ข่าว

บุฟเฟ่ต์ผลไม้“สวนสาวสุดใจ” อิ่มละ 200 บาทไม่มีทุเรียน

บุฟเฟ่ต์ผลไม้“สวนสาวสุดใจ” อิ่มละ 200 บาทไม่มีทุเรียน

19 มิ.ย. 2559

บายไลน์ - ดลมนัส กาเจ

                ในห้วงเวลาหนึ่งที่ไปร่วมงาน “เมืองจันทบุรี มหานครผลไม้” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายของวันนั้น นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดจันทบุรี และที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดจันทบุรี “สุภาพร นิยมกิจ” พาคณะของเราไปรับประทานผลไม้หลากหลายที่ออกตามฤดูกาลในสวน “สาวสุดใจ” ที่บ้านแถวคลอง หมู่ 1 ต.พริ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี (ฮิ ยาว)

                ที่นั่นเจ้าของสวน "อรษา สุขประเสริฐ" เกษตรกรวัย 57 ปี จัดบุฟเฟ่ต์ผลไม้มา 8 ปีแล้ว ถือเป็น 1 ใน 14 สวนผลไม้ของจ.จันทบุรี ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในรูปแบบที่ลูกทัวร์เข้าไปแล้ว จะได้เดินชม และสัมผัสกับสวนผลไม้ ที่กำลังออกผลผลิตในช่วงฤดูกาล หากพบว่ามีผลไม้สุกบนต้นสามารถเด็ดมารับประทานได้เลย

บุฟเฟ่ต์ผลไม้“สวนสาวสุดใจ” อิ่มละ 200 บาทไม่มีทุเรียน

                 โดยเฉพาะเงาะที่ออกผลผลิตห้อยสร้อยระย้าเอนกิ่งก้านอ่อนโน้มจวนจะสู่ดิน นอกจากจะสะดวกในการเด็ดมารับประทานแล้ว ก็ยังกลายเป็นฉากอันสวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะบันทึกภาพโอ้อวดให้เพื่อนผ่านสื่อออนไลน์อีกด้วย ส่วนผลไม้ที่ไม่สามารถจะเด็ดผลสดจากต้นมารับประทาน ทางเจ้าของสวน จัดบุฟเฟ่ต์ผลไม้นานาชนิดที่ปลูกในสวน คิดเป็นรายหัว ให้นักท่องเที่ยวรับประทานอย่างเต็มอิ่ม ชนิดไม่อั้น

                 สวนสาวสุดใจ เป็นสวนผลไม้ในลักษณะของสวนผสมผสานในพื้นที่ 7 ไร่ มีทุเรียน 100 ต้นเน้นหมอนทอง มังคุด 100 ต้น ลองกอง เกือบ 100 ต้น เงาะอีก 20 ต้น ที่เหลือมีพืชสมุนไพรบ้างเล็กน้อย และโกโก้

                 ภายในสวนแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถลูกค้าหรือลูกทัวร์ อีกส่วนหนึ่งเป็นโรงเรือนที่จัดบุฟเฟ่ต์ผลไม้ไว้บริการลูกค้า ล่าสุดได้มีการสร้างเรือนสวนผลไม้ในรูปแบบของการ์เด้นสเตย์ สำหรับผู้ที่ต้องการนอนพักผ่อนในสวนผลไม้อีกด้วยจำนวน 4 หลัง นอนได้กว่า 50 คน

 

บุฟเฟ่ต์ผลไม้“สวนสาวสุดใจ” อิ่มละ 200 บาทไม่มีทุเรียน

                 อรสา บอกว่า ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดสวนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในรูปแบบชม ชิม อิ่ม ไม่อั้นนั้นเกิดมาจากในช่วงปี 2550 ราคาผลไม้ตกต่ำมาก อย่างเงาะแทบจะไม่มีราคา มังคุดราคาไม่ถึงกิโลละ 10 บาท ทุเรียนหมอนทองอย่างดีราคากิโลละกว่า 20 บาท บางครั้งกิโลละเพียง 18 บาท พอดีทางจ.จันทบุรี ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้ชมสวน และรับประทานผลไม้ จึงสมัครเข้าโครงการนี้ รวมกับรายอื่นอีก 14 สวน ตั้งแต่ปี 2551 ช่วงแรกคิดเพียงหัวละ 100 บาทต้นๆ ปรากฏว่า สร้างรายดีกว่าที่จะนำผลไม้ออกไปขายในท้องตลาด

                 หลังจากที่เปิดสวนได้ราว 4 ปี พบว่าในปี 2555 มีพ่อค้าจากต่างประเทศมาตั้งล้งซื้อผลไม้ที่เมืองจันท์ ทั้งพ่อค้ามาจากประเทศจีน เวียดนาม ทำให้ราคาผลไม้ภาคตะวันออกราคาพุ่งขึ้น โดยเฉพาะทุเรียนและมังคุด ทางสวนจำเป็นต้องปรับราคาบุฟเฟ่ต์ผลไม้ให้สอดคล้องกับภาวะการตลาด แต่ทางสวนจะการันตีในเรื่องของคุณภาพ โดยเฉพาะเรื่องการปลอดสาร สวนจะให้ความสำคัญมากที่สุด กล้าพูดได้ว่าผลไม้ในสวนสาวสุดใจจะไม่มีสารเคมีตกค้างแน่นอน เพราะได้รับการรับรองมาตรฐานจีเอพีอีกด้วย

บุฟเฟ่ต์ผลไม้“สวนสาวสุดใจ” อิ่มละ 200 บาทไม่มีทุเรียน

               “ปีนี้พ่อค้าจากจีนและเวียดนามต้องการผลไม้ในภาคตะวันออกจำนวนมาก ประกอบกับปีนี้ชาวสวนประสบปัญหาภัยแล้ง สวนผลไม้บางแห่งขาดน้ำ ต้นไม้ผลตายยืนต้น ทำให้ผลไม้ในภาคตะวันออกมีน้อย และราคาแพงมากหากเทียบในรอบหลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีทองของราคาผลไม้ก็ว่า แต่สวนของฉันมีแหล่งน้ำสำรองพอประคองตัวได้ แต่ผลผลิตออกน้อยมาก เราจึงมีการปรับราคาบุฟเฟ่ต์ผลไม้ใหม่ คือรูปแบบหนึ่งหัว 200 บาทกินผลไม้ไม่อั้น ยกเว้นทุเรียนต้องซื้อต่างหาก อีกราคาหนึ่งหัวละ 300 บาทกินผลไม้ไม่อั้นแต่ทุเรียนได้คนละ 1 พู และราคาเหมาทุกอย่างหัวละ 500 บาทกินผลไม้ได้ทุกชนิดไม่อั้นรวมถึงทุเรียนด้วย” อรสา กล่าว

บุฟเฟ่ต์ผลไม้“สวนสาวสุดใจ” อิ่มละ 200 บาทไม่มีทุเรียน

               แม้ปีนี้ผลไม้ราคาแพง แต่ลูกทัวร์เข้าสวนไม่ขาดสาย อย่างวันธรรมดาจะมีคนเข้าชมสวนประมาณ 60-80 คนสร้างรายได้ 2.5-3 หมื่นบาท แต่ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะมีลูกค้าราว 250-300 คนสร้างรายได้ตกวันละ 7-8 หมื่นบาท

 

               ด้าน สุภาพร นิยมกิจ ในฐานะที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ปีนี้ในภาคตะวันออกประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงมาก ทำให้ภาพรวมในจ.จันทบุรี ซึ่งเป็นเมืองผลไม้เมืองร้อนขึ้นชื่อระดับโลก มีผลผลิตลดลงเป็นอย่างมากเฉลี่ยลดลงราว 50% เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน แต่เกษตรกรที่มีน้ำสำรอง ได้ผลผลิตมาบ้างก็ได้อานิสงส์จากผลผลิตน้อย เพราะราคาสูงมาก อย่างทุเรียนไม่ต่ำกว่ากิโลละ 100 บาท มังคุดเกรดส่งออกก็ราคากว่า 100 บาทต่อกก. ทำให้เกษตรกรที่เปิดสวนเป็นแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบจัดบุฟเฟ่ต์ผลไม้ต้องปรับราคาด้วย

               ขณะที่ ศิริญากุล ไชยบำรุง สาวพนักงานบริษัทเอกชนแห่งในกรุงเทพฯ ที่แวะเข้าชมสวนสาวสุดใจ บอกว่า เป็นคนชอบเที่ยวเชิงเกษตร โดยเฉพาะการเดินดูสวนผลไม้หากมีผลผลิตออกมาดกๆ ยิ่งชอบมากเห็นแล้วเพราะเพลิดเพลิน ได้เก็บรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อน หลังจากที่ชาวสวนเปิดสวนเป็นแหล่งท่องเที่ยวมา เธอและเพื่อนจะแวะไปที่จันทบุรีทุกปี แต่บางปีอาจไปที่ จ.ระยอง บ้าง ปีนี้ยอมรับผลไม้แพงขึ้น อย่างบุฟเฟ่ต์ผลไม้ราคาหัวละ 200 บาท ไม่ได้กินทุเรียน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะชอบทุเรียนมากที่สุด จึงใช้วิธีจ่าย 200 บาทกินผลไม้อย่างอื่นทุกชนิด ส่วนทุเรียนซื้อต่างหากกลับไปกินที่บ้าน

บุฟเฟ่ต์ผลไม้“สวนสาวสุดใจ” อิ่มละ 200 บาทไม่มีทุเรียน

               การเปิดสวนผลไม้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสและเพลิดเพลินกับความสวยงามของผลไม้ที่กำลังออกผลผลิตแล้วยังสามารถรับประทานผลไม้สดๆ จากต้นอีกด้วย