
กกต.ฟ้องโพสต์คว่ำรธน.โทษคุก10ปี
27 เม.ย. 2559
'สมชัย' ประเดิมฟ้องคดีแรกโพสต์เฟซบุ๊กใช้คำหยาบคาย-ปลุกระดมคว่ำร่างรธน. ผิด พ.ร.บ.ประชามติ มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี
27 เม.ย. 59 เมื่อเวลา 09.05 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เดินทางไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2559 ที่ สน.ทุ่งสองห้อง โดยมี พ.ต.ท.วินิจ ศรีสูงเนิน หัวหน้างานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เป็นผู้รับแจ้งความ และมี ร.ต.ท.กฤติเดช ชอบค้าขาย ร้อยเวร เป็นเจ้าของสำนวน
โดยนายสมชัย กล่าวว่า เมื่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มีผลบังคับใช้แล้ว การกระทำระหว่างนี้จะต้องไม่ขัดกับหลักกฎหมาย จะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในฐานะ กกต. ได้พบการกระทำความผิดเกิดขึ้น โดยมีกลุ่มกองทุนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย ก้าวร้าว รุนแรง ปลุกระดม ซึ่งถือว่ามีความผิดสมบูรณ์ตามมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ประชามติ มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ทั้งนี้ ตนในฐานะ กกต.เห็นข้อความดังกล่าว จึงเดินทางเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี การเชื่อมโยงกลุ่มดังกล่าวไปยังตัวบุคคลนั้นไม่ยาก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เป็นทางการและมีตัวบุคคลที่เป็นผู้จัดการของกลุ่มดังกล่าวชัดเจน
นายสมชัย กล่าวว่า ตนได้นำเอกสารของกลุ่มดังกล่าวที่โพสต์บนเฟซบุ๊กมาเสนอต่อพนักงานสืบสวนสอบสวน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเรียกตัวบุคคลเข้ามาสอบสวน ซึ่งข้อความที่โพสต์บนเฟซบุ๊กนั้น โพตส์โดยผู้บริหารของกลุ่มองค์กรดังกล่าวเอง หรือบุคคลภายใน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะโพสต์โดยใคร ผู้บริหารกลุ่มดังกล่าวต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย เนื่องจากเป็นการโพสต์แบบสาธารณะ แม้ว่าปัจจุบันได้มีการลบข้อความดังกล่าวแล้ว แต่ กกต.ได้บันทึกไว้เป็นเอกสาร
"การโพสต์ข้อความว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่บนเหตุผลทางวิชาการ ไม่มีลักษณะถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย และไม่โน้มน้าว ไม่ชักจูง ปลุกระดม ข่มขู่ผู้อื่น โดยหวังผลให้ออกเสียงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากประชาชนพบเห็นถ้อยคำที่มีลักษณะดังกล่าว สามารถนำหลักฐานมาแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง ไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อ กกต."
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า วันนี้ตนได้บังเอิญมาเจอกับนายสมชัย ซึ่งท่านได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีที่มีการโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กก็ถือโอกาสได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ตามที่กล่าวหาว่ากระทำผิดตามมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากการกระทำดังกล่าวเข้าฐานความผิดก็ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย อยากจะย้ำเตือนทุกคนว่าช่วงนี้อยู่ระหว่างที่ พ.ร.บ.ประชามติ มีผลใช้บังคับแล้ว
ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นใดก็ต้องอยู่ในกรอบของข้อกฎหมาย ส่วนตัวไม่มีความกังวลว่าจะมีการฟ้องร้องกันมากขึ้น เพราะทุกอย่างอยู่ที่ข้อเท็จจริง หากเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรแอบแฝงก็คงไม่มีปัญหาใด เพราะเชื่อว่ากฎหมายจะช่วยให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย ตนมีหน้าที่รักษากฎหมาย รักคนไทยทุกคน อยากให้ทุกคนเดินหน้าร่วมกันเพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข เพื่อประเทศไทยจะได้น่าอยู่และน่าท่องเที่ยว และคนจะได้มาเที่ยวประเทศมากๆ เศรษฐกิจก็จะได้ดีด้วย