คณะสงฆ์ยันไม่เกี่ยว!เดินหน้าจับ'ธัมมชโย' (ชมคลิป) | คมชัดลึก

 

                    14 มิ.ย. 59  ความคืบหน้าการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่างพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อหาข้อยุติในการนำพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรให้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ

                    ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น.  พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ และตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความวัดปากน้ำ ในฐานะที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นตัวแทนผู้ประสานงาน ร่วมประชุมหารือเพื่อหาแนวทางให้พระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ โดยใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

                    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือเสร็จสิ้น ได้มีการแถลงข่าวต่อคณะสื่อมวลชน ว่า

 

 

                    พระเทพรัตนสุธี  "เนื่องจากเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ได้ทราบว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนสอบสวนคดีของพระธัมมชโย พร้อมกับพวกให้อัยการแล้ว โดยอัยการได้นัดสั่งคดีวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 ทางจังหวัดจึงพิจารณาเห็นแล้วว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่แล้ว ดังนั้นในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ จึงขอยุติการปรึกษาหารือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"

 

 

                    นายสมศักดิ์ ในฐานะที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ได้ทำหน้าที่ประสานระหว่างคณะของพระธัมมชโยและคณะทำงานชุดดังกล่าวอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ทุกครั้งที่มีการประชุมได้นำบันทึกเงื่อนไขต่างๆ ในที่ประชุมทั้งหมดไปให้คณะทำงานของพระธัมมชโยพิจารณาตลอด อย่างไรก็ตามในส่วนของคดีเมื่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีได้กล่าวไปแล้วว่า เมื่อดีเอสไอได้ส่งสำนวนสอบสวนไปให้อัยการแล้วนั้น จึงถือว่าหน้าที่ก็ยุติลง ซึ่งต่อไปคงเป็นหน้าที่ของอัยการที่ต้องพิจารณาเรื่องต่างๆ

                    นายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวถึงการดำเนินการตามพระธรรมวินัยของพระธัมมชโยว่า เป็นการกระทำความผิดหรือไม่นั้น ต้องให้คดีความตามกฎหมายบ้านเมืองเสร็จสิ้นก่อน อีกทั้งต้องมีผู้มาดำเนินการร้องทุกข์กล่าวอ้างจึงจะพิจารณาเอาผิดทางพระธรรมวินัยอีกครั้ง

 

 

                    พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า เมื่อพนักงานสอบสวนทำสำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้นจึงได้ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ส่วนกระบวนการเจรจาในวันนี้ถือเป็น 1 ใน 5 แนวทางที่รัฐมนตรียุติธรรมได้เคยให้นโยบายไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากนี้อยู่ที่พระธัมมชโยว่าจะมอบตัวหรือจะให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมตามกระบวนการหมายจับ ซึ่งมีผล 15 ปี โดยตอนนี้พระธัมมชโยมีทางเลือกเพียง 2 ทาง คือ ยอมมอบตัว หรือถูกจับกุม

                    “แนวทางหลังจากนี้จะดำเนินการตามหมายจับ ซึ่งมี 2 แนวทาง คือ 1. การเข้ามอบตัวเองของพระธัมมชโย ซึ่งจะต้องประสานไปยังอัยการเพื่อมอบตัวที่ศาลเท่านั้น และ 2. การเข้าจับกุมตัวตามหมายจับ ซึ่งจะไม่มีการประกันตัว ขณะที่อัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องเฉพาะผู้ต้องหาที่มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนที่ยังไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหาก็ไม่สามารถที่จะฟ้องร้องต่อศาลได้ ทั้งนี้ระยะเวลาขอหมายจับ ที่ทางพระธัมมชโยจะเข้ามอบตัว หรือ การเข้าจับกุม มีอายุความ 15 ปี นับตั้งแต่วันที่นายศุภชัยสั่งจ่ายเช็คให้พระธัมมโย ส่วนนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้สืบทราบแล้วว่าหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศใด โดยได้ประสานเบื้องต้นไปยังประเทศปลายทางแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้”

 

(ชมคลิป)