ข่าว

จากบังกะโลริมหาด...สู่รีสอร์ทหรู5ดาว

จากบังกะโลริมหาด...สู่รีสอร์ทหรู5ดาว

04 มิ.ย. 2559

จากบังกะโลริมหาด...สู่รีสอร์ทหรู5ดาว : คมคิดธุรกิจนิวเจนสาลินี ปราบ

             “เรามีเงินไม่มาก จึงต้องพัฒนาโรงแรมด้วยหลักเศรษฐศาสตร์ และทรัพยากรที่มีอยู่ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด บนพื้นฐาน ศึกษาให้รู้จริง ทำให้จริง ทุกอาชีพก็จะประสบความสำเร็จ”

             บนชายหาดมิตรภาพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พื้นที่ 44 ไร่ เป็นที่ตั้งของเดอะวิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต (The Vijitt Resort Phuket) รีสอร์ทหรู 5 ดาว รวม 92 หลัง แต่ละหลังได้รับการออกแบบที่สะท้อนให้เห็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เรียบง่าย สบายตา ผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมทางภาคใต้ โดยตั้งกระจัดกระจายอยู่บนเนินเขาที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ทำให้ในวันที่อากาศแจ่มใสไร้เมฆฝนจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของอ่าวฉลอง เกาะโหลน เกาะเฮ แหลมพันวา ซึ่งอยู่ด้านหน้ารีสอร์ทได้อย่างชัดเจน

             “ต้า” ก้องศักดิ์ คู่พงศกร ร่วมกับพี่ชาย “ตั้ม” พงษ์สุระ ทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งรับช่วงบริหารงานต่อจากผู้เป็นพ่อ “สมศักดิ์ คู่พงศกร” หลังสำเร็จการศึกษาเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเดินทางไปศึกษาต่อด้านการบริหารจัดการโรงแรมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ต่ออีก 1 ปี โดยเข้ามารับงานช่วงวัย 20 ปีต้นๆ เล่าว่า เดิมที่ดินแปลงนี้จะเป็นสวนผลไม้ผสมผสาน และสวนยางพารา นอกจากทำสวนแล้วก็ยังค้าขายทั่วไป และทำเหมืองแร่ กระทั่งหมดยุคเหมืองแร่ ทางครอบครัวอากงกับคุณพ่อก็หันมาจับธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นบูมของการท่องเที่ยวภูเก็ต หรือเมื่อราว 31 ปีก่อน
           
             “จากบังกะโลไม้ไผ่ 20 หลังติดทะเล ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีสระว่ายน้ำ ก่อนที่จะมีการขยายเพิ่มเติมเป็น 45 หลัง ภายใต้ชื่อ วิจิตรบังกะโล ซึ่งเป็นชื่อที่คนภูเก็ตส่วนใหญ่จะรู้จักกันดี จนปี 48 รูปแบบการท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไป การแข่งขันเพิ่มมากขึ้น โรงแรมใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง จึงได้พูดคุยกันในครอบครัว ทั้งตนเอง พ่อ แม่ พี่ชาย ว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบ ด้วยเรามีงบลงทุนไม่มากนัก จึงใช้เวลาในการตัดสินใจนานพอสมควรกว่าจะลงตัว กระทั่งได้ข้อสรุปว่า จะปรับเปลี่ยนจากบังกะโลไม้ไผ่มาเป็นห้องพักในลักษณะของวิลล่าส่วนตัว พร้อมสระว่ายน้ำทุกหลัง การออกแบบก็ต้องกลมกลืนกับพื้นที่ที่เรายังคงให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ และเก็บรักษาต้นไม้เก่าแก่ดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด”

             กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ ต้าบอกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะในการบริหารงานนั้น มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก โดยปัจจัยภายในไม่น่าห่วงมากนัก เพราะเราบริหารจัดการ แต่ที่เป็นปัญหาค่อนข้างมากคือ ปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยาก และเป็นอุปสรรคใหญ่ เริ่มตั้งแต่วันแรกของการเปิดให้บริการ ภายใต้แบรนด์เดอะ วิจิตร รีสอร์ท นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่จะต้องเข้ามาในวันที่ 18 กันยายน 2551 ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินและมีการยกเลิกเที่ยวบินที่จะเข้ามาภูเก็ต

            จากนั้นก็จะเจอปัญหาทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง รวมเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี รวมไปถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งการแก้ปัญหาในครั้งนั้นได้เดินทางไปพบเอเย่นต์ต่างๆ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่ชอบมาก แต่ติดที่ว่านักท่องเที่ยวในช่วงนั้นมีน้อย ทำให้ต้องส่งนักท่องเที่ยวให้ลูกค้าประจำก่อน นอกจากนี้เรายังเจอปัญหาชักดาบของเอเย่นต์บางรายที่ส่งลูกค้ามาให้แล้วไม่จ่ายเงิน เนื่องจากเขาประสบปัญหาและปิดตัวหายไปเลย รวมไปถึงปัญหาพนักงานที่มีการปรับเปลี่ยนงานหรือมีการดึงตัวกันไป

             “ปัญหาและอุปสรรคที่เจอทำให้เรามีความเข้มแข็ง และมีความระมัดระวังมากขึ้นในการให้เครดิตแก่เอเย่นต์ต่างๆ รวมไปถึงการทำตลาดต่างๆ ก็มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงแรกๆ ทำงานค่อนข้างหนักมาก นอกจากปัจจัยที่ยากจะควบคุมแล้ว ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีโรงแรมเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้ภาวะการแข่งขันสูงตามไปด้วย ทำให้การทำงานหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นยุโรป อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ ในเอเชีย เช่น จีน เกาหลี”

             ต้ายังบอกอีกว่า ด้วยเป็นธุรกิจครอบครัว มองว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ ทว่า ไม่ปิดโอกาสในการใช้เชนบริหาร แต่นั่นต้องหมายถึงว่าจะต้องมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ซึ่งจากการที่มีโอกาสเป็นกรรมการในสมาคมโรงแรมไทยภาคไทย และอยู่ในกลุ่มของวายอีซี หอการค้าภูเก็ต รวมถึงสโมสรโรตารี ทำให้ได้ประสบการณ์ค่อนข้างมาก และสามารถนำมาใช้ในการทำธุรกิจด้านการบริการได้เป็นอย่างดี

            ด้านการขยายธุรกิจนั้น ในอนาคตมีแผนงานอยู่แล้ว เนื่องจากเรามีที่ดินซึ่งคุณพ่อได้ซื้อไว้ในพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จำนวน 2 แปลง เป็นพื้นที่ที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีการเติบโตด้านท่องเที่ยวค่อนสูง ทั้งนี้ตามแผนงานคาดว่าจะดำเนินการภายใน 2-3 ปี

             “ต้า” ก้องศักดิ์ คู่พงศกร ยอมรับว่า ประสบการณ์ด้านธุรกิจของเขาไม่ได้มากมายนัก แม้หลังเรียนจบจะตั้งใจทำงานหาประสบการณ์อยู่ที่นั่น 4-5 ปี ทว่า ช่วงนั้นปี 2006 การท่องเที่ยวภูเก็ตกำลังบูม พี่ชายซึ่งกลับมาช่วยงานครอบครัวได้มีแนวคิดขยายวิจิตรบังกะโล ทำให้ความฝันจะทำงานที่นั่นเลยต้องพับไป เพราะหลังฝึกงานได้ 6 เดือน ก็ถูกเรียกตัวกลับมาช่วยงานที่บ้าน

             “ความใฝ่ฝันเป็นเรื่องที่บอกได้ยากมาก เพราะเกิดและเติบโตมากับวิจิตรบังกะโล ด้วยเป็นครอบครัวคนจีน ก็จะถูกปลูกฝังว่า เมื่อโตขึ้นจะต้องกลับมาช่วยป๋าช่วยม้าทำงาน เหมือนในช่วงเด็กๆ เมื่อมาที่วิจิตรรีสอร์ทก็ไม่ได้มานั่งเล่นหรือนอนเล่น แต่ต้องมาช่วยบริการแขก และอื่นๆ ตามกำลังที่ทำได้"

             ต้าบอกในตอนท้ายว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่พ่อทำมา ส่วนของตนเองนั้นแค่มาต่อยอดการบริหารและสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อที่วางไว้ คือ ต้องมีโรงแรมดีๆ ให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนได้รับความประทับใจกลับไป เพื่อการบอกต่อนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ

             “มองว่าการทำงานทุกอย่างต้องลงลึกในรายละเอียด อย่างที่บอก ได้รับการปลูกฝังจากพ่อว่า ต้องศึกษาให้มาก ต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา หากหยุดเมื่อไหร่นั่นเท่ากับเดินถอยหลัง เพราะมีโรงแรมเกิดใหม่ทุกปี เฉพาะปีนี้เกิดใหม่ถึง 5,000 ห้อง นั่นหมายถึงของเราล้าสมัยไปทุกปี”

             อย่างไรก็ตาม ด้วยครอบครัวไม่ได้มีเงินมาก เขาและพี่ชายจึงต้องพัฒนาโรงแรมด้วยหลักเศรษฐศาสตร์ และทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด บนพื้นฐานศึกษาให้รู้จริง ทำให้จริง ทุกอาชีพก็จะประสบความสำเร็จ