ข่าว

ศาลยกร้องหมายจับ‘ธัมมชโย’ของดีเอสไอ

ศาลยกร้องหมายจับ‘ธัมมชโย’ของดีเอสไอ

26 เม.ย. 2559

ศาลยกร้องหมายจับ‘ธัมมชโย’ของดีเอสไอ อธิบดีดีเอสไอเผยพนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมหลักฐานแจ้งข้อหาฟอกเงินกับเครือข่ายพระวัดธรรมกาย

            26 เม.ย.59 พ.ต.อ.ไพสิฐ  วงศ์เมือง  อธิบดีดีเอสไอ  กล่าวถึงกรณีมอบหมายให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอขออนุมัติศาลออกหมายจับพระธัมมชโย  เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย   หลังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร สืบเนื่องจากเป็นผู้มีชื่อได้รับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย  ศรีศุภอักษร  อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัดว่า  ดีเอสไอมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าพระธัมมชโยสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ตามปกติ  กรณีที่วันนี้( 26 เม.ย.) มีการออกมาเผยแพร่ภาพอาการอาพาธของพระธัมมชโยเพื่อแสดงให้เห็นว่าอาพาธจริง โดยเฉพาะบริเวณขาที่มีลักษณะเน่าด้วยนั้น เป็นภาพเก่าในปี  58 ทั้งนี้ถือเป็นสิทธิของแพทย์ในการชี้แจง ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบอาการป่วยของพระธัมมชโยด้วยตัวเองอีกครั้งนั้น ขณะนี้กระบวนการอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล จึงขอให้ฟังคำสั่งศาล กรณีการรับเช็คบริจาคยังมีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกหลายกลุ่มรวมถึงกลุ่มเครือข่ายพระวัดพระธรรมกาย  พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเอาผิด                         

            อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า  แม้พระธัมมชโยจะคืนเงินที่ได้รับบริจาคครบตามเช็คทั้งหมดกับสหกรณ์คลองจั่นฯ  แต่การดำเนินคดีก็ต้องเดินหน้าต่อ  เพราะคดีทางอาญาถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว  จะยุติได้เพียงการดำเนินคดีทางแพ่งเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม  ในส่วนของน.ส.ศศิธร  โชคประสิทธิ์ ซึ่งปรากฏชื่อลงนามสลักหลังเช็ควงเงินกว่า 100  ล้านบาท  และเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีฟอกเงินนั้น ทราบว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว  อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ


ศาลยกร้องหมายจับ‘ธัมมชโย’ของดีเอสไอ

           เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และทีมพนักงานสอบสวน ได้นำเอกสารพยานหลักฐานกว่า 2 ลัง เพื่อยื่นประกอบคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับพระธัมมชโย ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ที่มีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด  ขณะที่นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็ได้ยื่นคำร้องคัดค้านพนักงานสอบสวนดีเอสไอทันที เนืี่องจากใช้ดุลพินิจมิชอบ ไม่เป็นธรรม โดยศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามพนักงานสอบสวนดีเอสไอนานกว่าชั่วโมง กระทั่งเวลา 16.00 น. ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ

           ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวภายหลังฟังคำสั่งว่า ศาลให้เหตุผลว่าผู้ต้องหายังไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี โดยภายใน 2 วัน ดีเอสไอจะไปประชุมคณะทำงานไม่เกิน เพื่อหารือออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้มารับทราบข้อกล่าวหา ภายในเวลา 15 วัน

           ขณะที่ นายสัมพันธ์ ทนายความของพระธัมมชโย กล่าวว่า หลังจากครบกำหนด15 วันที่ตนได้ยื่นขอเลื่อนนัดพนักงานสอบสวนไว้แล้ว พระธัมมชโยจะสามารถเข้าพบพนักงานสอบสวนได้หรือไม่นั้น ต้องขอดูอาการป่วยของหลวงพ่อก่อน ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนจะต้องประสานมาเพื่อตกลงกันอีกที

           ส่วนเรื่องจะฟ้องกลับพนักงานสอบสวนหรือไม่นั้น นาชสัมพันธ์ ทนายความ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าทีมทนายความ มีการพุดคุยกันในเรื่องนี้ และถ้าหากจะมีการพิจารณาฟ้องจริงจะไม่ใช่การฟ้องในความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่ แต่จะเป็นการฟ้องในฐานที่เป็นเจ้าพนักงานของกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งให้ถูกดำเนินคดี ซึ่งมีอัตราโทษที่หนักกว่า
 

 

ดีเอสไอประชุมด่วนเคาะออกหมายเรียกรอบ3นัดใหม่16พ.ค.นี้

           พ.ต.อ.ไพสิฐ เปิดเผยภายหลังศาลอาญายกคำร้องขออนุมัติหมายจับพระธัมมชโยกรณีไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร สืบเนื่องจากเป็นผู้มีชื่อได้รับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัดว่า พนักงานสอบสวนต้องออกหมายเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งตามคำสั่งศาล

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อกำหนดวัดออกหมายเรียกให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง โดยจะยึดแนวคำวินิจฉัยของศาลเป็นหลัก ซึ่งศาลเชื่อว่ามีอาการอาพาธ แพทย์สั่งให้งดภารกิจ 15 วัน ดังนั้น เมื่อครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์ก็จะเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาทันที โดยเป็นการกำหนดวันนัดร่วมกับพนักงานอัยการ เนื่องจากการสอบสวนคดีพิเศษต้องมีอัยการร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย ล่าสุด ที่ประชุมมีมติกำหนดนัดให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 09.00 น. โดยวันพรุ่งนี้( 27 เม.ย.) ดีเอสไอจะส่งหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาใหม่ไปยังพระธัมมชโยทันที

 

'บิ๊กตู่'แจงเป็นเรื่องของกฎหมาย  

             พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ให้เขาดำเนินการไป แล้วไปดูกันอีกทีในรายละเอียด บางเรื่องได้มอบหมายใครไปแล้วคนนั้นก็ต้องดำเนินการ กฎหมายว่ายังไง ก็ว่าไปตามนั้นก่อน แล้วมาหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร

             “ผมไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น เดี๋ยวจะมีคนมาฉวยประโยชน์อีก ประท้วงรัฐบาลไปกันใหญ่ ศาสนาเข้าไปอีก คือมันมีคนแสวงประโยชน์ทุกวัน เพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดเยอะ ช่วงนี้ต้องพูดให้น้อยลง ผมไม่อยากไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งที่รุม แล้วผมต้องทำงานเยอะแยะที่รออยู่เนี่ย ก็เพื่อพวกเราทั้งนั้น”



วัดธรรมกายโชว์ภาพอาการป่วยเจ้าอาวาส

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่ส่วนสื่อสารองค์กร  วัดพระธรรมกาย  โดยพระสนิทวงศ์  วุฑฒิวังโส  ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรของวัดออกเอกสารชี้แจงยืนยันอาการป่วยของพระธัมมชโย  โดยอ้างป่วยหลายโรค  เป็นเหตุให้ต้องเลื่อนการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ  โดยตอนหนึ่งได้อ้างถึงใบรับรองแพทย์จากคลินิกที่มีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรับรองอาการป่วยถึง 4 คน ซึ่งลงความเห็นตรงกันให้พระธัมมชโยงดภารกิจ 15 วัน   แต่ปรากฏว่าเฟสบุคส่วนตัวของพระสนิทวงศ์ที่ใช้ชื่อว่า “Psanitwong  Wuttiwangso” วานนี้( 25 เม.ย.)  มีการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพเชิญชวนร่วมงาน “เชิญมาปลื้มกับ 97 รางวัล” ในวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ค.2559 ณ ห้องแก้วสารพัดนึก  สภาธรรมกายสากล  วัดพระธรรมกาย
      

ดีเอสไอจับกุมผู้นำเข้ารถยนต์เบนซ์'สมเด็จฯช่วง'

            พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่าตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณี การครอบครองรถเบนซ์จดประกอบของสมเด็จพระมหาระชมังคลาขารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อันมีเหตุสงสัยว่าอาจมีการนำเข้ามาในราชอาณาจักรหรืออาจเป็นการได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรืออาจเกี่ยวเนื่องและเกี่ยวพันกับกรณีขบวนการนำเข้ารถยนต์ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจดประกอบเป็นรถยนต์จากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 นั้น

            จากการสอบสวน ทราบว่า การนำเข้าโครงรถยนต์ โดย หจก.ซี.ที.ออโตพาร์ท และ การนำเข้าเครื่องยนต์ โดย บริษัท คาร์โก้ คาร์ จำกัด มีผู้นำเข้า คือ หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพร์ส โดยมี นายเกษมศักดิ์ หรือ “อ๊อด” ภวังคนันท์ เป็นเจ้าของหรือตัวการ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ ตามหมายจับศาลอาญาเมื่อวันที่ 8เมษายน 2559เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี

            และเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2559เวลาประมาณ 17.00น. ศูนย์สืบสวนและสะกดรอย กรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถจับกุม นายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ ได้บริเวณที่พักส่วนตัวย่านประชาชื่น จากนั้น นำตัวส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ พนักงานอัยการ ได้ร่วมกันแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาว่า “ร่วมกันลักลอบหนีศุลกากร,ซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใดๆซึ่งของหนีภาษีศุลกากร” อันเป็นความผิดตาม มาตรา 27, 27ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติศุลกากร จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนซึ่งจะได้ขยายผลการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป


พร้อมให้ประกันตัว

            ภายหลังการสอบปากคำนายเกษมศักดิ์  โดยพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายเกษมศักดิ์จากห้องสอบสวน   สำนักคดีภาษีอากร    มายังห้องควบคุมตัวอาคารดีเอสไอ เพื่อรอการนำตัวไปตรวจค้นห้องพักและเตรียมพิจารณาให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน

            พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง   อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า   จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับว่า    เป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์ประกอบรถคันดังกล่าวจริงและยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา   ถือว่าเป็นการให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีซึ่งพนักงานสอบสวนจะขยายผลการสอบสวนต่อเนื่อง   ทั้งนี้ตามเงื่อนไขหากให้เป็นประโยชน์พนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้ประกันตัว   ภายใต้เงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร    ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำและลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านพัก  ขณะที่นายชลัช  นิติฐิติวงศ์   ซึ่งเป็นผู้จดทะเบียนรถดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

..........................

 

(หมายเหตุ : แฟ้มภาพของพระธัมมชโยเมื่อปี 2558)