ข่าว

‘แอมเพอร์แซนด์’ไอศกรีม‘ไอเดียเก๋-เมนูแปลก’

‘แอมเพอร์แซนด์’ไอศกรีม‘ไอเดียเก๋-เมนูแปลก’

19 เม.ย. 2559

‘แอมเพอร์แซนด์’ไอศกรีม‘ไอเดียเก๋-เมนูแปลก’ : คมคิดธุรกิจนิวเจน ปทุม กลิ่นหอม :เรื่อง อนันต์ จันทรสูตร์ :ภาพ

            เข้าเดือนเมษายนที่มาพร้อมกับอากาศร้อน ซึ่งมักจะได้ยินคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ร้อนมาก...ร้อนตับแลบ” ก็ไม่รู้ว่าจะแลบออกมาจริงหรือเปล่า แต่ที่จริงแท้แน่นอนคือ อากาศร้อนๆ แบบนี้ หากได้รับประทานไอศกรีมก็คงฟิน ตามภาษาวัยรุ่นที่แผลงมาจากคำว่า ฟินาเล (finale) ซึ่งแปลว่าช่วงสุดท้ายของการแสดง ที่มักจะเป็นช่วงที่ดีที่สุด

            ร้านไอศกรีมบ้านเรามีหลายแบบ แต่ที่นำเสนอครั้งนี้ เป็นร้านไอศกรีมโฮมเมด เจลาโต้ สไตล์อิตาลี ชื่อ Ampersand (แอมเพอร์แซนด์) โดยมี “ยิ้ม” ศศิวิมล เพ็ชรน้ำสิน เป็นเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นคนคิดสูตรและลงมือทำเอง โดยประยุกต์จากวัตถุดิบที่นำมาผสมผสานให้เกิดความแปลกใหม่

            “ยิ้ม” ศศิวิมล เป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านการบริหารธุรกิจ พ่วงด้วยดีกรีปริญญาโทจาก โฮล์ท อินเตอร์เนชั่นแนล บิซิเนส สคูล โดยเรียนที่บอสตันและเซี่ยงไฮ้ ลงเอยเรื่องอาชีพของตัวเองด้วยการเปิดร้านไอศกรีม ก็เนื่องมาจากความสุขในการได้รับประทานไอศกรีมในรสที่โปรดปราน โดยนำความรู้จากการศึกษาและประสบการณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงเมื่อครั้งที่เคยเข้าร่วมการฝึกงานรูปแบบพิเศษ ได้เรียนรู้กลยุทธ์ความสำเร็จจากผู้บริหารสิงห์ ความรู้จากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา และสัมผัสประสบการณ์ทำงานจริงกับ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และบริษัทในเครือ ใน โครงการสิงห์ บิซ คอร์ส มาใช้ในการทำร้านด้วย

            “ยิ้มเข้าโครงการสิงห์ บิซ คอร์ส เป็นรุ่นแรก ซึ่งเป็น 1 ใน 40 คนสุดท้าย ที่ผ่านการคัดเลือกจากที่สมัครเข้าไปในปีนั้นทั้งหมด 5,000 คน ตอนนั้นได้ฝึกเหมือนทำงานจริง มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำ ถ้าเพิ่งจบยังไม่มีประสบการณ์ ในแง่ปฏิบัติต้องทำอย่างไร ซึ่งรายละเอียดบางอย่างก็นำมาใช้ในการทำร้าน อีกอย่างที่รู้สึกดีมากคือได้เพื่อนต่างสถาบัน ทุกวันนี้ก็ยังสนิทกัน แวะมารับประทานไอศกรีมเป็นประจำ รวมถึงผู้บริหารสิงห์ เช่น พี่ “ต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ที่ทุกวันนี้มีอะไรก็ยังปรึกษาได้ตลอด”

            ในส่วนของร้านไอศกรีมนั้น น้องยิ้มเล่าว่า เปิดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว เริ่มจากการชอบรับประทานไอศกรีม ชอบรสเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหาแบบที่ถูกใจยากขึ้น จึงตัดสินใจเปิดร้านทำขึ้นเอง โดยหลังจากจบปริญญาโท ได้ไปเรียนทำไอศกรีมต่อ เรียนทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์ และอิตาลี เพราะต้องการทำไอศกรีมในรสชาติที่ถูกใจมากที่สุด ซึ่งเลือกได้ว่าจะมีความเข้มข้น ความหวานมากน้อยแค่ไหน ก่อนเปิดร้านก็ทำแจกกว่า 1,000 ถ้วย ให้เพื่อนๆ และคนทั่วไปช่วยชิม ก่อนฟันธงว่ารสไหนโดนใจที่สุด และเลือกมาวางจำหน่าย

            ความโดดเด่นของไอศกรีมแอมเพอร์แซนด์ คือการมี “รสชาติจากทั่วโลก” การใช้วัตถุดิบระดับพรีเมียม ไม่ใส่สีและสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์ จึงเป็นไอศกรีมที่มีความเป็นธรรมชาติ ส่วนรสช็อกโกแลตและชาเขียวมัทฉะ ก็จะหาเกรดที่ดีที่สุดมาทำเพื่อความเข้มข้นที่สุด อีกจุดเด่นคือ รสชาติไม่หวานมาก และมีไขมันน้อย จึงส่งผลดีต่อสุขภาพ

            ด้วยความชอบเปลี่ยนรสชาติในการรับประทานไปเรื่อยๆ จึงทำรสใหม่ขึ้นมารับประทานเองอยู่ตลอด และส่งผลให้ทุกเดือน ที่ร้านจะมี “รสชาติพิเศษตามเทศกาล” อย่างเดือนที่แล้วมีวันชาติกรีก จึงทำไอศกรีมที่ใช้ชีสของประเทศกรีกและน้ำผึ้งมานำเสนอ การทำแบบนี้ ลูกค้าจะไม่รู้สึกจำเจ โดยทุกสูตรมาจากการศึกษาว่าประเทศนั้นๆ มีอะไร รวมถึงประสบการณ์ที่เคยพบเห็น และการพูดคุยกับเพื่อนๆ สมัยเรียนบอสตัน เซี่ยงไฮ้ ตลอดจนการได้ชิมอาหารประจำชาติของเพื่อนๆ จึงได้ลิ้มรสชาติที่แปลกใหม่ และเกิดความคิดอยากนำมาให้คนไทยได้รับประทานบ้าง

            “บางครั้งลูกค้าก็นำวัตถุดิบมาให้ลองทำด้วย เพราะที่ร้านมีครัวอยู่ เช่น ฤดูใบไม้ผลิ มีผลไม้ชิลี ถั่วพีแคน และน้ำมันรำข้าว นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ นำแหนม กุนเชียง และแกงพะแนง มาให้ลองทำ ก็สนุกสนานกันไปค่ะ”

            แรกเริ่มทางร้านมีเพียง 14 รส เคยทำมาแล้วถึง 50 รส และเมื่อทำรสพิเศษประจำเดือนขึ้นมา ก็มีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าให้เอามาวางประจำ เช่นปีที่แล้ว วันชาติออสเตรเลีย ทางร้านทำแมคคาเดเมีย ลูกค้าก็ชอบมาก จนล่าสุดนำมาทำรวมอยู่ใน 20 รสหมุนเวียน สำหรับรสขายดีคือ ดาร์ก ช็อกโกแลต, สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก, ยูสุซอร์เบท์ ส่วนรสแปลกๆ มี เมเปิ้ลไซรัป แคนดี้ เบคอน, สควิด อิงค์ (ดีปลาหมึก), พิซซ่า ซอร์เบท์ เป็นต้น โดยร้านมีไอศกรีมให้ลูกค้าเลือกชิมก่อน ส่วนใหญ่ชิมแล้วชอบ และมี 3 แบบให้เลือกคือ ถ้วยขนาดเอส ใส่ได้ 2 รส ราคา 89 บาท, ถ้วยขนาดแอล ใส่ได้ 3 รส ปริมาณเพิ่มขึ้น ราคา 159 บาท และแบบโคน ราคา 99 บาท

            เจ้าของร้านไอศกรีมแอมเพอร์แซนด์ กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่เปิดร้านก็มีเสียงตอบรับที่ดี ปัจจุบันมี 2 สาขา สำหรับสาขาแรกอยู่ที่สุขุมวิท ซอย 39 วันจันทร์ถึงศุกร์ เปิดเวลา 12.00-22.00 น. วันเสาร์และอาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-22.00 น. ส่วนสาขาที่ 2 อยู่ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เปิด-ปิดตามเวลาห้าง มีลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ เป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบความแปลกและรสชาติใหม่ๆ โดยเสียงสะท้อนในภาพรวมคือ ชอบในรสชาติที่คิดค้นขึ้นมา และมองว่าเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพระดับหนึ่ง เนื่องจากมีน้ำตาลน้อยและไขมันน้อยตามสไตล์เจลาโต้

            นอกจากนี้ ร้านยังรับทำไอศกรีมเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส เป็นไอศกรีมรสพิเศษ ไม่มีเพดานของงบประมาณ ลูกค้าจ้างมากี่บาท ทางร้านทำให้หมด โดยเน้นคุณภาพและรสชาติที่ไม่จำเจ เมื่อลูกค้ามีความสุข ทางเราก็จะมีความสุขไปด้วย โดยติดต่อและดูรายละเอียดได้ทางเฟซบุ๊ก theampersandboutique อินสตาแกรม ampersand_boutique และเว็บไซต์ www.ampersandgelato.com

            ยิ้ม เผยถึงความสำเร็จที่ตามมาหลังจากเปิดร้านว่า ตอนนี้มีคนไทยและต่างชาติมาติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ไม่ต่ำกว่า 10 ราย แต่ส่วนตัวคิดว่าแอมเพอร์แซนด์ยังเปรียบเสมือนเป็นเด็กอยู่ ระบบต่างๆ ยังไม่พร้อม อีกทั้งเพิ่งเปิดได้แค่ 2 ปี อยากพัฒนาให้แข็งแกร่งกว่านี้ ทำให้ดีที่สุดแล้วค่อยขยายปีกออกไป

            “เราวางแผนเอาไว้ว่า นอกจากการนำรสไอศกรีมของต่างชาติมาให้คนไทยได้รับประทานแล้ว จะนำรสชาติแบบไทยๆ ไปให้คนต่างชาติได้รับประทานด้วย เช่น รสข้าวเหนียวมะม่วง รสกะทิอบควันเทียน รสอัญชัน-มะนาว อยากให้ต่างชาติได้รู้ว่า เมืองไทยก็มีไอศกรีมรสอร่อยๆ จากธรรมชาติ มะม่วงก็เป็นมะม่วงจริงๆ ไม่ใช่แบบสังเคราะห์” ยิ้ม กล่าวปิดบทสนทนา พร้อมเชิญชวนให้ไปลิ้มรสชาติพิเศษประจำเดือนเมษายน นั่นคือ “รสข้าวเหนียวมะม่วง” ที่สั่งตรงจากสวนเอามาทำกันแบบสดๆ

            อากาศร้อนๆ แบบนี้ ลองแวะไปสัมผัสความเย็น และพิสูจน์กันได้ว่า ฝีมือการทำไอศกรีมของคนไทย อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงหรือไม่