ข่าว

“ผู้ตรวจการแผ่นดิน” : เผือกร้อน! ในมือ สนช.

“ผู้ตรวจการแผ่นดิน” : เผือกร้อน! ในมือ สนช.

08 ก.ค. 2559

เมื่อชื่อ “นพ.เรวัต วิศรุตเวช” ได้รับการเสนอให้ สนช.เลือกเป็น “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” อีกครั้ง ความปั่นป่วนจึงเกิดขึ้น...ทำไม? : ประภาศรี โอสถานนท์ รายงาน

 

            พลันชื่อ “นพ.เรวัต วิศรุตเวช” อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ และที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน กลับเข้ามาเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินอีกครั้ง ก็สร้างความแปลกใจและตั้งคำถามอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกสภา เพราะก่อนหน้านี้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โหวตไม่เลือก น.พ.เรวัต เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ด้วยคะแนนเสียง  66 ต่อ 66  เสียง งดออกเสียง 24 เสียง  

             ปรากฏการณ์นี้จึงเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเวทีแห่งนี้ ที่คณะกรรมการสรรหาจำนวน  6 คนประกอบด้วย นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฏีกา  นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายปิยะ ปะตังทา  ประธานปกครองสูงสุด นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฏร  พล.ท.ศิลปชัย สรภักดี บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือก และนายอัครวิทย์ สุมาวงศ์ บุคคลที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคัดเลือก เลือก”คนเดิม”เข้ามาอีกรอบ ทั้งที่มีผู้สมัครที่เป็นตัวเลือกมากถึง 21 คน
            แต่..กว่าจะผ่าด่านเข้ามาได้ ต้องเลือกกันถึง  30  รอบ โดยในรอบที่ 30 ‘หมอเรวัต’ ชนะนางสาวนีย์ อัศวโรจน์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยคะแนน 4 ต่อ 2 และเมื่อเข้าสู่ที่ประชุม สนช.ได้มีการตั้งคณะกมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม จำนวน 17  คน

           เป็นที่น่าสังเกตว่า ใน  17 คนนี้  มีสนช.ที่มาจากชุดสอบประวัติชุดแรกติดโผมา 4 คน คือนางนิพัทธา อมรรัตนเมธา พล.ต.อ.พิชิต ควรเตขะคุปต์  นายมหรรณพ  เดชวิทักษ์   พล.ร.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ สนช. น้องชาย”บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.ท.สุวโรจน์ ทิพย์มงคล ขณะที่พล.อ.อู๊ด เบื้องบน  ประธานชุดเก่านั้นได้ถูกกันไม่ให้เข้ามาเป็นกรรมาธิการฯชุดนี้  

            อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯชุดนี้ยังไม่ได้เริ่มทำหน้าที่ก็เกิดเรื่องวุ่นวาย มีการขอเปลี่ยนตัวกรรมาธิการถึง  2 คน โดยเฉพาะ “เจ้ติ๋ม”นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา    กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ สัดส่วนกมธ.การบริหารราชการแผ่นดินคนเก่า ได้ขอลาออก พร้อมทั้งแฉกลางที่ประชุมสนช.ว่ามีการล๊อบบี้ให้กรรมาธิการบางคนขึ้นนั่งเป็นประธาน กมธ. ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องบันทึกไว้เช่นกันว่ามีการลาออกกลางสภาพร้อมทั้งแฉเรื่องการล๊อบบี้

            เรื่องที่เกิดขึ้น จะไม่วุ่นวาย หากกรรมการสรรหายืนยันด้วยเสียงอกฉันท์ให้ ”เรวัต” ได้รับเลือกเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินได้  และส่งรายชื่อนี้นั้นให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.นำขึ้นทูลเกล้าฯแต่งตั้งได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านสนช. แต่ผลปรากฏว่า การลงคะแนนยืนยันมติเดิมไม่เป็นเอกฉันท์ จึงต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ จนสุดท้ายกลับกลายเป็นว่า กรรมการสรรหาลงมติเลือก “เรวัต”อีกครั้งหนึ่งโดยต้องโหวตกันถึง 30 รอบ ก่อนจะได้คะแนน 4  ต่อ 2 เสียง  

           มีรายงานข่าวว่า  4  เสียงมาจากนายพรเพชร นายปิยะ นายนุรักษ์ และพล.ท.ศิลปชัย

           การเสนอรายชื่อ “นพ.เรวัต” เป็นเหตุให้เกิดความกังขา และความกระอักกระอ่วนขึ้นภายใน สนช. เพราะก่อนหน้าลงไม่เลือก พร้อมทั้งมีข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงเลือกนพ.เรวัต และเหตุใดประธานสนช.จึงไม่เคารพมติสนช. แถมยังเป็น 1 ใน 4 เสียงที่เลือกนพ.เรวัต ซึ่งหากว่า สนช.ยกมือโหวตเลือกนายเรวัตก็เท่ากับเป็นการตบหน้าสนช. เพราะก่อนหน้านี้ที่สนช.ไม่เลือกด้วยเพราะเหตุผลประการหนึ่งคือ ประวัติของนายเรวัต ทั้งเรื่องของการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ความใกล้ชิดกับนักการเมือง การปฏิบัติหน้าที่ขณะดำรงตำแหน่งผู้บริหารในกระทรวงสาธารณสุข  ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ในการตรวจสอบประวัติครั้งแรกที่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับนายเรวัต แต่กลับไม่ส่งมาให้กรรมาธิการฯ   จึงเป็นข้อที่น่าสงสัย

            สำหรับคดีความต่างๆที่นพ.เรวัต ตกเป็นจำเลย ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ นพ.เรวัต ไม่ได้รับเลือกจาก สนช.ในครั้งก่อน คือ คดีความผิดตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลไบโอคลินิคเวชกรรม ที่บริษัทเอกชนเป็นโจทย์ฟ้อง คดีการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายที่เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งทำให้ผู้เสียหายไม่ได้ขึ้นตำแหน่ง  เป็นต้น อย่างไรก็ตามคดีเหล่านั้นจบลงด้วยการไม่ฟ้อง

            ล่าสุด”หมอเรวัติ”ออกมาเปิดใจกับ “สำนักข่าวเนชั่น” ว่าต้องการมาเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน “เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน” พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองว่า การเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนเรื่องการปฏิบัติหน้าที่นั้นก็หากทำผิดจริงก็ต้องถูกลงโทษทางวินัยและต้องถูกดำเนินคดีไปแล้ว รวมทั้งได้มีการพิสูจน์ด้วยการไปพิมพ์ลายนิ้วมือที่กองทะเบียนอาชญากรรม พบว่า ไม่มีประวัติอาชญากรรม

            “ผมคิดว่า สนช.ทุกท่านไม่มีอคติใดๆต่อผมเลย เพียงแต่ว่า ผมไม่สามารถนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ท่านทราบได้ จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน ซึ่งผมคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ การที่ผมได้รับการคัดเลือกอีกเป็นครั้งที่ 2 จากคณะกรรมการสรรหา ก็เพราะว่า ผมได้มีโอกาสนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนต่อคณะกรรมการสรรหา“

           ขณะที่นายกล้านรงค์  จันทิก สนช. ออกโรงเตือนสมาชิกที่จะลงมติเลือกหรือไม่เลือกนพ.เรวัต   ว่า การที่จะให้ความเห็นชอบในบุคคลเดิม จะต้องลงมติด้วยความรู้สึกรับรู้ข้อเท็จจริง และเหตุผลอย่างแท้จริง บน พื้นฐานของความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่  

            การเลือก”หมอเรวัต”กลับมาอีกรอบ  ไม่มีใคร”รู้”คำตอบที่แท้จริงถึง  ว่าเพราะเหตุผลกลใด แต่มีข่าวว่า “ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง” และ “คนใน สนช.” ต้องการผลักดันให้ ”หมอเรวัต” นั่งเก้าอี้ผู้ตรวจการแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งมีการวิเคราะห์กันว่า เก้าอี้ตัวนี้ มีความสำคัญเชื่อมโยงกับหลายส่วน อาทิ กรรมการสรรหาคณะกรรมสรรหาคณะกรรมการกิจการโทรทัศน์ กิจกระจายกระจายเสียง และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพราะในพระราชบัญญัติกสทช.ฉบับใหม่ที่อยู่ในระหว่างชั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กลับมีสัดส่วนของตัวแทนของกรรมการผู้ตรวจการแผ่นดิน 1  คนเข้าไปเป็นกรรมการสรรหา ซึ่งเดิมนั้นไม่มี ทำให้ตำแหน่งนี้เพิ่มความสำคัญยิ่งเข้าไปอีก  

           นอกจากนี้ภารกิจและหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินในรัฐธรรมนูญใหม่จะมีมากขึ้น

           มีกระแสข่าวว่าการเลือกผู้ตรวจการแผ่นดินครั้งนี้ อาจจะมีการผลักดันให้การลงมติแบบเปิดเผยจากเดิมเป็นการลงคะแนนลับ ทั้งนี้เพื่อบีบให้สมาชิกสนช.ลงมติตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ เพราะหลายคนในสนช.ยังเป็นข้าราชการประจำ ทหาร ที่ยังคงต้องอยู่ในตำแหน่ง อีกทั้งเรื่องนี้จะเป็นชนวนให้เกิดความบาดหมางใจภายใน สนช.ได้

           งานนี้จะเป็นบทพิสูจน์ของสนช.ว่าจะเป็น “ตรายาง” กลืนน้ำลายตัวเอง หรือ จะผดุงเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองไว้