
คสช.ยันดูแลวัฒนาอย่างดีที่ค่ายสุรสีห์
คสช.ยันดูแลวัฒนาอย่างดีที่ค่ายสุรสีห์ กล่อมให้ร่วมมืออย่าฝ่าฝืนประกาศอีก จ่อดำเนินคดีถ้าพูดไม่ฟัง เผยพูดคุยกับลูกสาววัฒนาเข้าใจดี เตรียมไปเยี่ยมพ่อ
19 เม.ย. 5แหล่งข่าวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้เชิญน.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาวนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมครอบครัว เข้ามารับฟังการอธิบายถึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ต้องเชิญตัวนายวัฒนาเข้ามาพูดคุยที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยได้มีการอธิบายตั้งแต่ข้อกฎหมายที่นายวัฒนาได้ทำผิดเงื่อนไข พร้อมกับเปิดโอกาสให้บุตรสาวและครอบครัวได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทุกข้อสงสัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆมาพูดคุย พร้อมทั้งได้นำบันทึกที่นายวัฒนาได้ลงนามมาให้ดูจนเป็นที่เข้าใจ โดยทางบุตรสาวของนายวัฒนาได้สอบถามว่าได้นำตัวนายวัฒนาไปควบคุมอยู่ที่ใด ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าได้นำตัวไปควบคุมที่กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้บุตรสาวและครอบครัว โดยจะจัดยานพาหนะให้เดินทางไปพบนายวัฒนา แต่บุตรสาวและครอบครัวได้ปฏิเสธ พร้อมกับแจ้งว่าวันนี้เย็นแล้ว แต่จะเดินทางไปพบนายวัฒนาเองในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ทั้งนี้ได้ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 20 นาที ก่อนที่บุตรสาวและครอบครัวของนายวัฒนาจะเดินทางกลับไป
แหล่งข่าวจากคสช. กล่าวต่อว่า สำหรับสถานที่ควบคุมตัวนายวัฒนานั้นคือค่ายสุรสีห์ พล.ร. 9 จ.กาญจนบุรี โดยมีการจัดพื้นที่อำนวยความสะดวกให้ในส่วนของอาคารแยกออกจากหน่วยทหาร เป็นห้องแอร์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะดูแลอย่างดี ซึ่งนายวัฒนา ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องพักรับรอง ไม่ค่อยออกมาเดินภายนอก โดยทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารพยายามเจรจาให้นายวัฒนาร่วมมือ ไม่เช่นนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารจำเป็นต้องยื่นฟ้องร้องทางคดีเนื่องจากฝ่าฝืนและขัดประกาศคสช. อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ที่ทราบว่านายวัฒนาจะถูกคุมตัวกี่วัน เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความร่วมมือของนายวัฒนา แต่คาดว่าไม่เกิน 7 วัน
ปล่อยตัว5แกนนำเสื้อขาวแล้ว-ไม่ดำเนินคดี
จากกรณีที่มีการนัดรวมตัวกันใส่เสื้อขาวบริเวณสกายวอค์อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่าของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว นายวัฒนา ซึ่งการชุมนุมเรียกร้องเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 เมษายน ก่อนที่เวลาต่อมา แกนนำ 5 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา อายุ 31 ปี นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อายุ 24 ปี นายณัฐภัทร อัคฮาดนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ และ นางพะเยาว์ อัคฮาด ถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พญาไท จากนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่ทหารคุมตัวไปต่อในค่ายทหาร
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 5 คนนั้น ได้รับการปล่อยตัวออกจากค่ายทหาร กองพันทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ โดยที่ไม่มีการเอาผิด หรือดำเนินคดีแต่อย่างใด
กมธ.ด้านการเมือง สปท.เห็นต่างใช้รธน.
นายเสรี สุวรรณภานนท์ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่าได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านประชามติ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังตอบอะไรชัดเจนไม่ได้ ที่ประชุมจึงยังไม่มีมติอะไรออกมา เพราะเห็นว่ายังมีเวลาอีกมาก จึงได้ให้กรรมาธิการฯแต่ละคนสามารถเสนอความเห็นได้ โดยไปรับฟังความคิดเห็นให้รอบคอบ แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้ง
นายเสรี กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยให้เอารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี2557มาปรับ แล้วให้มีการเลือกตั้ง และเห็นด้วยที่ให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) แต่ยังไม่ได้เป็นมติ นอกจากนั้นในที่ประชุมยังมีการเสนอให้นำรัฐธรรมนูญปี50มาปรับใช้ เพราะเคยผ่านประชามติมาแล้ว แต่ตนก็อธิบายว่า ถ้าเอารัฐธรรมนูญ ปี50มาก็ต้องเอามาทั้งฉบับ และไม่มีกลไกการแก้ปัญหาประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ปรับยาก เพราะในรัฐธรรมฉบับชั่วคราวปี57เขียนหลักการสำคัญเอาไว้แล้ว และในมาตรา35กำหนดเรื่องกลไกการปฏิรูปและการแก้ปัญหาประเทศ จึงเห็นว่าควรเอารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว57เป็นหลัก เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งแบบใดแบบหนึ่งหากร่างรัฐธรรมไม่ผ่าน โดยการเลือกตั้งจากการปรับแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้ดำเนินการไปตามโรดแม็ปของรัฐบาล
“เป็นแนวคิดที่เราควรเสนอไง้แต่เนิ่นๆ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ซึ่งนายสมพงษ์ สระกวี กมธ.ฯ ก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ กมธ.ด้านการเมืองควรต้องคิดไว้จะปล่อยไม่ได้ เพราะตอนนี้สังคมมีข้อเสนอหลายเรื่อง เราก็ต้องตัดสินว่าควรเสนอในเรื่องไหน”นายเสรี กล่าว
‘บิ๊กป๊อก’เผยยังไม่ได้รับรายงานบุคลลอ้างคสช.หาผลประโยชน์
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุมีการแอบอ้างคณะรักษาความสงงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแสวงหาประโยชน์และหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ต่างๆว่า ขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทยยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว แต่ถ้าตอบโดยหลักการแล้ว เมื่อพบว่ามีการแอบอ้าง ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ยืนยันว่าคสช.ไม่ใช้อำนาจไปหาผลประโยชน์กับใครโดยเด็ดขาด หากใครทำ ต้องถูกดำเนินคดีไม่ว่าการแอบอ้างรับผลประโยชน์อะไรใดๆ ทั้งสิ้น และหากใครทราบเบาะแสหรือพบเห็นสามารถแจ้งข้อมูลต่อศูนย์ดำรงธรรมและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุกกรณี
ทั้งนี้พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงรายชื่อข้าราชการทุจริตล็อต 3 ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่มีกรณีทุจริตการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชและการจัดซื้อปุ๋ยว่า ตามกฎหมายแล้ว หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลมา ก็ต้องสั่งพักการทำงานและลงโทษตามกฎหมายทั้งเรื่องวินัยและอาญา แต่หากต้องตั้งกรรมการสอบ ก็ต้องดำเนินการไปตามมาตรฐาน เพื่อไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหามาร้องเรียนได้ในอนาคต ซึ่งจะต้องทำตามกฎหมายทุกอย่าง ผิดก็ว่าไปตามผิด อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการใช้คำสั่งมาตรา 44 ที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้งมีเรื่องการจัดซื้อปุ๋ยและยาปรับศัตรูพืชเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ส่วนความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวนั้นต้องถามผู้ตรวจสอบ เพราะตนไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไร และคงไม่ไปเร่งกรรมการสอบสวนให้ดำเนินเรื่องโดยเร็ว เนื่องจากต้องทำตามขั้นตอน
นอกจากนี้พล.อ.อนุพงษ์ ยังได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองในจังหวัดต่างๆว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หากพูดโดยหลักการแล้ว เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) การทำประชามติเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วน คสช. เป็นเพียงผู้ดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ให้ใครปลุกปั่นหรือก่อความไม่สงบเรียบร้อย หากใครปลุกปั่น ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ โดยรัฐบาลไม่มีความต้องการเช่นนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้ดูแลเรื่องความเคลื่อนไหวตามปกติอยู่แล้ว เช่น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ให้อยู่ในขอบเขตเพื่อให้ประชาชนอยู่อย่างเรียบร้อย ผ่านหรือไม่ผ่าน คนละเรื่องกัน แต่จะมาปลุกปั่นไม่ได้