ข่าว

'ตู้คอนเทนเนอร์ฮิปสเตอร์' เสี่ยงผิด ก.ม.-ใช้งานไม่ปลอดภัย

'ตู้คอนเทนเนอร์ฮิปสเตอร์' เสี่ยงผิด ก.ม.-ใช้งานไม่ปลอดภัย

23 พ.ค. 2559

ปรับโฉม 'ตู้คอนเทนเนอร์ฮิปสเตอร์' เสี่ยงผิด ก.ม.-ใช้งานไม่ปลอดภัย : โดย...ธนัชพงซ์ คงสาย

 
                    กลายเป็นความแปลกใหม่สำหรับคนกรุงเทพฯ เมื่อในหลายพื้นที่เอกชนได้นำ “ตู้คอนเทนเนอร์” สภาพเก่ามาปรับโฉมเปลี่ยนแปลงใหม่ปัดฝุ่น “กล่องเหล็กยักษ์” ให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บ้านพนักงาน หรือกระทั่งสำนักงานในรูปแบบแปลกตาดึงดูดผู้พบเห็นได้ไม่น้อย
 
                    ด้วยคุณสมบัติโครงสร้างแข็งแรงทนทานราคาไม่แพง สามารถตกแต่งได้หลากสไตล์ สะดวกในการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง หลายคนนิยมนำมาสร้างเป็นบ้านชั้นเดียวหรือ 2 ชั้นต่อเป็น “จิ๊กซอว์” เพิ่มพื้นที่ใช้สอยก็ดูสวยงามไม่แพ้ที่พักหรือร้านค้าทั่วไปที่สร้างขึ้นจากปูนหรือไม้ ซึ่งในชาติฝั่งตะวันตกนิยมใช้ตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ดัดแปลงนำมาสร้างเป็นที่พักจำนวนมาก
 
                    ส่วนในประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ กระแส “ตู้คอนเทนเนอร์ฮิปสเตอร์” กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กันในหลายพื้นที่ได้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์มาใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายด้วยตลาดซื้อขายตู้คอนเทนเนอร์มือสองในขณะนี้มีราคาอยู่ที่ 3-9 หมื่นบาท ตามสภาพและขนาดพื้นที่การใช้งานมีขนาด 2.5 x 6 เมตร สูง 2.45 เมตร และ 2.5 x 12 เมตร สูง 2.45 เมตรซึ่งคอนเทนเนอร์เหล่านี้เมื่อถูกนำไป “ปรับปรุง-ทาสี-ใส่กระจก-ติดแอร์-ตกแต่งภายใน” เพื่อนำไปเป็นที่พักอาศัยหรือเชิงพาณิชย์ตามรูปแบบใหม่ที่ต้องการ จะมีราคาตั้งขายที่หลักแสนบาทขึ้นไป
 
                    ขณะที่ตู้คอนเทนเนอร์ทำจากเหล็กหรืออะลูมิเนียมมีทั้งแบบ 1 และ 2 ประตู แบ่งได้ 5 ประเภท 1.Dry cargoes ใช้บรรทุกของที่มีการบรรจุหีบห่อหรือภาชนะและไม่ต้องรักษาอุณหภูมิ 2.Refrigerator cargoes เป็นตู้ที่มีการปรับอากาศตลอดการขนส่งสินค้า 3.Garment container ไว้ใช้ขนส่งสินค้าที่เป็นเสื้อผ้าโดยมีราวสำหรับแขวนเสื้อ 4.Open top เป็นตู้ที่ไม่มีหลังคาสำหรับขนสินค้าขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถขนเข้าทางประตูได้ โดยประเภทตู้ที่ได้รับความนิยมมาดัดแปลงเป็นที่พักส่วนใหญ่จะเป็นตู้แบบ “Dry cargoes” เนื่องจากหาได้ง่ายในตลาดตู้คอนเทนเนอร์มือสองซึ่งมีจำนวนไม่น้อยในบ้านเรา
 
                    ทว่าเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พื้นที่โครงการ “บ๊อกซ์สเปซรัชโยธิน” ซึ่งได้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์เป็นโครงสร้างหลักการก่อสร้างเช่นกัน ทางสำนักงานเขตจตุจักรออกคำสั่ง 1.ห้ามก่อสร้าง 2.สั่งให้รื้อถอน และ 3.ห้ามให้มีการใช้งานภายหลังพบว่ามีตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 6 ตู้ ก่อสร้างอยู่น้อยกว่าพื้นที่ทางเท้า 15 เมตร อีกทั้งการขออนุญาตก่อสร้างอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เนื่องจากเจ้าของโครงการไม่ได้ยื่นเอกสารหรือยื่นแบบเพื่อขอก่อสร้างแต่อย่างใด ซึ่งระหว่างนี้เขตจตุจักรได้ระงับการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดจนกว่าเจ้าของจะแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย
 
                    ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2559 สำนักงานเขตจตุจักรได้ออกคำสั่งระงับการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ในโครงการนี้ พร้อมให้เจ้าของรื้อย้ายตู้คอนเทนเนอร์ออกภายใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้เลยกำหนดที่วางไว้แล้ว แต่เจ้าของยังไม่ได้ดำเนินการทำให้ขณะนี้เขตจตุจักรได้ดำเนินการเข้าแจ้งความต่อสถานีตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายและปรับรายวันวันละ 1,000 บาท หากทางโครงการไม่รื้อถอน เขตจตุจักรจะเข้าไปรื้อถอนเอง โดยให้ฝ่ายโยธาประเมินค่ารื้อถอนในส่วนที่ต้องรื้อถอนจากนั้นจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนทั้งหมดกับเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์
 
                    ที่สำคัญหน่วยงานกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกนโยบายไปยัง 50 สำนักงานเขต ให้ตรวจสอบพื้นที่ไม่ให้มีการลักลอบนำเอาตู้คอนเทนเนอร์มาดัดแปลง ทำเป็นอาคารสถานที่ ซึ่งอาจผิดวัตถุประสงค์การใช้งาน รวมทั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน เพราะยังไม่มีใครมั่นใจได้ว่าโครงสร้างเหล็กดัดแปลงลักษณะนี้ ถึงแม้วัสดุส่วนใหญ่จะถูกสร้างมาจากเหล็กก็ตาม แต่เมื่อ “คอนเทนเนอร์” ถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ รวมถึงการนำมาเรียงต่อให้มีความสูงมากกว่า 1 ชั้นขึ้นมา จึงยังมีคำถามถึงผู้ใช้งานว่าปลอดภัยแค่ไหนหรือไม่
 
                    “นิรันดร์ ประดิษฐกุล” ประธานคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง สภากทม. ในฐานะผู้ที่ตรวจสอบโครงการตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลงสภาพ เห็นว่า ขณะนี้ทราบว่ายังมีการก่อสร้างลักษณะนี้อีกเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์เปิดเป็นร้านอาหาร เป็นออฟฟิศ หรือเป็นร้านขายเสื้อผ้า ซึ่งอยากทราบว่าในกรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขตจะมีตู้ที่ถูกก่อสร้างแบบนี้จำนวนเท่าใด เพราะตามลักษณะของตู้คอนเทนเนอร์จะใช้บรรทุกสิ่งของเป็นหลักหรือใช้ขนส่งสินค้าทางเรือ ซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาสร้างเป็นศูนย์การค้าบริเวณถนนรัชดาภิเษกนั้น ได้รับความสนใจจากประชาชนจึงต้องให้ทุกสำนักงานเขตได้ตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดการลอกเลียนแบบในการดัดแปลงและทำผิดกฎหมาย
 
                    “ไทวุฒิ ขันแก้ว” ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กทม. ระบุว่า การดัดแปลงก่อสร้างตู้คอนเทนเนอร์ลักษณะนี้ ตามกฎหมายไม่สามารถก่อสร้างได้ทั้งเชิงพาณิชย์หรือที่พักอาศัย จะทำได้ต่อเมื่อทำเป็นสำนักงานชั่วคราว ไม่มีคนอาศัยถาวร เพราะตู้คอนเทนเนอร์มีไว้สำหรับบรรทุกสิ่งของ ซึ่งที่เห็นมีการก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่มีการขออนุญาตทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีการทำเรื่องมาขออนุญาตอย่างไรก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งเอกชนก็รู้กฎหมายตรงนี้ แต่เป็นอำนาจของสำนักงานเขตที่จะต้องแจ้งเตือนว่าถ้าก่อสร้างแล้วเข้าข่ายเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรก็ต้องมีคำสั่งให้มีการยกเลิกการใช้งาน ยกเลิกก่อสร้างและให้รื้อย้ายได้ทันที เพราะตู้คอนเทนเนอร์แบบนี้ ถ้าก่อสร้างอย่างไรก็ย่อมไม่มีความปลอดภัยตามมา
 
                    “จารุวัลย์ ชัยวงค์” เจ้าหน้าที่แผนกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มองว่า เมื่อเห็นตู้คอนเทนเนอร์ลักษณะนี้ครั้งแรกก็รู้สึกว่าคลาสสิกดี ซึ่งในมุมมองนักช็อปปิ้งก็ดูเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่ตู้คอนเทนเนอร์ที่เคยไปใช้งานแถวรัชดาฯ จะมีความแคบ แล้วยิ่งในช่วงกลางคืนก็ไม่รู้ว่าร้านที่ทำจากตู้คอนเทนเนอร์แบบนี้จะสะอาดหรือไม่ ซึ่งร้านประเภทนี้ก็เป็นร้านกินดื่มซึ่งจะไม่มีแสงสว่างอยู่แล้ว รวมถึงบันไดขึ้น-ลงก็ไม่รู้ว่าจะเหมาะกับการใช้งานหลายๆ คนหรือไม่ ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็ยังรู้สึกก่ำกึ่งอยู่ว่ามีมากแค่ไหน โดยเฉพาะตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการตั้งสูง 2 ชั้น ก็กลัวว่าถ้าตั้งไม่ดีจะล้มลงมา ซึ่งคงไปเทียบกับอาคารที่มีโครงสร้างแข็งแรงไม่ได้ อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ผิดกฎหมาย รวมถึงมีหน่วยงานคอยเข้ามาตรวจสอบหรือไม่ เพราะเป็นเพียงมาเดินช็อปปิ้งเท่านั้น
 
                    ทั้งหมดจึงเป็นคำเตือนและเสียงสะท้อนจากประชาชนต่อการ “ดัดแปลง” ตู้คอนเทนเนอร์เพื่อเชิงพาณิชย์หรือที่อยู่อาศัย ว่าแท้จริงแล้วถึงแม้ตู้คอนเทนเนอร์แข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน แต่เมื่อนำมาใช้ “ผิดวัตถุประสงค์” ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานแน่นอน
 
 
 
 
-------------------
 
(ปรับโฉม 'ตู้คอนเทนเนอร์ฮิปสเตอร์' เสี่ยงผิด ก.ม.-ใช้งานไม่ปลอดภัย : โดย...ธนัชพงซ์ คงสาย)