ข่าว

ร้องปปง.ถูกหลอกขายแพคเกจโรงแรมหรู

ร้องปปง.ถูกหลอกขายแพคเกจโรงแรมหรู

28 เม.ย. 2559

กลุ่มผู้เสียหายโร่ร้อง ปปง. หลังถูกบริษัทหลอกขายแพคเกจที่พักโรงแรมระดับ 5 ดาว ในงาน ททท. เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

 
       ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) วันที่ 28 เม.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชณกันต์ ฐานียากฤต อายุ 45 ปี ตัวแทนผู้เสียหายถูกบริษัทหลอกขายบัตรกำนัลที่พักโรงแรมในงานท่องเที่ยว แต่ไม่สามารถใช้ได้จริง เข้าร้องเรียนต่อปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและนำเงินมาชดใช้คืนให้ผู้เสียหาย โดยมี ร.ต.อ.ไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรมสำนักงานปปง. เป็นผู้รับเรื่อง ทั้งนี้ นายชณกันต์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ซื้อแพคเกจห้องพักโรงแรมระดับ 5 ดาว จากบริษัท ทำงาน จำกัด ที่มีการเช่าบูธในเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ครั้งที่18 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยบริษัทดังกล่าวนำเสนอแพคเกจห้องพักโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 6 ใบ ในราคา 20,000 บาท ซึ่งไม่ระบุวันเข้าพัก มีอายุการใช้งานนานถึง 2 ปี ผู้ซื้อจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่มีเงื่อนไขสลักหลังคูปองต้องจองผ่านบริษัทและต้องได้รับอีเมลยืนยันจากบริษัทจึงถือว่าการจองสมบูรณ์ ไม่สามารถจองตรงกับโรงแรมได้ แต่เมื่อจบงานการท่องเที่ยวผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ซื้อเเพคเกจได้รับอีเมลแจ้งว่า บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน ขอยุติกิจการและจะคืนเงินให้ โดยกรณีจ่ายบัตรเครดิตจะคืนเงินภายใน 30 วัน กรณีเงินสดจะคืนเงินให้ภายใน 45 วัน ทั้งนี้มีการขอให้ผู้ที่ซื้อเเพคเกจกรอกข้อมูลเลขที่บัตรเครดิต สำเนาบัตรประชาชน สำเนาสมุดบัญชีแต่ผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม ได้พยายามติดต่อกลับไปยังบริษัทแต่ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะช่องทางการติดต่อถูกปิดทุกช่องทางทั้งอีเมล ไลน์ และเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่าเกินกำหนดที่ระบุจะได้รับเงินคืนแล้วจึงได้รวมตัวเพื่อให้ ปปง.ช่วยตรวจสอบบริษัทดังกล่าวรวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
 
       นายชณกันต์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นผู้เสียหายรวมตัวกันได้กว่า 100 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท แต่ได้ข้อมูลว่าบริษัทดังกล่าวขายแพคเกจไปมากถึง 300 คน ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนที่นิยมไปซื้อแพคเกจในงานท่องเที่ยวควรตรวจสอบข้อมูลบริษัทก่อน เพราะเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นภัยสังคมอีกรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง
 
       น.ส.พรลดา พิบูลย์โรจน์ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนสูญเงินกว่า 100,000 บาท ซื้อแพคเกจ โดยช่วงแรกที่ซื้อสามารถใช้แพคเกจได้ จึงไปซื้อเพิ่มแต่แพคเกจหลังไม่สามมารถนำไปใช้ได้ ได้รับการแจ้งจากบริษัทว่าเลิกกิจการทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวไปตั้งบูธขายในงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) แต่กลับได้รับข้อมูลชี้แจงจาก ททท.ว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนออกบูธ แต่ไปเช่าพื้นที่ว่างจากเจ้าของสถานที่เอง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเพราะอยู่ในพื้นที่งานเดียวกันดังนั้น ขอฝากไปยัง ททท.ให้ตรวจสอบผู้ประกอบกิจการที่มาออกบูธอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดและตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
 
       ด้าน ร.ต.อ.ไพรัตน์ กล่าวว่า ปปง.จะเร่งตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่า เข้ามูลฐานความผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงินหรือไม่ แต่เบื้องต้นกรณีดังกล่าวมีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน อย่างไรก็ตาม ปปง.ให้ความสำคัญความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน และจะเร่งติดตามทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดมาชดใช้คืน โดยผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิ์ยื่นแบบคำร้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานได้