กทม.ยอมรับ​มีจุดเสี่ยงน้ำท่วม | คมชัดลึก

  
          นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรองข่าววันเสาร์​ ทาง FM.102  โดยสำนักข่าวเนชั่น ถึงการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมช่วงฤดูฝน ว่าตามนโยบายของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ได้กำชับให้มีการดูแลสถานการณ์น้ำท่วมเป็นพิเศษในช่วงเช้าวันจันทร์ และเย็นวันศุกร์ ขณะที่แผนการระบายน้ำท่วมขัง ของกทม. นั้น ได้วางแผนการทำงานด้วยว่า หากฝนตกในปริมาณที่ไม่เกิน 60 มิลลิเมตร (ม.ม.) และเกิดภาวะน้ำท่วมขัง เจ้าหน้าที่ของกทม.​จะต้องเร่งระบายน้ำท่วมให้กลับมาสู่ภาวะปกติให้ได้ภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง และหากมีปริมาณน้ำฝนเกินกว่านั้น เช่น 100 ม.ม. จะต้องแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ ภายในไม่เกิน 3 ชั่วโมง เป็นต้น อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่าในพื้นที่กทม. หลายพื้นที่มีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ เช่น ย่านนวมินทร์, ย่านแบริ่ง, ย่านลาซาล เป็นต้น ซึ่งต้องใช้เวลาระบายน้ำกว่า 1-2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ต.ค.​นี้ ตามการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าจะมีปริมาณฝนตกชุก ทำให้หน่วยงานของกทม. ได้วางแผนเฝ้าระวังน้ำท่วมขังพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจากการสำรวจพบ​จำนวน 90 จุด, จุดอ่อนที่ต้องเฝ้าระวัง จำนวน 200 จุด รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ก่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น รถไฟฟ้าถือเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่กทม. ได้เตรียมความพร้อมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วมขัง คือ เมื่อเรดาห์ตรวจจับกลุ่มฝนพบพื้นที่ที่จะฝนตก จะส่งเจ้าหน้าที่ประจำในพื้นที่ทันที และหากพบน้ำท่วมขังจะรายงานมายังศูนย์น้ำท่วม และหากไม่สามารถรับมือได้ จะประสานเจ้าหน้าที่ไปเก็บขยะ หรือติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขณะเดียวกันจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย 
   
          นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงฤดูฝน ตนอยากให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝน ตามสถานีวิทยุด้านการจราจร ที่กทม. จะส่งข้อมูลเรื่องปริมาณฝนตกหรือสถานการณ์น้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแผนการเดินทาง ขณะที่การปรับปรุงประสิทธิภาพเรื่องการระบายน้ำฝนนั้น ทางกทม. ได้มีการปรับปรุงระบบระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง เช่น พื้นที่ที่ทำถนน จะเพิ่มขนาดของท่อระบายน้ำเพื่อให้ระบายน้ำท่วมขังได้มากขึ้น ขณะเดียวกันมาตรการลอกท่อ หรือเก็บขยะในลำคลอง กทม. ได้ทำไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์.