ข่าว

'บิ๊กตู่'ลั่นไม่โกงประชามติ

'บิ๊กตู่'ลั่นไม่โกงประชามติ

29 เม.ย. 2559

'ประยุทธ์' ลั่น ไม่โกงประชามติ พูดเล่นปรับครม. ชี้ คุยสันติสุขแก้ปัญหาไม่ได้ แต่รัฐบาลเก่ายืนยันจะทำ เปรียบตัวเองเป็น 'เม่น' พองขนไว้ก่อน เพราะตัวเล็กคนชอบรังแก

 
                    29 เม.ย. 59  เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ยังไม่มีแนวคิดดังกล่าว เมื่อถามว่า กรณีที่นายกฯ กล่าวภายในงานเปิดบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด โดยระบุว่า กระทรวงใดควรปรับรัฐมนตรีให้เสนอมา หมายความว่าอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนก็พูดของตนไป พูดเล่นกับเขา
 
                    "คุณก็เอาเรื่องพูดเล่นไปเป็นเรื่องจริง ผมบอกว่าถ้าเขาเสนอมาว่ามีการทำงานไม่ดีพอในการดำรงตำแหน่งนี้ ก็เสนอขอปรับลดตำแหน่งลงไป ทำไมไม่ฟังผมพูดให้จบ"
 
                    เมื่อถามว่า นายกฯ ยังมองว่าศักยภาพคณะรัฐมนตรียังมีอะไรต้องปรับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ดี จะขยับทำไม ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขยับเพื่อให้มีประสิทธิภาพให้ดีมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า แค่นี้ก็เยอะแล้ว ก็มีดึงขาอยู่แบบนี้ไง ทำอะไรก็ติดไปหมด ต้องให้เกียรติรัฐมนตรีบ้าง
  
 
 
ไม่หนุนพูดคุยสันติสุข แก้ปัญหาไม่ได้ แต่รัฐบาลเก่ายืนยันจะทำ
 
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ที่มีกระแสข่าวว่าไม่เป็นผลสำเร็จ ว่า อยากจะเตือนว่าการวิพากษ์วิจารณ์ โดยที่ไม่มีข้อมูลก็เขียนกันอยู่นั่น แก้ปัญหาไม่สำเร็จ พูดคุยสันติภาพไม่สำเร็จบ้างมันจะแก้ได้อย่างไร ถ้าอีกฝ่ายมีเจตนารมณ์ที่ตรงกันก็จะแก้ได้ ตนเห็นที่สื่อมวลชนเขียนระบุว่า ทำไมไม่จริงใจในการแก้ปัญหา มันยอมรับกระบวนการได้หรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นการสร้างอาชญากรรมที่ร้ายแรงหรือไม่ กลุ่มผู้เห็นต่างที่เอาปืนมายิงกันนั้นผิดกฎหมาย องค์กรที่มีชื่อขึ้นตามทะเบียนต่างๆ เหล่านั้นก็ผิดกฎหมายทั้งหมด รัฐบาลไม่สามารถที่จะนำกฎหมายในประเทศไปต่อรองได้ ประเทศไทยเจรจากับผู้กระทำความผิดไม่ได้ เอากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมมาว่ากัน ซึ่งต้องดูตรงนี้ และคณะพูดคุยก็จะนำเรื่องไปหารือว่าเขาจะยอมรับได้หรือไม่ ถ้ายอมรับไม่ได้ก็กลับมา
 
                    "ทำไมเราต้องไปยอมรับกติกาในการให้เรียกชื่อ ไม่เห็นใครเขาจะสนใจ แล้วมันมีกี่กลุ่มรู้ไหม แล้วรู้ไหมทำไมเขาต้องไปคุยที่ต่างประเทศ เพราะเจรจากับใครไม่ได้ รัฐบาลตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นมันถึงต้องไปคุยนอกประเทศ และจะไปดึงเขาเข้ามาในประเทศอีก ไม่เข้าใจกันซักเรื่อง แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ส่งเดชไปเรื่อย หลายคนนะ ผมดูตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก็วิจารณ์กันไปเรื่อย อยากนี่อยากโน่นแต่ไม่เคยเข้าใจ เราหลีกเลี่ยงอยู่แล้วเรื่องการพูดคุย รัฐบาลที่แล้วอยากจะคุยก็เชิญ ผมก็ต้องมาตามแก้อยู่นี่ไง แล้วมันจะจบไหมล่ะคุยกัน เจตนาวันแรกก็ไม่ตรงกันแล้วที่จะขอให้ผมเรียกชื่อกลุ่มเขา ผมรับรองชื่อเขาได้ไหม ถ้ามันมีชื่อขึ้นก็จะมีกลุ่มอื่นตามมาเรื่อยๆ แล้ววันหลังก็ขึ้นทะเบียนไป รัฐก็ผิด ฉะนั้นใครไปคุยในประเทศเมื่อไหร่ก็ผิดกฎหมายผิดรัฐธรรมนูญเมื่อนั้น"
 
                    นายกฯ กล่าวว่า เข้าใจให้ตรงกันด้วย ทำให้คนเขาสงบ อย่าไปเพิ่มศักยภาพในการพูดคุยว่า ถ้าหากพูดคุยแล้วจะกดดันจากการใช้ความรุนแรง และอาวุธ ตนให้ไม่ได้ ดังนั้นการที่ขอให้เป็นพื้นที่ปิดเพื่อดูแลกิจกรรม ดูแลครู เด็กนักเรียน ก็ค่อยๆ ทำ ถ้าคิดว่าจะพูดคุยกัน ถ้าพูดคุยแล้วจะเร่งรัดให้เรียกชื่อ ให้แสดงความจริงใจ ให้กำหนดในรัฐธรรมนูญว่าให้เป็นวาระแห่งชาติ มันอะไรกัน การแก้ปัญหาภาคใต้ก็เป็นวาระแห่งชาติอยู่แล้ว
 
                    "เขียนให้ดีนะ ผมจะติดตาม เพราะฝ่ายความมั่นคงแจ้งมาเขาบอกว่ารับไม่ได้ การแก้ปัญหาวุ่นวายสับสนไปหมด เพราะการสร้างกระแสในสังคมไม่เข้าใจ ไม่ตรงกันหมด ไอ้นี่พูดอย่าง ไอ้นั่นพูดอย่าง รัฐบาลเขาตั้งหลักไว้แล้ว มีเจตนารมณ์ที่ตั้งใจจะแก้ปัญหาของชาติให้เป็นธรรม เท่าเทียม ใครบอกไม่เป็นธรรม ไม่เท่าเทียมก็ร้องมาจะสอบให้ ใครจะกลับบ้านก็มีกระบวนการมาตรา 21 เขามีไว้หมดแล้วมันจะอะไรกันอีก ก็เริ่มกันไม่ได้แล้วมันจะไปตรงอื่นได้อย่างไร บางอย่างในตำรา ก็คือตำรา วิชาการ ก็คือวิชาการ มันอยู่ที่การปฏิบัติ นี่คือความแตกต่างในการทำงาน ไม่ใช่เอาปัญหาทุกปัญหามาตีกันมันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"
  
 
 
ไม่ห้ามนานาประเทศ สังเกตการณ์ประชามติข้างคูหา
 
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องนี้จะห่วงหรือไม่นั้น มีกฎหมายอยู่แล้ว และจากการที่ห่วงนี้ถึงมีกฎหมายออกมา อย่ามาบอกว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น ถามว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต และบิดเบือนหรือไม่ ถ้าเอารัฐธรรมนูญทั้งฉบับออกมาคลี่ดู จะเห็นว่าส่วนไหนที่ทำเพื่อส่วนรวม และส่วนไหนที่เป็นการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ที่จะต้องคุ้มครองบ้านเมืองให้ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ต้องไปดูตรงนั้น อย่ามาบอกว่ารับ หรือไม่รับมันไม่ใช่
 
                    "ถ้าเป็นห่วงก็หยุดการเคลื่อนไหว บอกเขาอย่างนี้ ผมบอกแล้วให้ชี้แจงในทางสร้างสรรค์ได้ ไม่ใช่มาล้มรัฐธรรมนูญ มันผิดกฎหมาย และคนพูดก็จะโดนด้วย"
 
                    ส่วนการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด อย่างเช่นการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันมีกฎหมายหลายฉบับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เขาเขียนมาอย่างไร พ.ร.บ.ประชามติ เขียนอย่างไร คำว่าโดยสุจริต และไม่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ถ้าบิดเบือนก็ผิด ไม่บิดเบือนก็ไม่ผิด คำง่ายๆ ทำไมไม่เข้าใจ แล้วอย่างนี้จะปกครองบ้านเมืองต่อไปกันอย่างไร ไม่ต้องมาตีความกฎหมาย ที่ผ่านมาทะเลาะกันเพราะตีความรัฐธรรมนูญ ตีกันอยู่นั่น อันนี้เดี๋ยวก็ตีกันอีก ตีความรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วก็ตีความรัฐธรรมนูญเข้าข้างตัวเอง ที่ผ่านมาตีความกันได้มาก เพราะไม่มีกฎหมายลูก แต่วันนี้รัฐธรรมนูญจะมีกฎหมายลูกตามมาทั้งหมด
 
                    "ถ้าเป็นคนดีจะกลัวอะไร กลัวตำรวจจับเหรอ คุณกลัวไหม ถ้าคุณไม่ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัว จะไปขยายเป็นปากเป็นเสียงให้คนที่ชอบทำความผิดทำไม แล้วคุณไม่รู้เหรอเขาทำอะไรมาบ้าง รู้ไหม"
 
                    เมื่อถามถึงกรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอถ้ายังเกิดความวุ่นวายช่วงทำประชามติ อาจเสนอให้ไม่ต้องทำประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าอย่างไร พูดส่งเดชกันไปเรื่อย สื่อก็ขยายความกันไป เขาเจตนาดี ตนไม่ได้ว่าเขาพูดส่งเดช แต่ต้องดูว่ารัฐธรรมนูญเขียนอย่างไร ถ้าไม่มีการทำประชามติมันจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ได้อีก แล้วจะไปทางไหนกันคิดว่าทาง กรธ. สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประชาชนก็มีเจตนาดี และที่มาพูดกันทุกวันเชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดี มีบางคนเท่านั้นที่เจตนาไม่ดี นั่นแหละกฎหมายเขียนไว้ตรงนี้ ถ้าดีแล้วใครจะไปทำอะไร ก็เชิญเป็นกันต่อไปได้ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย
 
                    ส่วนกลุ่มเห็นต่างเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญโดยไม่เห็นด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าไม่เห็นด้วยก็ผิดกฎหมาย ไม่เห็นด้วยก็ไปกาตอนลงประชามติ ไม่ใช่มาเดินเคลื่อนไหวล้มไม่ล้ม มันคนละเรื่อง ถามอย่าให้งงตัวเอง ตนจะได้ตอบไม่งง เขาเขียนแล้วว่าให้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่มีใครว่า แต่ถ้าจะไปชักจูงคนมาโหวตโน หรือใส่เสื้อ ทำผิดกฎหมายก็ต้องโดนจับ ไม่ใช่ว่าตนไปปิดกั้น แล้วอีกฝ่ายทำหรือไม่ ตนเลือกปฏิบัติเหรอ วันนี้คนที่ออกมาด่าอยู่ข้างไหน ข้างใคร ตนพยายามไม่ดูฝ่ายแล้วนะ ดูใบหน้าแต่ละคนซึ่งก็หน้าเดิม ซ้ำอยู่ที่เดิม 10 ปี มาแล้ว
 
                    เมื่อถามว่า ความพยายามเรียกร้องให้นานาประเทศเข้ามาสังเกตการณ์ทำประชามติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่สนใจอยากจะมาก็มา แต่ไม่เป็นทางการ ตนไม่ได้ห้าม ไปเดินดูตามจุดที่ทำประชามติว่าสุจริตหรือไม่ ตอนเลือกตั้งก็ให้เขามาดูว่าจะเป็นอย่างไร ตนไปห้ามเข้าไม่ได้ ใครไปใครมาประเทศไทยห้ามไม่ได้อยู่แล้ว และวันนี้ตนห้ามเขาพูดกับสื่อเหรอ ในโทรทัศน์ก็ไม่เคยห้าม เห็นพูดกันโครมๆ ถ้าตนใช้กฎหมายจริงๆ จับได้หมดอยู่แล้ว ทำไมไม่ดูตรงนี้
 
                    เมื่อถามว่า ถ้านานาประเทศเข้ามาสังเกตการณ์จริงมีข้อกังวัลอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเจตนาของตนบริสุทธิ์ในการทำประชามติ ไม่เว้นแต่ใครทำให้ไม่บริสุทธิ์ ตนทำให้ประเทศของตนเอง
 
                    เมื่อถามว่า ในส่วนของฝ่ายการเมือง นายกฯ ได้ย้อนถามทันทีว่า ฝ่ายไหนให้พูดมา ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ฝ่ายพรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตการทำประชามติอาจมีการขโมยหย่อนบัตร อยากให้ฝ่ายการเมืองสามารถสังเกตการณ์ข้างคูหาได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามกฎหมายสามารถสังเกตการณ์นอกคูหาได้ ก็เป็นอย่างนี้มาตลอดทำไมจะต้องวุ่นวาย แล้วตนห้ามเขามาเหรอ และที่กลัวว่าจะมีการขโมยหย่อนบัตรนั้น ปัดโธ่ใครจะขโมยใครย้อนกลับไปดูพฤติกรรมตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาไปถามชาวบ้านดู แม้แต่ทหารตนยังไม่ให้เข้าไป ให้แต่เจ้าหน้าที่เข้าไป ทหารต้องอยู่ข้างนอกดูแลความสงบเรียบร้อย ที่ผ่านมาทหารขอไปนั่งในคูหา ตนยังไม่ให้เข้าเลย แล้วมันก็เกิดเหมือนเดิม
 
                    "ไอ้คนโกงไม่ใช่ผม ไปดูว่าอยู่ฝ่ายไหน มันจะโกงกันทั้งสองฝ่ายให้มันรู้ไป ฝ่ายสนับสนุน หรือฝ่ายไม่สนับสนุน ผมไม่รู้"
 
                    เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่มั่นใจด้วยกฎหมาย แต่ผมมั่นใจในความดี และเจตนารมณ์ของพวกผม ที่ทำงานในวันนี้ ฉะนั้นผมก็จะมีประชาชนส่วนหนึ่งที่เขาอยากให้ประเทศชาติเดินหน้า หากใครไม่เห็นชอบ ก็ไปแสดงความคิดเห็นมาโดยบริสุทธิ์ ผมก็ฟังทั้งหมดแล้วค่อยไปแก้กันวันหน้า”
 
                    เมื่อถามว่า แต่วันนี้ดูเหมือนฝ่ายการเมืองจะดื้อยาในเรื่องกฎหมายจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สื่อก็ไปเขียนบอกให้เขาเลิก บอกเขาว่าควรจะทำอย่างไรให้เขาสงบกันบ้างเพื่อบ้านเพื่อเมืองอะไรก็แล้วแต่ เยอะแยะไปหมดบ้านเรามีหลักหลายอย่างกลับเข้ามาสู่หลักการเหล่านี้ ไม่ใช่มาต่อต้าน ถ้าตนจะย้อนกลับไปถามว่าคนเหล่านี้สร้างปัญหาอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง ต้องถามเขาจะมาพูดอะไรในวันนี้ ถ้าเขาไม่ทำในวันนั้นตนก็คงไม่มายืนในวันนี้ และที่เข้ามากำลังจะแก้ปัญหาที่เขาทำไว้ ซึ่งเขาก็จะต้องเข้ามาอีกในวันข้างหน้า สื่อต้องพูดกับเขาแบบนี้ถ้าทำแบบเดิมก็ไม่ต้องเข้ามา ประชาชนก็คิดเอาเองจะเลือกหรือไม่เลือก
  
 
 
มอบนโยบายขับเคลื่อนประชารัฐ ชี้ วันนี้ไทยไม่มีรากหญ้ามีแต่รากแก้ว
 
 
                    เมื่อเวลา 09.00 น.  พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานสานพลังประชารัฐเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐระดับพื้นที่ และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามการจัดตั้ง “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด"
 
                    นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกยินดี ตั้งแต่เช้ามีความสุขยิ้มทั้งวัน ที่ผ่านมายิ้มน้อยลงไปหน่อยเพราะมีงานอื่นต้องทำอีกมาก วันนี้ถือเป็นการทำงานร่วมกันว่าจะเดินหน้าประเทศได้อย่างไร และเห็นด้วยกับคำกล่าวรายงานก่อนหน้าที่ว่าเรากำลังเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ถือว่าวันนี้เราต้องเริ่มหาไฟฉายเพื่อนำทางซึ่งจะต้องนำพาโดยภาครัฐโดยมีภาคประชาสังคมและประชาชนจับมือกัน วันนี้เรากำลังเดินหน้าทั้งระบบทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง การแก้ปัญหาทุกอย่างเราต้องเริ่มจะต้นทางแห่งปัญหา เหมือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกระแสรับสั่งในด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาอยู่แล้วว่าเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา วันนี้เราต้องเข้าใจศักยภาพในแต่ละพื้นที่และเข้าใจประชาชนเข้าใจอะไร สิ่งไหนเกิน สิ่งไหนขาด ทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนมีความสุข มีรายได้ที่เพียงพอ ทั้งหมดคือการเชื่อมโยงในการปลูกจิตสำนึก เราไม่สามารถตีแต่ละส่วนให้แยกย่อยแล้วพูดกันไป อุดมการณ์รักชาติถ้ายังมีปัญหาอยู่มันก็จะมีปัญหากับตัวเอง
 
                    "ผมคิดว่าสิ่งที่เริ่มต้นทำกันวันนี้ เป็นการใช้ไฟฉายขนาดใหญ่ส่องนำทิศทาง และมองทุกปัญหาร่วมกัน จะใช้ไฟฉายขนาดเล็กไม่ได้เพราะไม่พอ เพราะความมืดปกคลุมเมฆหมอกมืดดำครอบคลุมประเทศมานาน ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจจะเบื่อที่ต้องฟังผมพูดบ่อย แต่ท่านคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนทุกอย่าง ต้องรู้และทำทุกเรื่องในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขระดับพื้นที่"
 
                    นายกฯ กล่าวว่า เราต้องนำปัญหาทุกอย่างมาตีรวมกันและมุ่งเน้นโดยยึดหลักการนำประเทศไปสู้ความปลอดภัย มีความสงบเรียบร้อยอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตนไม่ต้องการให้สถานการณ์มีความรุนแรง หลายอย่างมีความก้าวหน้า แต่บางอย่างก็มีความฉุดรั้งจากความไม่เข้าใจและการบิดเบือน หรือทวีความรุนแรงมากขึ้นในทุกมิติ วันนี้ต้องทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรมีความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้ที่ไม่หวังดีนำไปบิดเบือนและทำให้การแก้ปัญหาช้าลง เราได้พูดคุยกันมาหลายครั้ง และตกลงร่วมกันว่าจะตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมืองด้วยความเสียสละ แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากไปหากเราร่วมมือกัน รัฐบาลต้องการทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ประเทศเข้มแข็งมีขีดความสามารถสูงขึ้น ถ้าทุกอย่างช้าลงเนื่องมาจากการบิดเบือนและความไม่ไว้วางใจ การแก้ปัญหาก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจึงต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจเพราะเวลาเรามีจำกัด ต้องเร่งรัดให้ทุกกิจกรรมเกิดขึ้นภายในปี 2559 จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มต้องหรือเปิดไฟฉายไว้ประเทศก็อาจจะกลับไปมืดเหมือนเดิม อุโมงค์ก็ไปไม่พ้นเสียทีติดกับดักตัวเอง เราต้องเอาวิกฤตที่ตนเข้ามาในวันนี้ทำให้เป็นโอกาสในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันวางโรดแม็พให้ชัดเจน ขอใหผู้ว่าฯ ต้องเปิดไฟฉายตลอด ไม่ใช่เปิดๆ ปิดๆ หรือถ่านหมด
 
                    นายกฯ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจปัญหาของประเทศถึงจะเข้าถึงว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไรให้เกิดความสมดุล ประเทศชาติปลอดภัยจึงขอให้ทุกคนนำปัญหาทั้งหมดที่รัฐบาลและ คสช.ทำมาสองปีกว่าๆ มาช่วยกันไม่ยากและไม่ง่าย แต่ถือเป็นความท้าทายที่เราต้องเอาชนะให้ได้ ท้าทายอุปสรรคต่างๆ เพราะถือเป็นปัญหาของคนไทย แต่ถ้าใครไม่ใช่คนไทยก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้หนีไปอยู่ต่างประเทศกันเยอะ แต่ขณะเดียวกันเราก็มีมิตรประเทศเยอะ แต่ในประเทศก็อาจจะมีปัญหากันหน่อยทะเลาะกันเอง
 
                    "ผมอดไม่ได้ที่จะพูดเพราะออกจากห้องนี้ไปสื่อก็จะตั้งคำถาม อาจารย์สมคิด (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ) บอกตลอดให้ใจเย็นๆ แต่ผมเองขนาดนอนก็ยังร้อนเลย เพราะฉะนั้นความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันเป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐาน ไว้วางใจผมที่เข้ามา ไว้ใจอาจารย์สมคิดและ ครม.ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานและขับเคลื่อนทุกอย่าง ผู้ว่าฯ เองไม่ต้องหนักใจหรือคิดว่าอะไรก็โยนให้ผู้ว่าฯ ก็เพราะท่านเป็นผู้ว่าฯ ที่ได้ทำงานทั้งหมดต่างพระเนตรพระกรรณถ้ามัวแต่ขัดแย้งปัญหาก็ไม่ได้แก้ ผมมีช่องทางให้ได้พูดอยู่แล้ว ผมเองก็พร้อมรับฟังทุกคน ประเทศไทยเป็นประเทศไม่ใช่เล็ก ปัญหามีมาก เราต้องลบล้างความเข้าใจเก่าๆ ที่อาจจะไม่ถูกต้องและเคยสร้างปัญหา วันนี้โลกไม่คอยใคร อย่าให้ประเทศต้องถอยหลังไปอีก ผมยังอยู่ตรงนี้ก็ต้องช่วยกันปฏิรูปประเทศ แต่ผมจะไม่ได้รื้อโครงสร้างใหญ่ๆ ขอทำงานตรงนี้ให้ได้ก่อนเพราะเรารอไม่ได้ แต่จะให้แก้เรื่องที่วุ่นทั้งหมดพร้อมกันทำไม่ได้ เพียงแต่จะทำทุกอย่างก่อนจะถึงปี 2560 ให้สามารถจับต้องได้ ผมเอาแผนปฏิรูปให้ต่างประเทศดูส่วนใหญ่ เขาชื่นชมว่าเรามีแนวทางและรายละเอียดมากกว่าประเทศอื่นๆ ผมไม่ได้คุยโม้ ให้เขาดูว่าประเทศมีความพร้อมอย่างไร และติดกับดักอะไรบ้าง รัฐบาลและ คสช.ได้แก้ไขอย่างไร เราจึงจำเป็นต้องทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาขับเคลื่อนโดยต้องไม่มีความขัดแย้งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เราต้องไปด้วยกันโดยลดความขัดแย้งแสวงหาความร่วมมือและบูรณาการในทุกด้าน โดยประชาชนต้องมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะมีความเห็นต่าง แต่ด้วยเจตนาที่บริสุทธ์ก็ต้องรับฟัง ไม่ต้องห่วงหากใครทำผิดกฎหมายก็มีบทลงโทษ ซึ่งเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลให้อยู่แล้วถ้าไม่ผิดก็ไม่มีใครไปลงโทษ ผมเป็นคนให้โอกาสคนอยู่แล้ว แต่คนที่มักทำความผิดมักจะไม่ใช้โอกาสเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ แต่กลับใช้วิธีการพวกมากลากไป วันนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าเราแก้ปัญหาช้า ปัญหาเดิมก็จะสะสมมากขึ้นจนก่อให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก ความขัดแย้งก็จะกลับมา การทำงานสองปีที่ผ่านมาก็จะล้มเหลวทั้งหมด ตนไม่ได้ดูถูกใคร พร้อมรับฟังเสียงจากทุกคนที่มีเจตนาบริสุทธิ์ วันนี้เราร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ไม่มีความว่ารากหญ้าอีกต่อไป มีแต่รากแก้วคือประชาชนทุกคนที่จะสามารถทำให้ต้นไม้แข็งแรง ถ้าเราไม่มีรากแก้วทุกอย่างก็ล้มทั้งหมด ที่ผ่านมาประเทศไทยเหมือนต้นไม้ที่ไม่มีรากแก้ว เมื่อลมพายุมาก็แกว่งไปแกว่งมาจึงล้มมาโดยตลอด วันนี้เราต้องร่วมมือกันปลูกต้นไม้ต้นใหม่ที่มีรากแก้ว"
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบริหารจัดการถือเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ที่ต้องมองในมุมกว่าง ไม่ใช่ทำเพื่อการโจมตีผู้เห็นต่าง การประชาสัมพันธ์ต้องป้องกันตัวเองให้เหมือนเม่น แม้ไม่มีขนสู้ใครไม่ได้ เดินก็ช้า แต่เมื่อมีศัตรูมาก็พองเหล็ก แต่คนก็ยังอุตส่าห์จับมากิน ไม่กลัวเข็มมันจะทิ่มปากเลย หรือกลัวบาปกรรม
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่กรุงศรีอยุธยาแตกเพราะคนไทยด้วยกันเปิดประตูให้ วันนี้ก็มีคนแบบนี้อยู่ เปิดประตูให้คนนอกมาทำลายประเทศเรา ทำให้ตนหงุดหงิดอยู่ทุกวัน การปฏิรูปต้องเริ่มจากตัวเอง มองคนอื่นอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่มองทุกคนเป็นศัตรูทั้งหมด ตนไม่เคยมองใครเป็นศัตรู แม้ว่าจะอารมณ์เสียบ้าง แต่ก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรเขามากนักหรอก ไม่ได้รังเกียจที่เขามาด่าว่าตน แต่เขามาทำลายชาติ ตนไม่ชอบคนแบบนี้ที่มาเปิดประตูให้ข้าศึก
 
                    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องฝากดูแลกลุ่มอาชีพที่พัฒนาได้ ให้มีทางเลือก ฟังแล้วดูสวยไหม เขาบอกว่านายกฯ โม้ทั้งวัน โม้มาตลอด แต่นี่เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ ทำให้เสร็จสักอย่างหรือ 2 อย่าง ไม่ใช่ตนที่พูดในหลักการไปแล้ว และขอขอบคุณในเสียงปรบมือ ไปที่ไหนก็ปรบมือให้ตนกันทั้งนั้นเพราะซ้อมกันไว้ แต่อยากให้มาจากใจไม่ต้องซ้อม ถ้าพูดถูกก็ให้กำลังใจ ถ้าพูดผิดก็มาเตือนได้ ตนฟังทุกคน ทั้งรองนายกฯและรัฐมนตรีล้วนเป็นผู้อาวุโสทั้งสิ้นและผู้ว่าฯ เป็นผู้ที่รู้มากกว่า ตนก็มาขับเคลื่อนไปสู่ที่หมายสุดท้าย ซึ่งทางทหารคือการทำให้ประเทศปลอดภัยยั่งยืน ส่วนที่หมายระหว่างทางคืออาชีพ รายได้ กฎหมายและอีกมากมายที่เป็นกับดักตัวเอง เราต้องเดินสู่ที่หมายให้เร็วที่สุดตามห้วงระยะเวลาเมื่อครบ 20 ปีก็ถึงที่หมายสุดท้าย ประเทศแข็งแรง มีหน้ามีตา วันนี้การท่องเที่ยวสวยงามแต่มีความขัดแย้งสูงที่สุด ทำให้มันถ่วงดุลกันอย่างนี้ สิ่งดีๆ มีสิบอย่าง แต่มีอย่างเดียวที่ทำให้ด้อยค่าไปหมด นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจ การเป็นประชาธิปไตยต้องไม่เกิดเรื่องอย่างนั้น เราต้องช่วยทำให้ประชาธิปไตยเราเข้มแข็ง ถ้าเป็นประชาธิปไตยแบบเดิม มันไปไม่ได้ทั้งหมด พวกที่ไม่เข้าใจข้อกฎหมาย ไม่เข้าใจคนส่วนน้อย ไม่เข้าใจคนเห็นต่าง ฝ่ายค้าน มันก็แตกกันหมดก็เหมือนกันประเทศไทยที่มีหัวใจดวงเดียว แต่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ วันนี้จึงต้องเก็บรวมเป็นหัวใจเดียวกัน
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต่างประเทศชื่นชมแผนการทำงานของ คสช.และรัฐบาล แต่เขาขอดูการขับเคลื่อนและผลสัมฤทธิ์ ที่เราต้องตอบคำถามเขาให้ได้ตามห้วงเวลา 2 ปี และ 3 - 6 เดือนข้างหน้า ว่าเราได้อะไรกลับมาจากที่ทำงาน โดยรัฐบาลจะรวบมาที่ตนพูดทุกวันศุกร์ พยายามจะตัดให้น้อยลงแต่ไม่ได้สักทีเพราะมันเยอะ ถ้าพูดน้อยก็ไม่เข้าใจ บางครั้งขางคนก็ไม่ฟัง แต่ตนจะพูดจนฟัง เพราะอย่างไรก็แก้ไขตนเองไม่ได้อยู่แล้ว เพราะแก้ปัญหาของประเทศยังไม่ได้ โดยต้องพูดสร้างความเข้าใจ อย่างวันศุกร์นี้ตั้งใจจะพูดครึ่งชั่วโมง แต่ทำไม่ได้ ขอบอกไว้ก่อนตอนนี้จะได้ไปดูช่องอื่นที่ไม่ต้องดูหน้าตน ใครดูก็ไม่ได้ ใครไม่ดูก็ไม่ได้
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การชักชวนให้เกิดการลงทุนต้องพูดให้เป็นขายของให้ได้ ต้องคิดและพูดให้เร็ว แต่อย่าเร็วเกินไปเหมือนตนที่บางทีเบรกไม่อยู่ ใจไปไวกว่าปาก แต่คือสิ่งที่อยู่ในใจของคนที่คิดทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่คิดว่าทำเสร็จแล้ว แต่จับต้องไม่ได้ งบประมาณหายไปเปล่าๆ เชื่อมโยงกันไม่ได้ และเกิดความแตกแยก ทั้งรัฐ ข้าราชการ ประชาสังคม ประชาชน ผิดใจกันไปหมด จึงต้องเชื่อใจกันอย่าขัดแย้งกัน ผู้ว่าต้องดูแลประชาชนเหมือนคนในครอบครัว ทำให้ทุกคนมีความสุขอะไรที่เป็นกฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย วันนี้มีการจดทะเบียนต่างๆ มีพยานเยอะแยะ คงไม่มีการแอบซ้อนทำอะไรกันตามใต้ถุนหรือแอบทำในห้อง ตนทำอะไรชัดเจนจะได้ไม่ถูกกล่าวหารัฐบาลนี้มีผลประโยชน์กับใคร ส่วนที่ผิดจะมีคดีตามมาอีกเยอะ จึงขอเตือนผู้ว่าฯ ให้ระมัดระวัง ทั้งการเจาะบ่อบาดาลหรือการขุดลอกคูคลองทั้งหมด ตนไม่ละเว้น ละเลยเหมือนใครๆ ที่ทำมา ไม่เช่นนั้นจะมายืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การใช้คำสั่งมาตรา 44 หรือคำสั่งอื่นๆ ทุกมาตราต้องมีการตั้งประเด็นว่าจะใบ้เพราะอะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะมาประกาศใช้วันนี้สัก 5 ราย ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น มีแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความขัดแย้งลงไปให้งานเดินหน้า เจตนามีเท่านี้ กฎหมายคือกฎหมาย แต่วิธีการบริหารจัดการต้องไม่บิดเบือนสิ่งทีทำวันนี้ ขอให้เข้าใจตรงกันว่าตนและรัฐบาล มีเจตนาบริสุทธิ์ ขอให้ไว้วางใจกัน
 
                    นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนทำดี ไม่ต้องรอวาระ เพราะการทำดีทำได้ทุกวัน อยู่ที่ใจ ตนไม่เคยไปสั่งต้องทำให้ทำความดี เพราะไม่สามารถบังคับใครได้ แต่ต้องเกิดจากใจตัวเอง เราต้องทำให้โลกไม่แตกเพราะความขัดแย้ง ความที่มนุษยชาติที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องของดิน น้ำ อากาศ ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นของคนทั้งโลก ไม่ใช่ไปบอกว่าต้องทำให้มูลค่าสูงขึ้น แบบนี้มันไม่ใช่มืออาชีพ พวกพูดแบบนี้คือนักการเมือง ส่วนตนไม่ได้เป็นมืออาชีพแบบนั้น แต่ตนอาชีพทหาร ตอนนี้เหมือนรับจ้างมา โดยมาเหมือนไม่มีคนจ้างให้มาทำงานตรงนี้ ตนจ้างตัวเอง
 
                    "ผมยืนตรงนี้โดนด่าทั้งวัน ทำดีก็โดน ทำไม่ดียิ่งโดนหนักมากไปอีก ตนระวังตัวเองเสมอ ให้อภัยผมเถอะ อาจารย์สมคิด ก็ให้อภัยผมเถอะนะ ผมมีอารมณ์บ้างนิดหน่อยเหมือนกับ 'แม่น' มันต้องพองขนไว้ก่อน เพราะคนชอบมารังแกผม เพราะผมตัวเล็กกว่า"
 
                    นายกฯ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ งบประมาณต่างๆ กำลังลงไปขับเคลื่อน โดยเฉพาะภาคประชาสังคม รวมถึงเอ็นจีโอต้องมาช่วยพูดกับเยาวชนให้ด้วย อย่างเรื่องของไฟฟ้าบอกให้รัฐบาลช่วยลดค่าไฟฟ้า จะไปลดได้อย่างไร ตอนนี้ก็ดึงทุกอย่างอยู่แล้ว ต้นทุนการผลิตสูงก็สูงขึ้น เดินเครื่องมากขึ้น ต้องซื้อต่างประเทศมากขึ้น แต่มันก็จำเป็น แล้วจะให้ลดค่าไฟฟ้าจะลดได้อย่างไร ถ้าเราไม่ไปสร้างโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แต่วันนี้ยังทำไม่ได้เลย วันนี้มีทั้งคนไม่ชอบ ดังนั้น เราต้องสร้างความไว้ใจ วางโรดแม็พให้ชัดเจน ไฟฉายต้องฉายอยู่ตลอด คนที่เป็นผู้ว่าฯ เปิด-ปิด ไฟฉาย ระวังอย่าให้ถ่านหมด ต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศ เพราะพวกท่านคือกำลังสำคัญของตน
 
                    นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ ต้องกลับมาสู่การสร้างตัวเองให้เข้มแข็ง อย่าไปฟังการยั่วยุต่างๆ ตนก็เสียอารมณ์อยู่ทุกวัน พยายามจะไม่ฟัง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร อุดหูอย่างไรมันก็เข้า นี้คือหนังเรื่องเดิมทั้งหมด วันนี้ อยากให้ทุกคนทำสาธารณะกุศล ถือเป็นกุศล แต่ไม่ใช่ทำบุญนะ เพราะตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ อย่าผ้าไตรบังสุกุล ที่เอาไปทอดผ้าให้คนเสียชีวิต พระยังชักกลับเลย เอาไปได้อย่างเดียวคือเงินบาทในปาก เงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้านเอาไปไม่ได้เลย บ้านยังไม่มีอยู่เลย ทำกุศลให้คนเป็นๆ ที่ยังลำบากยากเข็ญถือเป็นกุศลที่สุดแล้วเผื่อแผ่แบ่งปันเขา หลายคนทำงานกว่าจะได้เงิน 10 บาท 100 บาท แต่พวกที่ขี้โกงหาเงินได้ทีวันละล้าน สิบล้าน มันต่างกันไหมล่ะ เอาไปทำอะไร เอากลับมาบริจาคประเทศสิ ขอให้ “บอยคอตคนขี้โกง” เหล่านี้ และอย่าไปฟัง เพราะไปฟังแล้วก็ไม่มีความสุข นอนก็ไม่หลับ ถ้าวันไหนหงุดหงิดมากๆ ก็นอนไม่หลับ
 
                    "มีอะไรก็พูดคุยกันได้ ไม่ต้องกลัว เพราะทุกคนเป็นพี่น้องร่วมชาติกันทั้งสิ้น ใครดีก็ดี ใครไม่ดีก็พร้อมให้อภัย ถ้าเคารพกฎหมายทุกอย่างก็จบ เพราะประเทศอยู่ด้วยกฎหมาย ความเท่าเทียมคือกฎหมาย เพราะฉะนั้นทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน อย่าให้บ้านเมืองมีความรุนแรงขึ้นอีกเลย อย่าไปเชื่อในภาพลวงตา อดีตที่มันเป็นความบิดเบือน ด้วยการหวังผลประโยชน์ตอบแทน สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต ปัญหาวันนี้มีมากมาย แต่ไม่สามารถปิดได้ซะปัญหา ซึ่งการแก้ไขถ้าทำไม่ได้ต้องปรับตัว ต้องแก้ตัวทำให้ดีขึ้น บรรดาข้าราชการก็ไม่ต้องกลัว เพราะท่านคือคนของรัฐ ถือเป็นคนสำคัญ ท่านต้องเข้มแข็ง วันนี้ผมจะสร้างโครงสร้างของท่านให้แข็งแรง วันข้างหน้าไม่ว่าใครจะไป ใครจะมา ผมจะออกกฎหมายให้ท่านอยู่ให้ได้ แข็งแรงให้ได้ ไม่ต้องกลัว พูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าผมทำตรงนี้ไม่ได้ ก็ไปพร้อมผม หรืออาจไปก่อนผมด้วย อย่าไปรอเวลา"
  
 
 
ย้ำ ให้ความสำคัญปัญหาปากท้องประชาชน
 
 
                    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเปิดบริษัทประชารัฐรักสามัคคี ประเทศไทย จำกัด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลเรื่องการขับเคลื่อนประเทศ โดยใช้กลไกของประชารัฐ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมคณะทำงานประสานพลังประชารัฐไปแล้ว โดยจะรวบรวมบริษัทสาขาย่อยทุกจังหวัดเข้ามาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ความรู้เรื่องการจัดองค์กร การบริหารการผลิต การแปรรูปการตลาด ให้กว้างขวางขึ้น วันนี้เราต้องพึ่งพาอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน ภูมิภาคต่อภูมิภาค กลุ่มจังหวัดต่อกลุ่มจังหวัดและภายในจังหวัดของตนเอง จะต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และแลกเปลี่ยนสินค้าให้กว้างขวางไปถึงที่อื่นด้วย เพื่อเปิดช่องทางทางเลือกให้ประชาชน ซึ่งมี 3 ทาง คือ 1. ภาคธุรกิจ ที่มีบริษัทประกอบการอยู่แล้ว 2. พ่อค้าคนกลาง และ 3. บริษัทประชารัฐ ซึ่งจะเป็นของประชาชนที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดในนั้น และผลกำไรที่ออกมา ก็ไม่ได้ไปแบ่งปันใคร แต่จะนำมาขยายเป้นกองทุนไปทำอย่างอื่นต่อไปให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราต้องพัฒนาอย่างนี้ให้ภายในแข็งแรง หาตลาดได้ทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ประชาชนก็จะไม่ลำบาก เราอยู่ได้กินได้ ก็ต้องพัฒนาตนเองและขอฝากสื่อช่วยกันขยายความเหล่านี้ไปด้วย
 
                    "วันนี้สิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นหลายเรื่อง แต่เนื่องจากเกิดขึ้นพร้อมกันหลายอย่างจากที่ได้พยายามจะทำ บางอย่างก็เข้าใจกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง ก็ฝากให้เข้าใจ ว่าเป็นเจตนารมณ์ที่ดีของรัฐบาล และ คสช. ถึงแม้จะมีแรงต้านใดๆ อยู่บ้างก็ตาม ผมก็ไม่ให้ความสำคัญมากนัก แ