สาปแช่งแก๊งโจ๋ยิงเด็กวัย15ดับขณะทำแผน
ออกหมายจับอีก 4 แก๊งโจ๋ยิงเด็กวัย 15 เสียชีวิต คุมหนึ่งในแก๊งทำแผนชาวบ้านตะโกนสาปแช่ง
จากกรณีกลุ่มคนร้ายวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิง นายทินภัทร หรือเบียร์ ไชยหงส์ อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/571 ซอยหทัยราษฎร์ 33 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังเลิกงาน จนเสียชีวิต เหตุเกิดใกล้แยกมีนบุรี บริเวณปากซอยสุวินทวงศ์ 1/1 ถ.สุวินทวงศ์ แขวงและเขตมีนบุรี กทม. เวลา 18.25 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา จากนั้นมีผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรีแล้วจำนวน 3 ราย เป็นเยาวชน 2 ราย อายุ 15 ปี และ 17 ปี ส่วนอีกหนึ่งราย อายุ 19 ปี
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มิถุนายน พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 (ผบก.น.3) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ทางศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติมอีก 4 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนทั้งหมด และหนึ่งในจำนวน 4 คนที่ถูกออกหมายจับครั้งนี้เป็นคนยิงผู้เสียชีวิต โดยการข่าวจากชุดสืบสวนล่าสุดทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดได้หลบหนีไปอยู่ต่างจังหวัด และทางตำรวจจะไม่รอให้มีการขอเข้ามอบตัว แต่ชุดสืบสวนจะติดตามจับกุมมาดำเนินคดี คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้เร็ว ๆ นี้
พล.ต.ต.ชัยพร กล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายของวันนี้ (12 มิ.ย.) จะนำตัวผู้ต้องหาที่อายุ 19 ปี จำนวน 1 ราย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ เพื่อชี้จุดและประกอบสำนวน ด้วยตัวเองในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. สำหรับผู้ต้องหาอีก 2 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนจะไม่มีการนำตัวไปทำแผนด้วย เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้ทำได้ ทั้งนี้ในส่วนของผู้ต้องหาที่ให้การว่า ได้ซื้อปืนปากกามาจากคนงานก่อสร้างในราคาแค่ 800 บาท นั้น ทางตำรวจจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล เพื่อเอาผิดกับคนขายปืนให้กับกลุ่มวัยรุ่นต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายที่ 3 ไว้แล้ว คือ นายธีรพัฒน์ (ยังไม่ทราบนามสกุล) อายุ 19 ปี โดยผู้ปกครองได้พามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ ส่วนผู้ก่อเหตุที่เหลืออีก 4 คน ขณะนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับครบทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นเป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปีทั้งหมด ตรวจสอบที่อยู่ตามประวัติพบว่าอยู่ในพื้นที่มีนบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากผู้ปกครองของผู้ต้องหาทราบข่าว ก็อาจนำตัวมามอบให้กับตำรวจเอง สำหรับอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ ยังอยู่ระหว่างการขยายผลหาร้านจำหน่าย ตามที่ผู้ต้องหารับว่ามีการซื้อขายต่อๆ กันมา
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวว่า ทราบผลการจับกุมผู้ต้องหารายล่าสุดแล้ว โดยตนได้มอบให้ พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น. 3 ไปติดตามดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และติดตามความคืบหน้าคดี โดยเฉพาะการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 คน ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ไม่ต้องรอให้เข้ามอบตัว ส่วนกรณีที่เกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงคู่อริเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 2 คน พื้นที่ สน.โชคชัย ขณะนี้ตำรวจใกล้ทราบตัวผู้ลงมือก่อเหตุแล้ว
สาปแช่งแก๊งโจ๋ยิงเด็กวัย15ดับขณะทำแผน
ต่อมาเวลา 14.30 น. วันที่ 12 มิถุนายน พล.ต.ต.ชัยพร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.บุญเยี่ม กันเกตุ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.มีนบุรี พ.ต.ท.สุรพล ก้อมน้อย รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.สมคิด ประเชิญสุข สว.สส.สน.มีนบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี รวมทั้งฝ่ายสืบสวนบก.น.3 กว่า 30 นาย ได้นำตัว นายพีระพัฒน์ หรือนิว โสภักดี อายุ 19 ปี นักเรียนภาคค่ำอาชีวะแห่งหนึ่ง ย่านบางกะปิ และตัวแทน นายเอ(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี และนายบี(นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ผู้ต้องหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ หมายเลขทะเบียน 4 กบ 4801 กรุงเทพมหานคร(คันที่ใช้ก่อเหตุ) ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมดจำนวน 3 จุด ท่ามกลางประชาชนที่มายืนมุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก โดยบางส่วนได้ตะโกนสาปแช่งผู้ต้องหาที่กระทำการเหี้ยมโหดกับผู้ตาย ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
จุดแรกบริเวณสี่แยกไฟแดงมีบุรี โดยรถจักรยานยนต์ผู้ตายจอดติดไฟแดงอยู่ฝั่งถนนเสรีไทย ส่วนกลุ่มรถจักรยานยนต์กลุ่มคนร้ายจอดติดไฟแดงอยู่ฝั่งถนนสีหบุรานุกิจ ก่อนจะมองหน้ากัน สำหรับจุดที่สองบริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน ข้ามแยกมีนบุรี ปากซอยสุวินทวงศ์ 1/1 ถ.สุวินทวงศ์ ขณะที่ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่าน คนร้ายได้ผ่าไฟแดง ก่อนย้อนศรหลังป้อมตำรวจ แล้วได้ขับจักรยานยนต์ประกบผู้ตาย จากนั้น นายพีระพัฒน์ หรือนิว ได้ใช้อาวุธปืนปากกายิงไปที่ศีรษะผู้ตายจำนวน 1นัด แล้วพากันขับจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปยังถ.สุวินทวงศ์(ฝั่งขาออก) และจุดสุดท้ายภายในซอยสุวินทวงศ์ 30/2 ที่กลุ่มผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์นำเสื้อผ้าที่สวมใส่ก่อนเหตุมาซุกซ่อนไว้บริเวณป่ากล้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันไปเรียนตามปกติ
พล.ต.ต.ชัยพร กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญในครั้งนี้มีทั้งสิ้น จำนวน 7 คน ประกอบด้วยนายพีระพัฒน์หรือพี โสภักดี และเยาวชนอีก 6 คน มีเพียงนายพีระพัฒน์ เท่านั้นที่เป็นผู้ใหญ่ โดยจับได้จำนวน 3 ราย คือ จับนายพีระพัฒน์ ได้ตามหมายจับที่ 588/2559 นายเอและนายบี ที่ผู้ปกครองนำมามอบตัวกับตำรวจ เนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหว ส่วนอีก 4 ราย พนักงานสอบสวนยื่นต่อศาลจังหวัดมีนบุรี อนุมัติออกหมายจับครบแล้ว อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ข้อมูลเชิงลึกสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดเรียนอยู่วิทยาลัยช่างชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ สาขาช่างยนต์และช่างไฟฟ้า พักอาศัยอยู่ย่านมีนบุรีและรอยต่อ อ้างว่าขณะเกิดเหตุมีการท้าทายจากผู้ตายและเกิดปากเสียงกัน จึงได้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ประกบข้างแล้วใช้ปืนไทยประดิษฐ์ หรือปืนปากกา ขนาด .38 ยิงเข้าที่หัวของผู้ตายซึ่งขับขี่รถมอเตอร์ไซค์โดยมีเพื่อนนั่งซ้อนท้ายอยู่ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่มีการปกปิดใบหน้า ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และพกพาอาวุธปืนไว้กับตัวตลอดเวลา อีกทั้งพฤติการณ์แวดล้อมที่กลุ่มผู้ต้องหามีการฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง เพื่อขับขี่ไปสังหารผู้ตายในที่เกิดเหตุ ซึ่งมาคนละเส้นทางกันดูแล้วขัดแย้งกับหลักความจริง แต่ทั้งนี้ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะรวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุด ประกอบเข้าสำนวนเพื่อส่งอัยการฟ้องต่อศาลตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป” ผบก.น.3 กล่าว
ด้าน นายพีระพัฒน์ กล่าวว่า กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝั่งผู้ตายได้ด่าทอ และชูนิ้วกลางให้ของลับ ซึ่งตนไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งได้ยิงเสียงปืนจากทางด้านหลัง ตนจึงหันไปมอง พบว่ารถจักรยานยนต์ของผู้ตายล้มลง ตนจึงตกใจแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าถนนสุวินทวงศ์ และเข้าไปหลบซ่อนตัวภายในซอย30/2 และตนกับพวกได้ตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจ และอยากขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิต