ข่าว

แกนนำโคกยาวหายลึกลับปมจัดระเบียบทวงคืนผืนป่า?

แกนนำโคกยาวหายลึกลับปมจัดระเบียบทวงคืนผืนป่า?

27 เม.ย. 2559

แกนนำโคกยาวหายลึกลับปมจัดระเบียบทวงคืนผืนป่า? : สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสีรายงาน

              การหายตัวไปอย่างลึกลับของ "เด่น คำแหล้" วัย 65 ปี แกนนำชาวบ้านนักเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้เรียกร้องสิทธิให้แก่ชาวบ้านในชุมชนป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ที่เคยอาศัยที่ดินทำกินในผืนป่าบริเวณดังกล่าวรวมกันทั้งสิ้น 33 ครอบครัว ในเนื้อที่กว่า 830 ไร่ มานานหลายสิบปี ได้หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา...นับถึงวันนี้ยังไร้ร่องรอย

              พ่อเด่นและเพื่อนบ้านยืนยันว่า ทำกินในผืนป่าดังกล่าวก่อนที่ในปี 2528 หน่วยงานกรมป่าไม้ได้เข้ามาขอดำเนินการขอคืนพื้นที่ป่าเพื่อจะทำโครงการตามนโยบายหมู่บ้านรักป่าประชารักสัตว์ และจะมีการจัดสรรที่ดินทำกินแห่งใหม่ให้ทดแทน จนต่อมาเมื่อปี 2547 พื้นที่ทำกินของชาวบ้านทั้งหมดที่ต้องยอมออกจากพื้นที่เพื่อรอที่ดินทำกินแห่งใหม่ กลับไม่มีความคืบหน้า ปล่อยชาวบ้านทิ้งไม่มีที่ทำกิน และกรมป่าไม้ได้นำพื้นที่ดังกล่าวไปปลูกเป็นสวนป่ายูคาลิปตัสขึ้นทดแทน

              จนต่อมากลุ่มชาวบ้านแกนนำโดยพ่อเด่น ก็จำใจต้องพาชาวบ้านที่เดือดร้อนทั้งหมดจากโครงการบุกเข้ายึดพื้นที่ป่าโคกยาวเพื่อขอที่ดินทำกินคืน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ชาวบ้านต้องเกิดกรณีพิพาทกับภาครัฐเป็นต้นมา และถูกจับกุมดำเนินคดีไปกว่า 10 ราย จนมีการเคลื่อนไหวต่อสู้เรียกร้องไปถึงรัฐบาลมาต่อเนื่อง จนถึงปี 2551 รัฐบาลยุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีแนวนโยบายที่จะลงมาช่วยกันแก้ปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ด้วยการใช้แนวทางการอยู่ร่วมกันของคนกับป่าแห่งนี้ในรูปแบบโฉนดชุมชน และต่อมาล่าสุดรัฐบาล คสช.ก็เข้ามาบริหารประเทศ และมีปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าคืน เมื่อปี 2557 เป็นต้นมา

              ส่งผลให้จังหวัดชัยภูมิมีการออกประกาศทวงคืนผืนป่าในจุดนี้ ด้วยการนำป้ายไปติดประกาศขอให้ชาวบ้านออกจากผืนป่าดังกล่าวเป็นต้นมา และอยู่ระหว่างการหาแนวทางที่จะช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสร้างความชัดเจนให้แก่ชาวบ้านป่าโคกยาวได้อย่างไร ขณะเดียวกันก็ยังมีความพยายามที่จะเข้าไปกดดันไล่รื้อสิ่งปลูกสร้าง และใช้มาตรการทางกฎหมายจับกุมชาวบ้านในพื้นที่มาต่อเนื่อง

              จนล่าสุด เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2559 พ่อเด่น แกนนำป่าโคกยาว ได้ออกไปหาเก็บหน่อไม้ เพื่อจะนำกลับมาให้ภรรยาที่ปักหลักอยู่ด้วยกันกับชาวบ้านในพื้นที่ป่าโคกยาวในปัจจุบันอีกทั้งหมดกว่า 33 ครอบครัว ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่พอจะเป็นรายได้มาช่วยกันเลี้ยงครอบครัวของคนที่นี่ แต่แล้วพ่อเด่นก็หายตัวไปอย่างลึกลับและไม่กลับมาอีกเลย

              ด้านชาวบ้าน คนในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ท้องถิ่น หน่วยงานอาสากู้ภัย ก็ยังคงจัดกำลังออกช่วยกันค้นหาตัว แต่ก็ยังไม่พบตามจุดที่ต้องสงสัยและพบเห็นร่องรอยแต่อย่างใด และเชื่อว่าการหายตัวของพ่อเด่นที่เคยเข้าออกในพื้นที่ป่าแห่งนี้มานานกว่า 50 ปี มาค่อนชีวิต ไม่มีทางที่จะหลงป่าหายตัวไปเองได้ง่ายๆ และมุ่งชนวนเหตุมาจากความขัดแย้งกับหน่วยงานภาครัฐกับคนในพื้นที่ ซึ่งเริ่มสร้างความหวาดระแวงจากประชาชนและภาครัฐด้วยกันเอง ยิ่งส่อจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น

              ดังนั้นจึงมีเสียงเรียกร้องไปถึงรัฐบาล คสช.ว่า หากปล่อยปัญหาข้อพิพาทเช่นนี้ยาวนานต่อไปไม่จบว่าเมื่อไหร่จะมีแนวทางออกมาช่วยเหลือชาวบ้านที่นี่อย่างชัดเจนเสียที อาจจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะนำพาไปสู่การเกิดวิกฤติศรัทธาย้อนกลับไปหารัฐบาล คสช.ถึงแนวทางการเข้ามาบริหารและช่วยแก้ปัญหาประเทศที่อาจจะตอกย้ำความล้มเหลวได้เช่นกัน...

              หลังการหายตัวไปของพ่อเด่น ที่ชาวบ้านป่าโคกยาวแห่งนี้เรียกกันติดปากคุ้นเคย ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเกิดความไม่สบายใจมากขึ้นและหวาดระแวงต่อการดำเนินงานของภาครัฐมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากเข้าแจ้งความการหายตัวไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยาง ช่วยตามหา แต่ก็ยังไม่ประสบผล ทำให้ทุกคนในพื้นที่ทั่วทั้ง ต.ทุ่งลุยลาย ต่างเชื่อเป็นเสียงเดียวกันว่า พ่อเด่นไม่ได้เดินหลงป่าหายไปแน่นอน หากไม่มีใครอุ้มหายตัวไป จึงเริ่มระดมกำลังร่วมจัดชุดปฏิบัติการช่วยกันออกค้นหา ทั้งชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และหน่วยงานเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยอำเภอคอนสาร ในพื้นที่รอบรอยต่อผืนป่าเนื้อที่กว้างกว่า 1,000 ไร่ ในเขตสวนป่ายูคาลิปตัสป่าโคกยาว หมู่ 6 บ้านโนนศิลา ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเริ่มพบร่องรอยสำคัญบางอย่างที่ชาวบ้านเชื่อว่าเหมือนคนถูกลากลงไปทิ้งน้ำในลำน้ำพรมที่ไหลผ่านใกล้พื้นที่พ่อเด่นหายตัวไปในครั้งนี้

              “สภาพ คำแหล้” วัย 62 ปี ภรรยาพ่อเด่น บอกว่า การหายตัวไปของสามีไม่เชื่อแน่ว่าจะหลงป่าหายตัวไปเอง เพราะทางที่ไปไปเป็นประจำ ไปเก็บหน่อไม้ของป่ามาให้ประกอบอาหารไปขายที่ตลาดทุ่งลุยลาย และจะต้องกลับมาถึงบ้านก่อนเวลา 15.00 น.ของทุกวัน แต่หลังวันที่ 16 เมษายน ก็หายตัวไปอย่างลึกลับและไม่กลับบ้านอีกเลย

              “ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องกับใครเลย จะมีก็แต่เรื่องเดียวคือกรณีพิพาทกับเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ก่อนหายตัวไป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาหาพูดคุยเรื่องให้พาชาวบ้านออกจากพื้นที่ จากนั้นก็ไม่เคยมีเรื่องไปทะเลาะกับใครเลย จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งหาตัวสามีคืนมาโดยเร็วด้วย” แม่สภาพ กล่าว

              “สุกิจ ปลื้มกมล” ผู้ใหญ่บ้านโนนศิลา หมู่ 6 ที่ร่วมออกค้นหาด้วย กล่าวว่า ตอนนี้ไม่รู้ว่าสาเหตุการหายตัวไปของพ่อเด่นเกิดจากอะไร แต่เรื่องการหายตัวไปจากการเดินหลงป่าไม่มีใครเชื่อแน่ เพราะผืนป่าที่นี่พ่อเด่นเดินมาจนจะค่อนชีวิต เรื่องหลงป่าไม่มีใครเชื่อแน่ แต่ก็ไม่รู้ได้ว่าหายตัวไปได้อย่างไร

              “ณภัทร เปรมพงศ์” หัวหน้าหน่วยกู้ภัยคอนสาร ที่ช่วยนำเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำเข้าช่วยดำน้ำค้นหาในพื้นที่ลำน้ำพรม ใกล้จุดที่พ่อเด่นเคยเดินผ่านไปหาเก็บหน่อไม้ ห่างจากจุดบ้านพักไม่ไกล ประมาณกว่า 2 กิโลเมตร รวมทั้งระดมช่วยกันดำน้ำค้นหาในจุดที่ต้องสงสัยทั้งหมดนานหลายชั่วโมงจนถึงใกล้ค่ำก็ยังไม่พบ และเชื่อว่าไม่น่าจมน้ำหายอยู่ในพื้นที่

              ขณะที่ “ปราโมทย์ ผลภิญโญ” ในฐานะที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน ได้เข้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ ดูการเคลื่อนไหวข้อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านป่าโคกยาวและแกนนำพ่อเด่น และได้ร่วมงานต่อสู้มาตลอดนับสิบปี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่พ่อเด่นหายตัวไปยังไร้ร่องรอย แม้ชาวบ้าน คนในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ท้องถิ่น หน่วยงานอาสากู้ภัย ต่างช่วยกันออกระดมค้นหา และพวกเราก็ยังพยายามต่อไป

              การหายตัวไปของพ่อเด่น นอกจากสร้างความหวาดระแวงให้แก่ภาคประชาชนท่ามกลางข่าวการทวงคืนผืนป่า ที่ใช้มาตรการรุก-ไล่เกือบทุกวัน แต่ในขณะเดียวกันผืนป่าที่อยู่ในเงื้อมมือนายทุนแต่รัฐกลับนิ่งเฉยหรือหลีกเลี่ยงที่จะใช้มาตรการเข้ม ยิ่งทำให้ชาวบ้านเห็นถึงการปฏิบัติสองมาตรฐานและต้องการให้เกิดการแก้ไขสร้างความเป็นธรรม...