ข่าว

เอ็นจีโอตีแผ่ความมั่งคั่งตระกูล"ฮุน เซน"

เอ็นจีโอตีแผ่ความมั่งคั่งตระกูล"ฮุน เซน"

07 ก.ค. 2559

เปิดเครือข่ายอาณาจักรธุรกิจ”ฮุน เซน”และวงศาคณาญาติ เผยมีเอี่ยวในเกือบทุกภาคส่วนสำคัญในกัมพูชา ร่ำรวยไม่ต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังครองอำนาจ 30 ปี

      7 ก.ค.59 ”โกลบอล วิตเนส” องค์กรเอกชนที่มุ่งเปิดโปงเครือข่ายธุรกิจเบื้องหลังการทุจริต การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทำลายสภาพแวดล้อมทั่วโลก ออกรายงานระบุว่า ครอบครัวของนายกรัฐมนตรีฮุน เซนแห่งกัมพูชา สร้างอาณาจักรธุรกิจ มีทรัพย์สินมหาศาลจากการถือครองหุ้นในบริษัทในประเทศอย่างน้อย 114 แห่ง ครอบคลุมภาคส่วนสำคัญ 18 ด้านรวมทั้งพลังงาน , สื่อสาร เหมืองแร่และการค้า ในจำนวนนี้ 103 แห่ง สมาชิกในครอบครัวฮุน เซน ดำรงตำแหน่งประธาน, ผู้อำนวยการหรือไม่ก็ถือหุ้นมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ 

 

เอ็นจีโอตีแผ่ความมั่งคั่งตระกูล\"ฮุน เซน\"

 

        ด้านพนมเปญ โพสต์ ที่ตีพิมพ์รายงานของโกลบอล วิตเนส อ้างแหล่งข่าวเพิ่มเติมว่าเนื้อหาในรายงานรวบรวมจากข้อมูลการลงทะเบียนทางธุรกิจของกระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่ได้เผยตัวเลขรายได้หรือผลกำไร จึงหมายความว่าตัวเลขที่ได้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวของทั้งหมด

        รายงานของเอ็นจีโออังกฤษซึ่งใช้ชื่อว่า“การครอบครองปกปักษ์ : อาณาจักรบริษัทของตระกูลผู้ปกครองกัมพูชา”( Hostile Takeover: The Corporate Empire of Cambodia's Ruling Family ) ระบุไว้เช่นกันว่า รายงานสอบสวนฉบับนี้เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง ด้วยเชื่อว่ามีการใช้ตัวแทนเพื่อปกปิดขนาดของอาณาจักรธุรกิจและความมั่งคั่งของคนในครอบครัวอีกมาก  

       “ฮุน เซน ใช้ตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรี เปิดทางให้ญาติควบคุมหรือถือหุ้นในอุตสาหกรรมหลักส่วนใหญ่ของกัมพูชา อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการสั่งสมความร่ำรวยส่วนบุคคลหรือความเกี่ยวโยงระหว่างครอบครัวตระกูลฮุน กับบริษัทบางแห่งเท่านั้น แต่การครอบงำภาคเอกชนและภาครัฐกัมพูชาของตระกูลนี้  ส่งผลให้ฮุน เซน ควบคุมเกือบทั้งประเทศ” 

 

เอ็นจีโอตีแผ่ความมั่งคั่งตระกูล\"ฮุน เซน\"

    

     เมื่อปี 2554 นายกรัฐมนตรีฮุน เซน เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินภายใต้กฎหมายต่อต้านการคอรัปชั่นฉบับใหม่ว่า มีรายได้ทางเดียว คือเงินเดือน 1,150 ดอลลาร์ (ประมาณ  40,000 บาท )

       ขณะที่ โกลบอล วิตเนส ซึ่งมีสำนักงานในกรุงลอนดอน ระบุว่าฮุน เซน อดีตผู้บัญชาการทหารที่แปรพักตร์จากเขมรแดงก่อนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา 31 ปี  กับวงศาคณาญาติ รวม 27 คน มีหุ้นอยู่ในบริษัท 114 แห่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

        ตระกูลฮุนเซน  เกี่ยวข้องกับบริษัทข้ามชาติ จนได้รับสมญาว่า "ยามเฝ้าประตูรายใหญ่"  ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิล, แคนนอน, แอลจี อิเล็คทรอนิกส์, เลโนโว, โนเกีย, อิเล็คโทรลักซ์และไพโอเนียร์ ล้วนต้องผ่านด่านครอบครัวนี้

       ส่วนเนส กาแฟ โกลด์, กระดาษชำระคลีเน็กซ์ และถุงยางอนามัยดูเร็กซ์ ถูกระบุว่านำเข้าผ่านบริษัทของน้องสาวฮุน เซน ซึ่งเป็นประธานบริษัทที่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้จำหน่ายวิสกี้ จอห์นนี่ วอล์คเกอร์, เฮนเนสซี่ คอนญัคและเบียร์โคโรนา      

      “ฉากหลังของระบอบเผด็จการฮุน เซน คือการที่ครอบครัวกอบโกยความร่ำรวยมหาศาล ผ่านเครือข่ายการทำข้อตกลงลับ ทุจริตและลัทธิเอื้อพวกพ้อง ซึ่งช่วยให้ป้อมปราการทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีผู้นี้มั่นคง” รายงานระบุ

       ฮุน เซน วัย 63 ปี ถูกมองว่ารวบอำนาจการบริหารประเทศ ผ่านยุทธศาสตร์การแต่งงาน,ผลประโยชน์ทางธุรกิจ และตำแหน่งในวงราชการ โดยนอกจากจะมีพวกที่ถือหุ้นในบริษัทรายใหญ่แล้ว ก็ยังมีพวกที่รับราชการ รวมทั้ง ฮุน มาเน็ต ลูกชายคนกลางที่เป็นนายพลกุมบังเหียนหน่วยข่าวกรอง ส่วนลูกเขย 1 คน คือ ดี วิเจีย เป็นตำรวจและยิม เลียง เป็นนายพลของกองทัพบก

เอ็นจีโอตีแผ่ความมั่งคั่งตระกูล\"ฮุน เซน\"

         รายงานระบุด้วยว่า ฮุน มะนา บุตรสาวคนโต เจ้าแม่สื่อ มีหุ้นอยู่ในบริษัท 22 แห่ง มากที่สุดในครอบครัว โดยในจำนวนนี้ 18 แห่ง เธอมีตำแหน่งเป็นประธานหรือผู้อำนวยการ แต่ฮุน มะนา โจมตีรายงานฉบับนี้ผ่านเฟซบุ๊ค ในวันเดียวกันว่า มีแต่เรื่องโกหก และจ้องโจมตีครอบครัวของเธอ

       ด้าน โฆษกระทรวงรัฐบาลกัมพูชา นายปาย สีพัน  ระบุว่า โกลบอลวิตเนส พยายามดิสเครดิตนายกรัฐมนตรี ขณะย้ำว่า เขาเป็นโฆษกคนหนึ่ง ไม่ใช่ทนายความของนายกรัฐมนตรี

       ขณะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า จำเป็นต้องปรับปรุงกฎระเบียบในภาคเอกชน แต่กัมพูชาเป็นตลาดเสรี  หากใครมีเงินสามารถเข้ามาลงทุนในภาคเอกชนที่สนใจได้

       แต่แพทริค อัลลีย์ ผู้ก่อตั้งโกลบอล วิทเนส  ยืนยันว่าตระกูลฮุนเซน คุมเศรษฐกิจของประเทศเกือบทั้งหมด และเรียกร้องนักลงทุนต่างชาติ ประเมินการเข้าไปทำธุรกิจกับระบอบที่คุกคามและคุมขังนักวิจารณ์ใหม่

      องค์กรเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ จัดกัมพูชาติดอันดับประเทศที่มีปัญหาทุจริตมากที่สุดในโลกและมากที่สุดในอาเซียน

 ที่มา http://www.phnompenhpost.com/national/inside-hun-familys-business-empire https://www.globalwitness.org/en/reports/hostile-takeover/