
ประยุทธ์ปลุกเยาวชนเลิกติดกับดักปชต.-ขัดแยัง
ประยุทธ์ปลุกเยาวชนอย่าเสียสมองสิ่งไม่ควรคิด สอนเลิกติดกับดักประชาธิปไตย-กับดักความขัดแย้ง แนะอ่านหนังสือมากๆอย่ารู้เพียงกระพี้
วันที่ 22 เม.ย. 2559 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นำคณะนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รุ่นที่ 1- รุ่นที่ 5 เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อรับโอวาท พร้อมนำเสนอนิทรรศการผลงานของนักเรียนทุนพระราชทานฯ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้โอวาทตอนหนึ่งว่า “ได้เห็นความสำเร็จ และความก้าวหน้า รู้สึกปลื้มใจ ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ ไม่ได้อยู่ที่การเจริญเติบโต แต่อยู่ที่จิตใจ ความรู้ อยู่ที่การพัฒนาคนให้คิดเป็น คิดแต่สิ่งที่ควรต้องคิด อย่าไปเสียสมองในเรื่องที่ไม่ควรคิด เราต้องทำอย่างเขา เอาเยี่ยงเอาอย่างในสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีอย่าไปเข้ามา สิ่งแรกที่ทุกคนจะพึ่งพอใจคือ จากการที่ได้รับเข้ามาเป็นนักเรียนทุน ถือเป็นบุญกุศล เพราะมีหลายคนไม่ได้ มีจำนวนจำกัด และได้รับการคัดเลือกเข้ามา
เราคาดหวังวันหน้ามุ่งสู่การพัฒนา พ้นประเทศที่ติดกับดักการมีรายได้ปานกลาง พ้นกำดักตัวเอง กำดักประชาธิปไตย กับดักทางความคิด กับดักความขัดแย้ง สิ่งเหล่านี้ต้องแก้ไขให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นที่ตนยังอยู่ ตนอยากฝากให้ทุกคนคิดว่า สิ่งแรกสิ่งที่ต้องนึกคือเราต้องเป็นบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศ ตามยุทศาสตร์ชาติที่วางไว้ เพื่อวางทายาทที่เกิดใหม่ในการปฏิรูปการศึกษาในปี 60 เป็นต้นไป
เราต้องคำนึงถึงโอกาส คนเราเกิดมาโอกาสไม่เท่ากัน ดังนั้น ต้องเรียนรู้ ขวนขวาย พยายามไปสู่ตรงนั้นให้ได้ เป็นคนดีของสังคม ทำงาน ดูแลพัฒนาประเทศชาติ ดูแลพ่อแม่ สร้างครอบครัวในอนาคต พัฒนาตัวเองไปตามกระบวนการต่างๆ ไม่ใช่เรียนจบแล้วไปสะเปะสะปะในทางอื่น จะเห็นได้ว่า วันนี้มีเด็กแว้น ตีกันทุกวัน อย่างนี้ไม่ได้ ต้องฝากไว้ด้วย วันนี้ประเทศไทยต้องมีแบบแผน ยุทธศาสตร์เดินหน้าประเทศ สร้างความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถ สิ่งสำคัญคือสร้างทรัพยากรมนุษย์ด้วยตัวเอง ให้สามารถกลับไปทำงานในภูมิลำเนา ในบ้านตัวเอง ทั้งข้าราชการ เอกชน ธุรกิจ การบริการต่างๆ พื้นที่จะได้มีความเข้มแข็ง ทำเมืองเล็กให้เป็นเมืองใหญ่ เป็นไปนโยบายที่รัฐบาลได้วางเอาไว้
นอกจากเพิ่มศักยภาพตัวเองแล้ว เราต้องไปเพิ่มศักยภาพคนอื่นด้วย ไปทำงานที่ไหนก็ตาม ในหรือต่างประเทศ ไปช่วยชาวบ้าน เราต้องกลับมาดูด้วยว่า เราได้อะไรกลับมาบ้าง ได้เห็นถึงความแตกต่างของประเทศ ประชาชน แล้วเราจะทำอะไร เพราะทุกคนคือส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศนี้ทั้งสิ้น เป็นพลังบริสุทธิ์ทำให้ประเทศชาติปลอดภัยในวันข้างหน้า ไม่ใช่เป็นพลังแห่งความขัดแย้ง หรือพลังนำไปสู่การแบ่งพวก แบ่งฝ่าย ในอนาคตจะต้องไม่เกิดขึ้นเป็นอันขาด อันตรายมากที่สุดสำหรับประเทศเราเวลานี้
สิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อถวายพระองค์ท่านด้วย เหมือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาขับเคลื่อน ซึ่งเราสามารถนำหลักการนี้มาใช้ได้ทั้งหมด เพียงแต่เราต้องเข้าใจคำนี้ให้ถูกต้อง ทุกอย่างที่ทุกพระองค์รับสั่งมา มีปรัชญาทั้งสิ้น ต้องแปลให้ถูก หากแปลผิดก็จะเป็นเรื่อง และจะทำผิดๆถูกๆกันไปเรื่อย บางอย่างเอามาปนกัน อย่างเรื่องการออม การประหยัด ซึ่งสมเด็จพระบรมฯได้ทรงถ่ายทอดมา ตนก็รับฟัง ที่ทรงพระราชทานเล่ามาตลอดชีวิตของผม ฟังแล้วคิดว่าต้องยังไง ไม่ใช่ว่าอ่าน ฟัง ท่อง สอบ จบ ไม่รู้ว่าไส้มันคืออะไร อย่ารู้เพียงกระพี้ หรือเปลือกนอก จะรู้อะไรต้องรู้ให้จริงๆ รู้ถึงแก่น อะไรที่ไม่รู้ก็พึ่งคนอื่น แลกเปลี่ยความรู้กัน คนเราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ตอนนี้ประเทศไทยปริญญาเอก 3 หมื่นกว่าคน ผมถามว่าประเทศไทยควรจะเจริญไหม ไม่ใช่ไม่เจริญ มีปัญหาอยู่ทุกอย่างในการขับเคลื่อน ในการแสดงความคิด ในกระบวนการสร้างสรรค์ต่างๆ มันหายไป ซึ่งมันต้องมาจากทุกท่าน
วันนี้ที่พระองค์ทรงเป็นห่วง ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องความมั่นคง ถ้าความมั่นคงไม่เกิด บ้านเมืองไม่สงบ อย่างอื่นเกิดไม่ได้เลย ความไว้วางใจสูญสิ้นไปในทางทันที ตนก็พยายามทำให้ทุกอย่างสงบเงียบ เรียบร้อย พยายามอย่างเต็มที่ มีการบังคับใช้กฎหมาย ประเทศทุกบ้านเมืองทำให้เกิดความเท่าเทียมด้วยกฎหมายฉบับเดียวกัน ทุกคนต้องเคารพกฎหมายอันเดียวกัน วันนี้กฎหมายที่ตนออกไป คือกฎหมายที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ไม่ใช่คนนี้ปฏิบัติได้ คนนี้ไม่ได้ คนนี้โดนจับ อีกคนไม่โดนจับ จับทั้งหมด ต้องเป็นอย่างนี้ ที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ก็เลยถูกบิดเบือน สร้างความไม่เข้าใจมาตลอด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเสียหายไปทั้งหมด
สังคมจะอยู่ได้ด้วยตัวเราและครอบครัว ถ้าสร้างสังคมแบบนี้ให้ปลอดภัย ชุมชนก็จะปลอดภัย ไปสู่อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน จังหวัด กลุ่มจังหวัด และภูมิภาค ทั้งหมดต้องโตไปพร้อมกัน จากนั้นค่อยมองประเทศรอบบ้าน เพื่อเชื่อมโยงอาเซียน ประชาคมโลก โดยเราต้องเพิ่มทักษะความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง เพราะตำราบางอย่างไม่ได้สอนไว้ และจะต้องมีเป้าหมายของชีวิตการพัฒนาตนเองในแต่ละ 5 ปี ซึ่งต้องดูสถานการณ์ต่างๆ ทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในประเทศ
ดังนั้นขอฝากให้สร้างกระบวนการความคิดแบบมีวิสัยทัศน์ยาวๆ ไม่ใช่เปิดแต่กูเกิ้ล ต้องขยันอ่านหนังสือมากๆ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยขาดอยู่ การเปิดกูเกิ้ลบางครั้งได้คำตอบ แต่ไม่ได้สาระความเป็นมา ถ้าไม่อ่านหนังสือจิตวิญญาณชีวิต ความเป็นมนุษย์จะหายไป การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะไม่มี ที่ตนเป็นคนพูดมากก็เพราะอ่านหนังสือเยอะ วันนี้ต้องเอา ประวัติศาสตร์กับปัจจุบันไปสู่อนาคต อันไหนที่มีการทะเลาะเบาะแว้งตีรังฟังแทงให้เลิก อย่าขุดคุ้ยขึ้นมาในวันนี้อีก
วันนี้ต้องทำให้ประเทศชาตินิ่งสนิทและเดินไปข้างหน้าตามขั้นตอนประชาธิปไตยที่เป็นสากล คำว่าสากล ไม่ใช่เลือกตั้งหรือการทำประชามติอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการรับฟังความคิดเห็น ความร่วมมือเผื่อแผ่แบ่งปันระหว่างกัน ไม่ใช่เอาทุกอย่างมาขัดแย้ง แล้วแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายอย่างที่ผ่านมา เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง และต้องเป็นประชาชนที่มีความรู้เพียงพอจะได้ไม่ถูกบิดเบือนอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นจะถูกชักพาไปอย่างอื่นหมด
ขอให้สำนึกว่าเราเกิดในแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีพระสยามเทวาธิราช มีศาลหลักเมือง มีสิ่งที่นับถือทุกศาสนา ต้องเอาสิ่งเหล่านี้มายึดมั่นอย่าทำความไม่ดี ต้องทำความดี ถ้ามีใครชักชวนไปทำสิ่งไม่ดีต้องหยุด ทุกคนต้องรู้หน้าที่ของตนเอง เพื่อเดินหน้าประเทศ ทั้งนี้ 2 ปีที่ตนยังอยู่ตามโรดแมป จะทำเรื่องการพัฒนาประเทศทั้งเรื่องน้ำ การพัฒนาเกษตรไว้ทั้งหมด จากนั้นอีก 5 ปี จนถึง 20 ปีจะอยู่ในแผนปฏิรูป และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งอย่างจะฝากทั้งผู้ใหญ่และเด็กช่วยกันติดตามเรื่องเหล่านี้เพราะตนคงไม่อยู่ดูแลยาวไปขนาดนั้น ขอให้พูดดี ทำดี คิดได้ คิดเป็น วันนี้รู้ปัญหาและสิ่งที่ต้องการแต่ไม่รู้วิธีการ ก็ตีกันอยู่แบบนี้
ภาคราชการมีหลายอย่างที่ต้องทำทั้งเรื่องแก้กฎหมายเรื่องต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องเรียนรู้ไม่อย่างนั้นก็ขัดแย้ง ไม่เสร็จเสียที 2 ปีที่ผ่านมาแก้กฎหมายไปจำนวนมาก เรื่องประมงเรื่องเดียว 90 กว่าฉบับ ที่มันเจริญช้าขอให้เข้าใจว่ามันต้องผ่านกระบวนการ และการที่เวิร์ดแบงก์จะมาพบตนวันนี้ ก็จะยืนยันความจริงใจในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง ทุกอย่างต้องใช้เวลา อยู่ที่ว่าทุกคนมีวินัยมีการเรียนรู้แค่ไหน”