
137วันหนุ่ม19โดนตร.อุ้มหายตัวปริศนา
137วันหนุ่ม19โดนตร.อุ้มหายตัวปริศนา : รายการ คม ชัด ลึก
จากกรณีชายฉกรรจ์ 4 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด จังหวัดฉะเชิงเทรา บุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 77/7 หมู่ 1 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จับกุมตัว นายณัฐพงค์ ศรีคะโชติ หรืออาร์ม อายุ 19 ปี ไปตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และรายละเอียดกับทางครอบครัว ก่อนที่นายณัฐพงค์จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งต่อมา นายเผชิญ ศรีคะโชติ บิดา นายณัฐพงค์ พร้อมญาติกว่า 20 คน ได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ขอให้ตรวจสอบให้ความเป็นธรรม เป็น 137 วัน ที่นายณัฐพงค์โดนตำรวจอุ้ม หายตัวปริศนา
เผชิญ ศรีคะโชติ บิดานายณัฐพงศ์ที่ถูกอุ้มตัวหายไป กล่าวว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 13.30 น. มีชายฉกรรจ์ 4 คน เข้ามาในบริเวณบ้าน แล้ว 1 คน ก็เข้าไปในบ้านแล้วก็ล็อกคอน้องอาร์มไปขึ้นรถกระบะ แล้วขับรถออกไป จำลักษณะของกลุ่มคนดังกล่าวได้ 1 คน ตัวท้วมใหญ่ ผมเกรียน มีหนวด และมีผู้เห็นเหตุการณ์จำได้ 3 คน
ก่อนที่กลุ่มคนดังกล่าวจะนำตัวน้องอาร์มไป คนในบ้านถาม เขาก็บอกว่า เป็นตำรวจ แล้วค่อยคุยกัน ก็ตามไปที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา
ต่อมา สภ.เมืองฉะเชิงเทรา นำรูปตำรวจสายสืบมาให้ชี้ตัวว่าเป็นใคร เมื่อเห็นก็จำ ด.ต.อัตชัย คล้ายวงษ์ ได้ก่อน ส่วนที่เหลือผู้ที่เห็นเหตุการณ์จำได้
เวลาไปไหนจะไปด้วยกันตลอด โดยเฉพาะไปแข่งเรือ ที่ผ่านมาก็พยายามตามหาลูก เมื่อมีข่าวว่ามีการพบศพที่ไหนก็จะไปดูว่าใช่ลูกหรือไม่
จำได้ว่า วันสุดท้ายที่ลูกถูกล็อกตัวไปนั้น สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงสามส่วน มีกระเป๋าข้าง นาฬิกา 1 เรือน กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ 1 เครื่อง
การเรียกร้องขอความเป็นธรรม ได้เดินทางไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดำรงธรรมฉะเชิงเทรา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจปราบปราม สำนักนายกรัฐมนตรี ดีเอสไอ
ในความรู้สึกส่วนตัวคิดว่า ลูกชายไม่อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ขอให้เจอศพ เพื่อจะได้นำมาบำเพ็ญกุศลทางศาสนา
พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เมื่อมีการสงสัยก็นำภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักให้ดู รวมทั้งตำรวจหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งผู้ที่เคยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ แล้วก็บังเอิญมาตรงกับที่ทางญาติผู้เสียหายจำได้
ขณะนี้ยังไม่มีเบาะแสน้องอาร์ม ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามอย่างยิ่งในการติดตามตัว แม้แต่ในวัดทุกอำเภอของจังหวัดก็ไปตรวจสอบ ไปสอบถาม อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าน้องอาร์มยังมีชีวิตอยู่
ล่าสุด ไปพบรถต้องสงสัยซึ่งเป็นรถของนายโชคทวี แต่ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ไม่พบหลักฐานเชื่อมโยง ไม่พบลายนิ้วมือแฝง ไม่พบเส้นผม ไม่พบดีเอ็นเอ
สำหรับทั้ง 4 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุ ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
จากการสอบสวน ทั้ง 4 คน ซึ่งเป็นตำรวจ 2 นาย พลเรือน 2 คน ต่างให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
ด้านตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวออกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ส่วนคดีก็ได้ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว แต่เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน จึงส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ดำเนินคดี
จากการตรวจสอบประวัติน้องอาร์ม ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่ทำงานเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้สั่งการให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของหน้าที่การงาน
นฤพัชร ศรีคะโชติ อาของนายณัฐพงศ์ที่ถูกอุ้มตัวหายไป กล่าวว่า หลังจากหลานถูกอุ้มตัวหายไป ติดต่อไม่ได้ ก็พยายามตามหาทุกทาง ไม่ว่าจะไปที่โรงพักต่างๆ โรงพยาบาล ตลอดจนบ้านเพื่อนของหลาน และสอบถามว่า มีเรื่องอะไรที่หลานปิดบัง หากทำอะไรผิดก็ขอให้บอก เพราะเรื่องราวเกิดขึ้นมาขนาดนี้แล้ว
นอกจากนี้ ยังไปที่มหาวิทยาลัยที่หลานเรียนอยู่ภาคค่ำ กลางวันทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง อาจารย์ก็เรียกเพื่อนๆ ของน้องมาให้คุย แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติทั้งเรื่องยาเสพติด และเรื่องทะเลาะวิวาท ที่ผ่านมาหลานเคยมีเรื่องโต้เถียงกับคนไม่ถูกกันที่ร้านกาแฟเท่านั้น
ช่วงนั้นก็ต้องไปติดต่อขอดร็อปให้หลาน ด้วยหวังว่าหลานจะได้กลับมาเรียนอีก
เหตุผลที่ต้องร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพราะเกรงว่าตำรวจในพื้นที่จะมีการช่วยเหลือตำรวจด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อให้มีการนำตัวหลานมาส่งคืน หากมีความผิดเรื่องอะไรก็มาว่ากันไปตามกฎหมาย