
กลุ่มแรงงานนอกระบบเดินรณรงค์วันงดสุบบุหรี่โลก
26 พ.ค. 2559
กลุ่มแรงงานนอกระบบ เดินรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ชี้บุหรี่ภัยร้ายทำลายคุณภาพชีวิตแรงงานชูโครงการลดละเลิกบุหรี่ หวังสร้างความตระหนักสิงห์อมควันกลับใจ
วันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายแรงงานนอกระบบ กลุ่มอาชีพอิสระ และผู้ได้รับผลกระทบจากบุหรี่ กว่า 100 คน จัดกิจกรรมเดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนเลิกสูบบุหรี่ เนื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก พร้อมทั้งทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “บุหรี่จ๋า ขอลาขาด”และแบกบุหรี่ยักษ์ ที่มีข้อความพิษภัยของบุหรี่ เดินชูป้ายรณรงค์ตลอดเส้นทาง
นางสาวอรุณี ศรีโต ผู้ประสานงานเครือข่ายแรงงานนอกระบบ กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2557 พบว่าคนไทยสูบบุหรี่สูงถึง 11.4 ล้านคน คิดเป็น20.7% ส่วนใหญ่ผู้สูบเป็นช่วงวัยทำงาน คืออายุระหว่าง 25-59 ปี จำนวนมากกว่า 23.5% กลุ่มวัยนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการสูบเฉลี่ยสูงสุด คือ 470 บาทต่อเดือน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ไม่ใช่เฉพาะแค่ตัวผู้สูบเอง ภาครัฐสูญเสียงบประมาณในการรักษาจำนวนมาก และเนื่องในวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ซึ่งประเทศไทยได้รับคำชื่นชมจากองค์กรอนามัยโลกว่า เป็นประเทศที่ควบคุมการสูบบุหรี่ได้ดี เป็นแบบอย่างของนานาชาติ แต่กฎหมายควบคุมบุหรี่ซึ่งใช้มานานแล้วยังมีจุดอ่อนที่ยังต้องปรับปรุง สอดคล้องกับกิจกรรมวันนี้ที่เราอยากสะท้อนปัญหาของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มคนยากจนหาเช้ากินค่ำที่ติดบุหรี่ เช่น วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซาเล้ง แม่ค้าหรือผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งในกลุ่มที่ตนทำงานด้วยเกือบ90% เป็นผู้ที่สูบบุหรี่ มีปัญหาหนี้สิน รายรับไม่พอกับรายจ่าย คุณภาพชีวิตไม่ดี และจากการทำโครงการลดละเลิกบุหรี่ ร่วมกับ สสส.มานานกว่า 2 ปี ได้มีการรณรงค์ ให้ความรู้พูดคุยแลกเปลี่ยน จนนำมาสู่การคัดกรองดึงคนกลุ่มนี้เข้าสู่โครงการ นำร่อง 2 ตำบลพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และเขตบึงกุ่ม กทม.ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควร ทำให้คนที่ติดบุหรี่กลับใจสามารถเลิกบุหรี่ได้แล้วอย่างเด็ดขาด 96 รายและ กำลังลดละเลิกอีก120 ราย จากผู้ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 500 ราย และคนเหล่านี้ยังผันตัวเองไปเป็นวิทยากรให้ความรู้และชวนเพื่อนในหมู่บ้านลดละเลิก อย่างไรก็ตามในอนาคตจะต่อยอดขยายการรณรงค์ลดละเลิกบุหรี่ไปสู่ตำบลและจังหวัดอื่นๆต่อไป
“การสร้างความตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในวันงดสูบบุหรี่โลกปีนี้จึงขอเชิญชวนกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ยังสูบบุหรี่ ให้ลดละเลิกเพื่อสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้าง นอกจากนี้หน่วยงานในพื้นที่ต้องทำงานเชิงรุกเข้าถึงประชาชน สร้างการรับรู้ ให้คำแนะนำช่วยเหลือ ที่สำคัญภาครัฐต้องเป็นทับหน้าเอาจริง และเรายังหวังว่ารัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเร่งผ่านร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่เพื่อปกป้องคุ้มครองสุขภาพของประชาชนโดยเร็ว” นางสาวอรุณี กล่าว
นายศิริวัฒน์ แสงอินทร์ อายุ 35 ปี อาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวถึงผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่ส่งผลไปถึงลูกว่า เริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 16 ปี สูบหนักขึ้นเรื่อยๆ ตกวันละ 2 ซอง เสียเงินค่าบุหรี่ไม่น้อยกว่า 3,000 บาทต่อเดือน เมื่อภรรยาตั้งครรภ์จนคลอดลูกคนที่ 3 ก็ยังสูบหนัก จนกระทั่งลูกได้เกือบ 2 ขวบ เริ่มเข้าโรงเรียนเตรียมอนุบาล ลูกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป พัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติ ไม่อยู่นิ่ง ซึ่งแพทย์ระบุว่า เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น สาเหตุหลักมาจากการได้รับควันบุหรี่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
“รู้สึกช็อก เสียใจทำอะไรไม่ถูก สิ่งแรกที่ทำคือขอโทษลูก เพราะรู้แล้วว่าผลกระทบจากควันบุหรี่มันร้ายแรงเกือบฆ่าชีวิตลูกตัวเอง และตอนนี้แม้จะยังเลิกบุหรี่ไม่ได้เด็ดขาดแต่ก็พยายามลดละเลิกไม่สูบหนักเหมือนแต่ก่อน และขอตั้งปณิธานว่าจะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ ซึ่งตอนนี้ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อนำเงินมารักษาลูก” นายศิริวัฒน์ กล่าว
นางสะอิ้ง เฉลิมศรี อายุุ 63 ปี อาชีพแม่ค้าแผงลอย กล่าวว่า ปัจจุบันตนเองต้องทำงานหนักขายก๋วยเตี๋ยวและเปิดร้านแผงลอยขายของชำ เป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลสามีวัย 70 ปี ที่ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ตอนนี้ต้องรักษาตามอาการ กินยาระลายลิ่มเลือด ก่อนหน้านี้มีอาการปอดรั่วแต่เริ่มดีขึ้น หมอบอกสาเหตุหลักมาจากการสูบบุหรี่ และหากไม่เลิกจะกลายเป็นถุงลมโป่งพองต้องเจาะคอ ซึ่งสามีก็ไม่กล้าแตะบุหรี่อีกเลย แต่ก็ยังอยู่ในช่วงพักรักษาตัวและเฝ้าระวัง
“ชีวิตลำบากมาก เพราะสามีติดบุหรี่ ต้องสูบวันละเกือบ 2 ซอง เริ่มมีปัญหาหนี้สิน สุขภาพ หลงลืม หงุดหงิดโมโหง่าย ยิ่งอยู่กันสองคนตายายยิ่งลำบาก ตอนที่สามีป่วยหนัก ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาชีวิตสามีไว้ หมดค่ารักษาพยาบาลไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ฝากไปถึงคนที่ยังสูบบุหรี่อยู่ ให้เลิกสูบให้ดูสามีตนเป็นตัวอย่าง เพราะถ้าไม่เลิกตอนนี้อาจจะสายไปก็ได้” นางสะอิ้ง กล่าว