
'บีเคเค ออริจินอล' แบรนด์ไทยโชว์เอกลักษณ์ลายโดนใจชาวต่างชาติ
23 พ.ค. 2559
คมคิด ธุรกิจนิวเจน : 'บีเคเค ออริจินอล' แบรนด์ไทย โชว์เอกลักษณ์ลายโดนใจชาวต่างชาติ : กุมุทนาถ สุตนพัฒน์ ... เรื่อง / รชานนท์ อินทรักษา ... ภาพ
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์กระเป๋าแฟชั่นของไทยที่อยู่ในใจนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงและไต้หวัน แน่นอนว่าจะต้องมีแบรนด์ “บีเคเค ออริจินอล” (BKK ORIGINAL) ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ด้วยรูปทรงและลวดลายที่โดดเด่นสดใส ทำให้กระเป๋าแบรนด์ไทยนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว หลังเริ่มผลิตและวางขายครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 หรือเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีกำลังการผลิตเพียง 100 ใบต่อสัปดาห์ เท่านั้น แต่ปัจจุบันได้เพิ่มกำลังการผลิตอยู่ที่สัปดาห์ละ 1 หมื่นใบ
“กระเป๋าแฟชั่นแบรนด์ไทย บีเคเค ออริจินอล ดำเนินการก่อตั้งโดย 2 ผู้บริหารหลัก ได้แก่ คุณทราย และคุณร็อค เริ่มต้นจากจักรเย็บผ้าตัวเดียว และเปิดร้านแห่งแรกที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 2 คนเป็นแม่ค้าพ่อค้าที่ขายสินค้าหลากหลายอย่างมาก ทั้งตุ๊กตาเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เริ่มจากสิ่งของที่ตัวเองชอบและต้องการใช้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสกรีนส่งขายตามสถานที่ท่องเที่ยว ก็นำไอเดียปักเลื่อมมาเพิ่มเข้าไป หรือกระเป๋าก็จะดูที่ตัวเองชอบใช้เป็นหลัก โดยเฉพาะกระเป๋าใบเล็กๆ มีหลายแบบหลายสไตล์” คุณสุภารัตน์ เสือใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักกรรมการบริหาร และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจในประเทศ บริษัท บีเคเค ออริจินัล จำกัด ให้ข้อมูล
แม้จะเริ่มต้นจากสินค้าหลากหลาย แต่ในที่สุดก็มาลงตัวที่กระเป๋าแฟชั่นเพียงอย่างเดียว โดยทั้งคุณทรายและคุณร็อคมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงสุด ดังนั้นกว่าจะมาเป็นกระเป๋าแบรนด์ “บีเคเค ออริจินอล” ที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ ก็มีการปรับปรุงพัฒนาด้วยความใส่ใจในรายละเอียดอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถนำไปใช้ได้ในหลายโอกาส ทั้งในชีวิตประจำวันหรือโอกาสพิเศษ
เดิมทีกระเป๋าแบรนด์นี้จะวางจำหน่ายที่สวนจตุจักรเพียงแห่งเดียว และเปิดร้านจำหน่ายแค่สัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันเสาร์-อาทิตย์ กลุ่มลูกค้าหลักในช่วงเริ่มต้นกิจการส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อมีการรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้นก็มีเสียงเรียกร้องต้องการให้เปิดร้านทุกวัน เพราะเป็นสินค้าหลักที่นักท่องเที่ยวต้องการซื้อเมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไต้หวันมีทั้งต้องการซื้อกลับไปใช้เองและเป็นของฝาก หรือบางครั้งก็มีคนฝากให้มาซื้อ
จากความต้องการดังกล่าว จุดประกายให้ “บีเคเค ออริจินอล” ต้องเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีสาขาทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 8 สาขา โดยในประเทศไทยมี 6 สาขา ได้แก่ ตลาดนัดจตุจักร 2 สาขา ศูนย์การค้าเอเชียทีค 2 สาขา ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง 1 สาขา ซึ่งเปิด 24 ชั่วโมง รองรับนักเดินทางทั่วโลกที่มาใช้บริการที่สนามบิน ส่วนสาขาล่าสุดที่ ไดโนซอร์ สุขุมวิท (Dinosaur planet) ขณะที่สาขาในต่างประเทศ ตั้งอยู่ที่กรุงไทเป เกาะไต้หวัน 2 สาขา ณ Ximending แหล่งแฟชั่นในไทเป และในห้างสรรพสินค้า Breeze Song Gao และยังส่งออกไปจำหน่ายในอีกหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย ฮ่องกง จีน มาเก๊า สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ฝรั่งเศส สเปน ชิลี จาเมกา ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ผู้บริหารกระเป๋าแฟชั่นแบรนด์ไทยรายนี้ยังวางแผนเปิดสาขาเพิ่มในประเทศอีกอย่างน้อย 2 สาขา ภายในปีนี้ โดยในไตรมาสที่สองจะเปิดสาขาที่โชว์ดีซี และจะขยายสู่ต่างจังหวัดเป็นแห่งแรกที่ห้างบลูพอร์ต หัวหิน ส่วนในต่างประเทศก็วางแผนจะเปิดสาขาเพิ่มเติมในอีก 5 ประเทศ โดยเล็งไว้ที่มาเลเซีย เป็นประเทศถัดไป จากกระแสตอบรับและเสียงเรียกร้องของลูกค้าชาวมาเลเซีย
“เรียกว่า บีเคเค ออริจินอล ได้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวไต้หวันเลยทีเดียว ซึ่งไม่เพียงแค่ไต้หวันหรือฮ่องกงเท่านั้น ขณะนี้กระเป๋าของเรากำลังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งในมาเลเซีย จีน มาเก๊า สิงคโปร์ ทำให้มีแผนออกไปเปิดสาขาในมาเลเซียเร็วๆ นี้ โดยตั้งเป้าจะเปิดสาขาเพิ่มเติมในอีก 5 ประเทศ”
นอกจากนี้ ทั้งคุณทรายและคุณร็อคกำลังเร่งพัฒนา ทั้งสร้างผลิตภัณฑ์และสร้างแรงงานฝีมือเพิ่มเติม โดยกระเป๋าของบีเคเค ออริจินอล จากผลิตจากวัสดุทั้งผ้า พีวีซี พลาสติก และหนังเทียม ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายต้องการเป็น The bags that everyone can buy คือทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเราได้ ซึ่งการเปิดหลายสาขาจึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งของบริษัท ขณะที่กระเป๋าแต่ละรุ่นจะเปลี่ยนลายผ้าให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองกับความต้องการที่แตกต่างกัน และที่สำคัญราคาต้องไม่แพง ทุกคนสามารถจับต้องได้ โดยเริ่มต้นที่ใบละ 120 บาท สำหรับกระเป๋าสะพาย ส่วนกระเป๋าสะพายยอดนิยม เริ่มต้นที่ 200 บาท และราคาแพงสุดอยู่ที่ใบละ 600 บาทเท่านั้น
สำหรับกลยุทธ์หลักในการบริหารจัดการของบีเคเค ออริจินัล คือ 1.การเปิดสาขาเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายสินค้าและเข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุด 2.การทำการตลาดผ่านออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทเน้นช่องทางนี้เป็นหลักอยู่แล้ว เพราะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย และ 3.การออกงานแสดงสินค้า (อีเวนท์) โดยจะไปร่วมออกบูธเพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์และสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะคนไทย

แม้ในช่วง 1-2 ปีนี้ ภาวะเศรษฐกิจรวมของประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่จากการที่ภาคการ “ท่องเที่ยว” ของไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าของบีเคเค ออริจินัล ได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน เพราะกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทเป็นนักท่องเที่ยวที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังคงจับจ่ายซื้อกระเป๋าบีเคเค ออริจินอล ทำให้ยอดขายวิ่งสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจไทย โดยยอดขายในปี 2558 ที่ผ่านมา สามารถกวาดไปได้ 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 50 ล้านบาทในปีก่อนหน้า ส่วนในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 120 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารมีความมั่นใจว่าจะสามารถเดินไปถึงเป้าหมายได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปของทุก จะเป็นช่วงของเทศกาลการขายของบริษัทเลยก็ว่าได้
“ลูกค้าของเราส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย มาเก๊า จีน สิงคโปร์ ซึ่งก็จะมีทั้งคนที่ซื้อไปใช้เอง เป็นของฝากและนำขายต่อ และสัดส่วน 90% ของยอดขายทั้งหมดมาจากการขายจากหน้าร้าน ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นการส่งออกไปต่างประเทศ ปัจจุบันเรามีโรงงาน 1 แห่ง อยู่ที่อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีพนักงานประมาณ 100 คน”
หลังจากแบรนด์เป็นที่นิยมของลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้ว จากนี้ไป บีเคเค ออริจินอล ก็หันมารุกเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นในเมืองไทยด้วย โดยดึง “เจน" รมิดา จีรนรภัทร มิสทีนไทยแลนด์ ดารารุ่นใหม่จากเรื่องละครเลิฟซิก มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายและผลักดันยอดขายให้ทะยานต่อไป ซึ่งแผนธุรกิจในปีนี้เตรียมจะเปิดสาขาเพิ่มที่ โชว์ดีซี พระราม 9 และบลูพอร์ต ซึ่งเป็นสาขาแรกในต่างจังหวัด และจะเริ่มเปิดรับแฟรนไชส์สำหรับผู้ที่สนใจแบรนด์ของบริษัท
ขณะที่เป้าหมายธุรกิจภายในระยะเวลา 5 ปี (2559-2563) คือ 1.ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตกระเป๋าเป็นกว่า 3 หมื่นใบต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2.อยากให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่มากรุงเทพฯ ซื้อกระเป๋าบีเคเค ออริจินอล เป็นของฝาก 3.ตั้งใจให้ บีเคเค ออริจินอล เป็นแบรนด์ที่ดีที่ทุกคนซื้อได้ และ4.มีแผนจะเปิดแฟรนไชส์สัญชาติไทย เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่าย โดมีีแผนจะขยายลูกค้าให้กว้างขึ้น ครอบคลุมไปถึงผู้ชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งจะก็ต้องพัฒนารูปแบบต่อไป เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย
ล่าสุด เมื่อเดือนเมษายน 2559 บีเคเค ออริจินัล ได้ต่อยอดธุรกิจ โดยเปิดโรงแรมบีเคเค ออริจินอล รองรับลูกค้าที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อซื้อกระเป๋า เพิ่มความสะดวกสบายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบในความแบรนด์ของบริษัท ด้วยเงินลงทุนประมาณ 15-20 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณ ซ.เจริญกรุง 76/1 ประกอบด้วยห้องพัก 25 ห้อง การตกแต่งจะเป็นเอกลักษณ์คือ ภายในห้องพักประดับด้วยลายผ้าเดียวกับกระเป๋า บีเคเค ออริจินอล ส่วนหน้าห้องพักจะแขวนกระเป๋า เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า บริเวณล็อบบี้จะมีจักรเย็บผ้าตัวแรกที่ใช้เย็บกระเป๋า แบรนด์ของบริษัทไว้ให้ลูกค้าได้ชื่นชมด้วย
“แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์โรงแรมมาจากความต้องการนำลายผ้าที่หลากหลายของกระเป๋า ซึ่งพัฒนามาเป็นหลากหลายผลิตภัณฑ์คุณภาพของเราที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีกลิ่นอายของความเป็น บีเคเค ออริจินอล อย่างลงตัว พร้อมกันนี้โรงแรมจะเปิดเวิร์กช็อปการทำกระเป๋าให้ลูกค้า หรือลูกค้าที่ต้องการซื้อคอร์สได้ลงมือทำกระเป๋าสไตล์ของตัวเอง เป็นทั้งกิจกรรมที่มีไว้รองรับผู้เข้าพักและรองรับลูกค้าที่สนใจ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงแบรนด์ที่ชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิด”
เมื่อถามถึงที่มาของแบรนด์ บีเคเค ออริจินอล เธอบอกว่า แบรนด์นี้มาจากการช่วยกันคิดเป็นการผสมกันระหว่าง บีเคเค และออริจินอล โดย บีเคเค เริ่มต้นมาจากความต้องการใช้คำนี้แทนชื่อแบรนด์ เพื่อให้ชาวต่างชาติเห็นว่าเป็นสินค้าแบรนด์ไทย คิดและผลิตโดยคนไทย ที่สำคัญเพื่อให้คนไทยได้ร่วมกันภาคภูมิใจ ส่วน ออริจินอล มาจากการเปิดร้านแห่งแรกที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งเป็นศูนย์รวมแฟชั่นของคนกรุงเทพฯ ต้องการให้แบรนด์แสดงออกถึงความเป็นต้นตำรับของรูปแบบกระเป๋าที่หลากหลายน่าสนใจและรูปทรงกระเป๋าที่เป็นเอกลักษณ์ โดยถือเป็นความภูมิใจและความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้ใช้ชื่อแบรนด์ที่มีความลงตัว สวยงาม และมีความหมายที่ดี
ข้อคิดทิ้งท้ายที่ผู้บริหารกระเป๋าแบรนด์ไทยรายนี้ฝากไว้สำหรับผู้ที่ต้องการมีธุรกิจส่วนตัวแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นทำอะไร คือ ควรเริ่มจากสิ่งที่เราชอบก่อน เพราะเมื่อชอบก็จะทำให้ความสนใจและความกระตือรือร้นตามมา หรืออย่างน้อยก็มีพื้นฐานความรู้ในสิ่งนั้นอยู่แล้ว เมื่อต้องการทำเป็นธุรกิจก็จะช่วยให้วางแผนต่อยอดได้ไม่ยากนัก แต่หากทำในสิ่งที่ไม่ชอบหรือไม่คุ้นเคย เป็นการทำตามกระแส เห็นคนอื่นทำแล้วดีประสบความสำเร็จก็จะทำตามนั้น จะต้องเริ่มต้นศึกษาหาข้อมูลอีกไม่น้อย สุดท้ายอาจไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ
“เชื่อว่าการทำธุรกิจไม่ใช่ว่าความสำเร็จจะเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับดวงด้วย สมมุติว่าทำธุรกิจ 10 อย่าง อาจจะล้มเหลว 9 ครั้ง หากลงทุน 2 หมื่นบาทต่อคนต่อครั้ง ถ้าคุ้มก็ทำ หรือหากจะขาดทุนแต่เป็นระดับที่รับได้ก็ทำต่อ พวกเรายังถือว่าโชคดีที่ขาดทุนไม่มาก จึงเดินหน้าลุยกันต่อ ซึ่งการทำธุรกิจต้องมีการวางแผนงานอย่างรอบคอบ และประเมินสถานการณ์คร่าวๆ ด้วยว่า จะประสบความสำเร็จแค่ไหน ขณะเดียวกันต้องเผื่อใจอาจจะไม่สำเร็จด้วย”
-------------------
(คมคิด ธุรกิจนิวเจน : 'บีเคเค ออริจินอล' แบรนด์ไทย โชว์เอกลักษณ์ลายโดนใจชาวต่างชาติ : กุมุทนาถ สุตนพัฒน์ ... เรื่อง / รชานนท์ อินทรักษา ... ภาพ)