
70 ปีแห่งพระการุณย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นต้นแบบแห่งคุณธรรม และการผสมผสานโบราณราชประเพณีกับความร่วมสมัย.... 70 ปีที่ทรงงาน พสกนิกรไทยแซ่ซ้องสรรเสริญ
๏ ธ ทรงเป็นยิ่งกว่ามหากษัตริย์
นพรัตน์จักรีวงศ์องค์มิ่งขวัญ
ข้าแผ่นดินถวายพรพระราชัน
จากเม็ดทรายจรดสวรรค์วันแห่งไท ฯ
๏ ทรงเถลิงถวัลย์ราชย์ผ่านพิภพ
เวียนบรรจบเจ็ดสิบปีศรีสมัย
ใต้ร่มฉัตรคุ้มเกล้าชนชาวไทย
น้อมกราบในพระมหากรุณาธิคุณ ๚๛
(พรชัย นวการพิศุทธิ์ ผู้ประพันธ์)
ชาติไทยเรามีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสืบต่อกันมาช้านาน การสถาปนาพระรัชทายาทเพื่อสืบราชสันตติวงศ์นั้น มีปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารแต่ครั้งกรุงเก่า จวบจนวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเป็นเอกฉันท์กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พระโอรสพระองค์ที่สองแห่งราชสกุลมหิดล ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 18 พรรษา เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ด้วยขณะนั้นยังทรงพระเยาว์และไม่เคยเตรียมพระองค์ในการเป็นพระมหากษัตริย์มาก่อน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น ในขณะที่ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อเสด็จฯ ไปทรงศึกษาเพิ่มเติมที่สวิตเซอร์แลนด์ ก็ทรงได้ยินเสียงราษฎรคนหนึ่งตะโกนว่า “ในหลวง อย่าทิ้งประชาชน” จึงทรงนึกตอบในพระราชหฤทัยว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้”
ครั้นถึงวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ เฉลิมพระปรมาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” นับจากนั้นจนถึงวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปีในวันที่ 9 มิถุนายน 2559 เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก ทรงได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญจากนานาประเทศ ด้วยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวไทยและทั่วโลก ทรงเป็นพระราชาที่เป็นสง่าแห่งแคว้น ทรงเป็นที่พึ่งของประชาชน ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาจราจร การทำมาหากิน เรื่องน้ำ การศึกษา โรงพยาบาล ฯลฯ ทรงเป็นต้นแบบแห่งคุณธรรม และทรงเป็นต้นแบบการผสมผสานโบราณราชประเพณีกับความร่วมสมัย
ล่าสุดกับโครงการพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ที่่แม้ต่างชาติก็หยิบยกขึ้นมาเป็นแบบอย่างว่า “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีมานานกว่า 4 ทศวรรษ เป็นหลักพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน ดังที่องค์กรระดับโลกอย่าง “สหประชาชาติ” ได้ประกาศทิศทางการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืนจะเน้นการเจริญเติบโตอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป
โดยในปีแห่งการเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปี โคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่ในหลวงของปวงชนชาวไทย ทางองค์การสหประชาชาติได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอด 60 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติ ที่เป็นความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์รอบด้าน โดยไม่ทรงเลือกเชื้อชาติ ศาสนา เป็นพระราชกรณียกิจที่สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะพัฒนาประชาชนอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ทั้งคุณภาพชีวิต การศึกษา การแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ยาเสพติด โดยเฉพาะโครงการพระราชดำริการปลูกพืชทดแทนการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือทั้งประชาชนในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ซึ่งประเทศอัฟกานิสถานได้แสดงความสนใจจะนำแนวพระราชดำริไปปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ เรื่องที่เลขาธิการสหประชาชาติเน้นมากคือ เศรษฐกิจพอเพียง โดยเห็นว่าเป็นการดำเนินชีวิตสายกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะคลี่คลายความขัดแย้งในโลกปัจจุบันที่มีปัญหา มีการใช้ความรุนแรง และเป็นสิ่งที่สหประชาชาติ ธนาคารโลก และทุกองค์กรระหว่างประเทศ ได้ย้ำกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ว่าเป็นตัวอย่างที่น่าจะทำตาม
ในขณะที่ต่างประเทศได้น้อมรับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปปฏิบัติ แต่ทว่าในสังคมของไทยยังยึดติดกับวัตถุนิยม เมื่อทุกคนหลงใหลในวัตถุราคาแพง เห็นว่าเป็นของจำเป็น ปัญหานี้จึงโยงไปถึงความวุ่นวายทางสังคม ตั้งแต่คนระดับรากหญ้า ไปจนถึงข้าราชการ นักการเมือง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงแนะนำเพียงแนวทางให้พสกนิกรนำไปปฏิบัติอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทรงปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ทรงสอน ทรงนำทางให้ชาวไทยได้เข้าใจคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย ผู้ที่เลือกดำเนินชีวิตตามรอยพระบาท คงรู้ว่าทรงใช้ชีวิตบนทางสายกลาง ประหยัด อดออม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทรงงานอย่างขยันขันแข็งบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริต เป็นแบบอย่างของคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง ความพอเพียงที่ทรงปฏิบัติเพื่อเป็นตัวอย่างแก่ชาวไทยนั้น อยู่ในทุกขั้นตอนของการดำเนินชีวิต ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ เมื่อครั้งประทับอยู่ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สมเด็จพระบรมราชชนนีพระราชทานเงินให้ใช้แต่พอสมควร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้จักคุณค่าของเงิน และทรงรู้จักหาเงินอย่างสุจริต แม้พระพี่เลี้ยงอยากทูลเกล้าฯ ถวายเงินพิเศษให้ เพื่อจะได้ใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย แต่ก็ไม่ทราบจะถวายอย่างไรดี วันหนึ่งเมื่อจักรเย็บผ้าของพระพี่เลี้ยงชำรุด ทรงอาสาซ่อมให้จนจักรเย็บผ้าใช้การได้ พระพี่เลี้ยงจึงได้โอกาสทูลเกล้าฯ ถวายเงินค่าซ่อมจักร เพื่อเป็นการตอบแทน
นอกจากนั้นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงของพระองค์ท่าน ก็ได้มีผู้สนองใต้เบื้องพระยุคลบาทนำมาถ่ายทอดให้ฟังอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ของใช้ส่วนพระองค์ล้วนเป็นของธรรมดา อาทิ แปรงสีฟันและยาสีฟันฟลูโอคารีล ที่พระองค์ทรงม้วนหลอดจนหมด สบู่เหลวยี่ห้อบาเดคาสก็ทรงใช้จนหยดสุดท้าย ทรงใช้มีดโกนและใบมีดยี่ห้อยิลเลตต์เฉกเช่นผู้ชายทั่วไป และแชมพูสระพระเกศาของทอสก้า 8711
นาฬิกา “ยี่ห้อใส่แล้วโก้” ที่ทรงเรียกของพระองค์เองราคาไม่กี่ร้อยบาท เป็นสิ่งเตือนใจคนไทยได้เป็นอย่างดีว่า คนที่ต้องพึ่งเฟอร์นิเจอร์แพงระยับมาประดับนั้น เพราะไส้ในไม่มีอะไร มีแต่เปลือก ในขณะที่ผู้ที่มีครบทุกอย่างแล้ว มีความพอแล้ว ไม่สนใจสิ่งของเหล่านี้ แม้กระทั่งฉลองพระบาทของพระองค์ก็เป็นผ้าใบยี่ห้อเดียว ราคาไม่กี่ร้อยบาท ที่ทรงก้าวพระบาทอย่างสม่ำเสมอมาตลอด ก็ไม่อาจทำให้ข้าราชบริพารที่ประดับเพชรแพรวพราว รองเท้าแพงลิบก้าวตามได้ทัน
การทำงานก็เช่นเดียวกัน พระองค์มีวิธีการทรงงานอย่างเรียบง่ายภายในห้องทำงาน 3x4 เมตร ภายในห้องทรงงานที่มีวิทยุ โทรทัศน์ โทรสาร โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ โทรเลข เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์อากาศ แผนที่อื่นๆ แสดงถึงพื้นที่หมู่บ้าน แม่น้ำ ภูเขา และป่าอย่างละเอียด เวลาทรงงานจะประทับบนพื้น โดยไม่ทรงงานบนเก้าอี้เหมือนคนทำงานทั่วไป เพื่อวางสิ่งของต่างๆ ได้อย่างถนัด ประทับพับเพียบกับพื้น ตามวิถีชีวิตไทยที่สอนเรื่องความเรียบง่าย พระองค์ประทับพับเพียบ 5-6 ชั่วโมง โดยไม่เปลี่ยนท่า ทรงกองเอกสารบนพื้น ที่มีข้าราชบริพารนั่งล้อมวงเฝ้ากัน โดยไม่ต้องเข้าห้องประชุม ไม่ต้องมีโต๊ะ เก้าอี้ เพื่อเป็นการประหยัด
นอกจากนั้น ยามที่เสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรถึงบนบ้านก็ประทับพับเพียบกับพื้นในระดับเดียวกับราษฎร และไม่ทรงรังเกียจของถวายของชาวบ้านแบบตามมีตามเกิด อีกทั้งยังโปรดอมมะขามป้อมแทนที่จะเป็นลูกอมที่นิยมทั่วไป ทรงสอนให้ประชาชนรู้จักประหยัด และบันทึกค่าใช้จ่าย ทรงสอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ทรงจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย และทำงบดุลของมหาดเล็กคนหนึ่ง ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ดังนั้น มิควรหรือที่ครูในทุกโรงเรียนจะสอนและฝึกให้เด็กประถมรู้จักการทำงบดุล ฝึกสอนให้บันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพราะตราบใดที่เรารู้ว่ารายรับมีเท่าไหร่ และใช้ไปในแต่ละวันเท่าใด การดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
จากแนวพระราชดำริของพระองค์ในเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่มิได้เป็นเพียงแค่ข้อคิด แต่ยังทรงปฏิบัติด้วยพระองค์เอง ดังนั้น คนไทยทุกคนที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เรารักในหลวง” ก็สมควรที่จะนำไปปฏิบัติตาม ให้สมกับที่เกิดมาอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี วันที่ 9 มิถุนายน 2559 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดในโลก ขอน้อมถวายพระพรชัยมงคล ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ขอทรงพระเกษมสำราญ เป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปกกระหม่อมปวงพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าทีมข่าวสังคม