 ชานเบิร์กเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวการรอดตายจากการถูกทรมานและอดอยากในเงื้อมมือเขมรแดงของดิธ ปราน เป็นบทความลงทางเดอะ นิวยอร์ค ไทมส์ แมกกาซีน ก่อนรวมตีพิมพ์เป็นหนังสือ The Death and Life of Dith Pran ซึ่งต่อมา ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Killing Fields ในปี 2524 กำกับโดยโรแลนด์ จอฟเฟ ถ่ายทำในประเทศไทยส่วนใหญ่
หนังเรื่องนี้กวาดรางวัลบาฟตาของอังกฤษ 8 สาขา และออสการ์ 3 สาขา โดยเฮง เอส งอร์ ผู้รับบทดิธ ปราน ได้รับรางวัลสาขาดาราสมทบชายยอดเยี่ยมด้วย
นิวยอร์ค ไทมส์ ยกย่องชานเบิร์กว่า เป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ใกล้คำว่าอุดมคติ เป็นนักผจญภัยพร้อมเสี่ยงที่ไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ พึ่งพาตนเองเป็นหลักในพื้นที่สงคราม เขียนถึงทรราชย์การเมืองและทหารอย่างมีพลังและถ่ายทอดความทุกข์ยาก และการล้มตายของเหยื่อระบอบเหล่านั้นในฐานะประจักษ์พยานประวัติศาสตร์ได้อย่างลึกซึ้ง
สำหรับ ดิธ ปราน เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับอ่อน เมื่อปี 2551