
สลด!สาว21ทานอาหารเสริมแพ้รุนแรงดับอนาถ
ตรัง - อุทาหรณ์ ! สาววัย 21 ปี ทานอาหารเสริมสารสกัดหมามุ่ยอินเดียเสียชีวิต หลังเกิดอาการแพ้รุนแรง แม่ผู้เคราะห์ร้ายฝากถึงรัฐบาล ดูแลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 59 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดนาเมืองเพชร ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล น.ส.ศตพร พันทอง อายุ 21 ปี หรือน้องมิลค์ สาวน้อยผู้เคราะห์ร้าย ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากการทานสารสกัดจากเมล็ดหมามุ่ยอินเดีย ซึ่งเป็นแบบแคปซูลเข้าไป 4 เม็ด และเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง ก่อนเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลตรัง ซึ่งหลังจากเสียชีวิต นางสาวไอยอรอินท์ อดุลวิบูล อายุ 48 ปี ผู้เป็นแม่ก็ได้นำร่างบุตรสาวส่งไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) เพื่อหาการสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด
นางสาวไอยอรอินท์ อดุลวิบูล ผู้เป็นแม่ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ได้มีคนมาชักชวนตนและบุตรสาวให้สมัครเป็นสมาชิกธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หมามุ่ยอินเดีย สกัด กระทั่งเข้าฟังการอบรมและสมัครเป็นสมาชิก และได้รับยามารับประทานคนละ 1 ชุด ประกอบไปด้วย สารสกัดจากหมามุ่ยอินเดีย แบบแคปซูลและผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมอกฟูรูฟิต ซึ่งก่อนจะได้รับผลิตภัณฑ์ก็ได้สอบถามกับตัวแทนจำหน่ายแล้วว่า จะมีผลข้างเคียงกับโรคลมชักหรือไม่ เนื่องจากจะให้ลูกสาวทาน แต่ลูกสาวเป็นโรคลมชักมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จึงสอบถามเพื่อความแน่ใจ แต่ได้รับคำตอบว่า ไม่มีผลข้างเคียง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงร่ายกาย กระทั่งรุ่งเช้า บุตรสาวและตนเองก็ได้รับประทานสารสกัดหมามุ้ยอินเดียไปคนละ2แคปซูลและตอนเที่ยงอีก 2 แคปซูล
ต่อมาลูกสาวเริ่มมีอาการปากบวม ตาบวม ก็เข้าว่าลูกสาวคงจะนอนเยอะ แต่ก็ตกเย็นก็เริ่มเป็นมากขึ้น ปากเจ่อ มีผดขึ้น จึงพาไปหาหมอในตอนเย็น โดยหมอระบุว่ามีอาการแพ้ยา จึงแอดมิดให้รอดูอาการที่โรงพยาบาล ต่อมาเช้าวันพุธ หัวใจน้องเต้นเร็วขึ้น มีผื่นขึ้นและเป็นตุ่มใส อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ พอตกเย็นปากก็บวมและลิ้นมีเลือดออก มีตุ้มใสเป็นแฟลพุพอง ขึ้นเต็มตามลำตัว ผิวหนังเริ่มดึงดำ และลอกออก โดยก่อนที่น้องมิลค์จะเสียชีวิตเพียง 1 วัน ตาของน้องเริ่มมองไม่เห็นเพราะเป็นหนองและลืมตาไม่ขึ้น ผิวหนังเริ่มหลุดลอกออก ซึ่งหมอก็บอกให้ครอบครัวทำใจ เพราะน้องมีอาการแพ้ โดยหมอระบุแพ้สมุนไพรอย่างรุนแรง กระทั่งเย็นวันเสาร์น้องมิลค์ก็ได้เสียชีวิตลง ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว
ผู้เป็นแม่กล่าวต่อไปว่า หลังน้องมิลค์ เสียชีวิต ได้ตัดสินใจนำร่างของน้องส่งไปผ่าพิสูจน์ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนอีกครั้ง กระทั้งเมื่อศพไปถึงก็ได้พูดคุยกับหมอ โดยหมอระบุว่า เคสของน้องมิคล์เป็นเคสที่ละเอียดอ่อนอยากวิเคราะห์อย่างละเอียด เพราะเครื่องมือที่รพ.สงขลา ก็ยังไม่ละเอียดเท่าโรงพยาบาลรามา จึงแนะนำให้ส่งศพน้องมิลค์ไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลรามา กรุงเทพฯ โดยตั้งใจว่า เมื่อลูกสาวเสียชีวิตลงแล้ว ก็อยากให้เป็นวิทยาทานแก่นักเรียนแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เนื่องจากการแพ้สารสกัดหมามุ่ยเพิ่งเกิดขึ้นเป็นกรณีแรกและขอเป็นกรณีศึกษา ในการตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดซึ่งหมอก็ได้เก็บเนื้อเยื้อที่จำเป็นไปแล้ว และแม่ก็ได้ยินยอมบริจาคดวงตาและอวัยวะต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ส่วนผลจากการผ่าพิสูจน์ นั้นต้องรออีกประมาณ 2 เดือน ถึงจะทราบแน่ชัด แต่ตอนนี้เบื้องต้น แม่ก็ทราบแน่ชัดแล้วว่าลูกสาวเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด แต่ยังไม่อยากพูดอะไรมากรอผลออกมาก่อน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย