
'ประสบการณ์รุ่นเก่ามุมมองรุ่นใหม่'พีรยสถ์ใช้บริหารร้านเพชร
'ประสบการณ์รุ่นเก่า มุมมองรุ่นใหม่'พีรยสถ์ ศิริเกียรติสูง ใช้บริหารร้านเพชร : คมคิดธุรกิจนิวเจน โดยกอบแก้ว แผนสท้าน...เรื่องฐานิส สุดโต...ภาพ
หากพูดถึงบริษัทอัญมณีระดับแนวหน้าของไทย คงไม่มีใครไม่รู้จัก “เดอะ พรีเมียร์” ด้วยประวัติความเป็นมายาวนานกว่าศตวรรษ ซึ่งเริ่มต้นจาก บริษัท มณีรัตน์ (เบ๊จินเต็ก) จำกัด ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกจิวเวลรี่ของรุ่นคุณทวดในย่านหัวเม็ด เยาวราช ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2448 จากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน ได้ช่วยกันขยายกิจการเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออก เพชร พลอย และเครื่องประดับทอง แบบครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการอัญมณีและเครื่องประดับไปทั่วโลก ในวันนี้ “ท็อป” พีรยสถ์ ศิริเกียรติสูง ก็เป็นหนึ่งในทายาทรุ่นที่ 4 ที่เข้ามาช่วยเสริมทัพให้กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยรับผิดชอบหน้าที่ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีซีชั่น คอนเซ็ปต์ จำกัด จำหน่ายเครื่องประดับเพชรแบรนด์ “เดอ พรีโก” (De Preco) ซึ่งเปิดเคาน์เตอร์ขายมากถึง 20 สาขาทั่วประเทศ
แม้ว่าจะเป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งรุ่นแรกๆ ได้วางรากฐานไว้อย่างดีแล้วก็ตาม ทว่าก่อนกลับเข้ามาช่วยกิจการของครอบครัวในปี 2006 พีรยสถ์ เลือกใช้เวลากว่าหนึ่งปีหลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการเรียนรู้การทำงานในฐานะพนักงานบริษัทด้านการตลาดกับบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง แล้วจึงกลับมาช่วยงานกิจการของครอบครัว ด้วยการเริ่มเรียนรู้งานในส่วนต่างๆ ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการตลาดไม่ว่าจะเป็นระบบสต็อก บัญชี อยู่นานกว่า 5 ปี จึงค่อยๆ ขยับขึ้นมาคุุมงานในตำแหน่ง “เอ็มดี” อย่างเต็มตัวในที่สุด
“ตอนแรกที่เข้ามาช่วยใหม่ๆ หน้าที่ความรับผิดชอบไม่ได้เยอะมากช่วยดูระบบก่อนช่วยผู้ใหญ่ดูภาพรวม พอได้เรียนรู้สักระยะเขาก็ปล่อยให้เราจับตรงนี้เต็มตัว ก็ใช้เวลานานกว่า 5 ปี สิ่งที่ผมเรียนรู้มาสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับธุรกิจจิวเวลรี่ คือ มาตรฐานของสินค้าที่เราผลิตให้แก่ลูกค้า แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เรียกว่ายาก น่าจะเรียกว่าเป็นจุดเด่นส่วนหนึ่งของเรา ในเรื่องของเพชรเราเจียระไนเองได้ ซึ่งในส่วนงานเจียระไนบริษัทค่อนข้างเป็นที่รู้จักในตลาดทั่วโลกอยู่แล้ว เขาจะมองว่าเพชรของเราเจียระไนได้สวยติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก เป็นฝีมือคนไทยที่เราค่อนข้างภาคภูมิใจ เพชรมีองค์ประกอบหลักๆ อยู่ 4 อย่าง คือ 4C ได้แก่ คัลเลอร์ (สี) มาจากธรรมชาติ, ควอลิตี้ (ตำหนิ) มาจากธรรมชาติเช่นเดียวกัน, กะรัต (ไซส์เพชร) อยู่ที่ว่าเพชรแต่ละเม็ดน้ำหนักเท่าไหร่, คัตติ้ง (เจียระไน) ส่วนนี้เป็นส่วนที่คนเข้าไปเกี่ยวข้องได้เพชรจะออกมาสวยหรือไม่สวยขึ้นอยู่กับงานเจียระไนด้วย ถ้าคนได้ศึกษาจะรู้ว่าเพชรไม่ค่อยมีประกายแปลว่าเจียระไนไม่ได้สัดส่วน ซึ่งบริษัทเรามองว่านี่คือส่วนสำคัญ” ทายาทหนุ่มของ คุณพ่อพีระ คุณแม่ทัศนีย์ ศิริเกียรติสูง เล่าให้ฟังก่อนจะลงลึกถึงรายละเอียดของการบริหารในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง
กว่า 100 ปี บนเส้นทางธุรกิจจิวเวลรี่ที่สั่งสมประสบการณ์ความสำเร็จจากรุ่นต่อรุ่นจนเป็นที่รู้จักในตลาดไปทั่วโลก ถึงวันนี้ “ท็อป” พีรยสถ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอ พรีโก เล่าถึงความตั้งใจในการสานต่อธุรกิจในฐานะ เจเนอเรชั่นที่ 4 ว่า ยังคงยึดมั่นกฎเหล็กของคุณทวดในเรื่องการรักษามาตรฐาน ควบคู่กับการเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มคนวัยทำงานเรื่อยไปจนถึงกลุ่มคนรุ่นใหญ่
“ท็อป” พีรยสถ์ เล่าถึงความตั้งใจของตัวเองให้ฟังว่า อย่างที่เรียนให้ทราบในตอนต้นว่าครอบครัวผมทำธุรกิจจิวเวลรี่ครบวงจรไล่เรียงตั้งแต่โรงงานผลิตไปจนถึงตลาดส่งออก ดังนั้นในเรื่องการเลือกวัตถุดิบ การเจียระไน และแม้แต่การดีไซน์ตัวเรือน เรามีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว ดังนั้นหน้าที่ของเอ็มดีอย่างผมจึงดูแลเฉพาะด้านการบริหารและด้านการตลาดแบรนด์ เดอ พรีโก ภายใต้หลักการทำงานที่เรามีกฎเหล็กตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ โดยคุณทวดเป็นผู้กำหนดเอาไว้ และทุกเจเนอเรชั่นยึดปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนั่นคือ ความน่าเชื่อถือต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะเรื่องการรักษาคุณภาพและมาตรฐานไม่ให้ตกหล่น เพราะคุณทวดมีแนวคิดว่าแม้เงินทองหายไปย่อมมีโอกาสได้กลับมา แต่ถ้าชื่อเสียงหายไปแล้วไม่สามารถเรียกคืน โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเจียระไน หรือเพชรร่วง หรือแม้แต่ตัวเรือน ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่ลูกค้ายังไม่มีความรู้มากนัก สำหรับในส่วนของการพัฒนายอดขายถือว่าเป็นภารกิจที่จำเป็นเช่นเดียวกัน ในแต่ละปีต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าต้องมองหาโปรดักท์ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด เพราะในแต่ละซีซั่นการเปลี่ยนแปลงหรือการบริโภคของลูกค้านั้นย่อมมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์ เพราะหลายๆ แห่งก็มีเพชรเหมือนกันจึงวัดกันที่งานเจียระไน งานออกแบบ จากนั้นจึงเลือกคุณภาพ ส่วนเรื่องราคาไม่ใช่อุปสรรค อย่างที่ทราบกันดีว่าลูกค้าที่ซื้อเพชรเป็นคนมีตังค์ ขณะที่ เดอ พรีโก เราเน้นความคลาสสิก เรียบโก้ ใส่ได้ทุกวัน
และถึงจะเป็นคนรุ่นใหม่ท่ี่เติบโตมาในยุคของโลกโซเชียลที่หลายๆ ธุรกิจต่างเข้าไปช่วงชิงพื้นที่หวังสร้างผลกำไรให้แก่กิจการของตัวเอง ทว่าในมุม “ทายาทจิวเวลรี่” เจ้าตัวบอกว่าไม่เคยคิดจะใช้โลกออนไลน์เป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มยอดขายเครื่องประดับสูงค่าเลย เช่นเดียวกับกระแสจิวเวลรี่กับความเชื่อ ซึ่งค่อนข้างมาแรงในระยะหลัง
"การซื้อสินค้าราคาสูงค่อนข้างมีความละเอียดอ่อน เป็นธรรมดาที่ลูกค้าจะอยากได้ลองได้สวมใส่ ต้องได้เห็นสินค้า ดูว่าจะเหมาะสมกับคนสวมใส่แค่ไหน ซึ่งต่างจากสินค้าแฟชั่นจิวเวลรี่ที่ราคาไม่แพงมาก คนซื้อคงไม่ซีเรียส จริงๆ แล้วอยากให้ลูกค้าเดินมาชมหน้าร้านมากกว่า เพราะว่าจะได้เห็นว่างานคัตติ้งเป็นอย่างไร ขึ้นตัวเรือนแล้วเป็นอย่างไร การซื้อขายออนไลน์บางทีอาจจะไม่ได้มีการพูดคุยกับพนักงานขาย ในส่วนของคำแนะนำต่างๆ อาจไม่ได้รับเต็มที่ ถามว่าเป็นช่องทางที่น่าสนใจหรือไม่ สำหรับธุรกิจอื่นอาจใช่ แต่ในหมวดสินค้าเครื่องประดับราคาแพงวันนี้ยังไม่ตอบโจทย์แน่ๆ เราจึงยังไม่คิดลงไปลุยตลาดในส่วนนี้ครับ ขณะเดียวกันเราเองก็มีหน้าร้านวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศถึง 20 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองสำคัญๆ คิดว่าน่าจะเพียงพอต่อความต้องการลูกค้าแล้ว ส่วนเรื่องแฟชั่นการจับคู่เครื่องประดับกับศาสตร์ความเชื่อต่างๆ นั้น ทางบริษัทก็ไม่เน้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเพียงเทรนด์ช่วงสั้นๆ ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายของ เดอ พรีโก แต่เรามุ่งไปที่เรื่องความชอบมากกว่า เช่นเรื่องสีหลากหลาย พริ้งโกลด์ เยลโล่โกลด์ ไวท์โกลด์ มีงานดีไซน์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้ามากกว่า การสอดประสานระหว่างประสบการณ์ของคนรุ่นเก๋ากับมุมมองใหม่ๆ ของคนรุ่นหลัง เป็นอีกหนึ่งหลักสำคัญที่ "นักบริหารวัยสามสิบเล็กๆ เลือกนำมาใช้เสริมความแกร่งให้แก่ธุรกิจเครื่องประดับเพชรเติบโตยิ่งๆ ขึ้น ขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด
"ถึงตอนนี้จะมีรุ่นผมซึ่งเป็นรุ่นที่ 4 เข้ามาช่วยทำงาน แต่คุณแม่และคุณป้าถือว่าเป็นรุ่นที่ 3 ก็ยังคงทำงานอยู่ ดังนั้นในแต่ละวันเราต้องคุยกันอยู่แล้ว อยู่ออฟฟิศบางวันก็รับประทานข้าวเที่ยงด้วยกัน นอกจากนี้ทุกวันอาทิตย์ก็เจอกัน ทำให้มีโอกาสได้พูดคุยเรื่องครอบครัวเรื่องธุรกิจ มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันอยู่เสมอ บางครั้งผู้ใหญ่จะเล่าให้ฟังถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจที่ทำมาให้ลูกๆ หลานๆ ฟังอยู่เป็นประจำ ตรงนี้จะช่วยซึมซับเข้าไปโดยอัตโนมัติ ถามว่าเห็นต่างมั้ยต้องมีบ้าง บางครั้งถ้าสิ่งที่รุ่นใหม่อยากทำแล้วไม่ขัดกับแนวทางหลักที่ผู้ใหญ่วางไว้ ท่านค่อนข้างจะสนับสนุน เพราะทำไปแล้วไม่ทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสียหรือว่าเสียหายหรือมีผลกระทบต่อผู้อื่น ส่วนในเรื่องไหนถ้าตัดสินใจเองไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะขอความคิดเห็นจากผู้ใหญ่ เพราะว่าแน่นอนอยู่แล้วประสบการณ์ของเราอาจจะไม่เท่าท่านในหลายๆ เรื่อง ด้วยเหตุนี้ผมจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของการสื่อสาร และให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใหญ่ในการแก้ปัญหา ซึ่งในที่สุดเขาจะให้เพียงแค่คำแนะนำ จากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องตัดสินใจเอง" พีรยสถ์ กล่าว
เมื่อถามถึงการแข่งขันในตลาดเครื่องประดับเพชรว่าอยู่ในภาวะใด “พ่อค้าเครื่องประดับสุดหรู” เผยว่า ถือว่าค่อนข้างเยอะพอสมควร เห็นได้จากมีแบรนด์ใหม่ๆ ค่อนข้างมาก แต่แบรนด์ใหม่ก็ต้องแข่งขันด้วยราคา แบรนด์ไหนสามารถออฟเฟอร์เรื่องราคาได้เยอะกว่าก็อาจจะได้ลูกค้าบางกลุ่มไป แต่ด้วยจุดยืนของเราซึ่งเน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลักทำให้เรามาถึงทุกวันนี้ได้ บางทีหลายๆ แบรนด์เน้นการทำตลาดด้วยการให้ส่วนลดกับลูกค้าซึ่งทุกวันนี้นับว่าค่อนข้างน่ากลัว เนื่องจากการแข่งขันไม่ว่าด้วยราคาก็ดีหรือด้วยส่วนลดก็ดี มันไม่ใช่แนวทางการดำเนินธุรกิจแบบระยะยาว และแน่นอนที่สุดสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจยั่งยืนได้นั้น หนุ่มท็อปยังคงให้ความสำคัญต่อคำสอนจากรุ่นสู่รุ่นนั่นคือ การรักษามาตรฐาน