ข่าว

ร่อนหนังสือร้อง‘นายกฯ’5กกต.ยกทีมทัวร์นอกผลาญงบ5ล.

ร่อนหนังสือร้อง‘นายกฯ’5กกต.ยกทีมทัวร์นอกผลาญงบ5ล.

18 เม.ย. 2559

พนักงาน กกต. ร่อนหนังสือร้อง "นายกฯ" เหตุ "5กกต." ยกทีมทัวร์นอก ผลาญงบ 5 ล้านบาทต่อครั้ง อ้างดูงานเลือกตั้ง

 
          วันที่ 18 เม.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่หนังสือร้องเรียนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ระบุถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งอ้างว่าเป็นพนักงานกกต. ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ในหมู่นักการเมือง ผู้บริหารสำนักงานกกต. ข้าราชการหน่วยงานอื่น รวมถึงผู้สื่อข่าว โดยมีใจความสำคัญระบุว่า ตามที่ท่านเคยมีคำสั่ง ห้ามข้าราชการไปดูงานต่างประเทศเพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินนั้น คณะกรรมการ กกต. ตีความแล้วบอกว่า ท่านห้ามเฉพาะข้าราชการ แต่ กกต. ไม่ใช่ราชการ ฉะนั้นจึงไปได้ และจากนั้นมา คณะกรรมการ กกต. ไปดูงาน ต่างประเทศกันเป็นว่าเล่น โดยอาศัยดูงาน  1วันและเที่ยว 5-8 วัน โดยขนทีมที่ปรึกษาไปเกือบทั้งหมดทุกครั้ง เสียค่างงบประมาณ ครั้งละ 2-5 ล้านทุกครั้ง
 
          หนังสือร้องเรียนระบุต่อว่า และช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ กกต. ต้องมีบทบาทอย่างยิ่งในการปฏิรูปประเทศ ต้องเตรียมจัดทำประชามติ ต้องเตรียมความพร้อมของการลงคะแนน แต่คณะกรรมการ กกต. ทั้ง 5 คน กลับไม่สนใจ แต่สนใจที่จะพา นักศึกษา พตส. ไปดูงานต่างประเทศ โดยแบ่งเป็น 4 ประเทศ คือ อเมริกา ออสเตรีย สก็อตแลนด์ และเกาหลี และแต่ละท่านก็อยากไปทุกประเทศ จึงจัดให้มีเหลื่อมวันไป เพื่อที่ตัวเองจะได้ไปให้มากที่สุด โดยอ้างว่าจะไปดูการเลือกตั้ง แต่กำหนดการ คือ ดูเลือกตั้ง 1 วัน อีก 8-10 วันที่เหลือเที่ยว
 
          หนังสือร้องเรียนระบุด้วยว่า นอกจากนี้ กกต. ชุดนี้ ยังจัดสรรงบประมาณ การดูงานของนักศึกษา จากเดิมหัวละ 50,000 บาท ก็เพิ่มให้เป็นหัวละ 70,000 บาท ทั้งๆ ที่นักศึกษา กลุ่มนี้มีอันจะกินกันทุกคน และงบประมาณนี้ก็เป็นงบประมาณแผ่นดินทั้งสิ้น และช่วงนี้การเงินของ กกต. ก็ฝืดเคือง แต่คณะกรรมการ กกต. ก็คิดที่จะตัดเงินที่พึงจะได้ของพนักงานออก และเอาไปเพิ่มให้นักศึกษากลุ่มนี้
 
          “สำหรับคณะกรรมการกลุ่มนี้ นอกจากจะเบิกค่าเดินทางค่าอาหารและที่พักตามสิทธิแล้ว ยังเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงตามสิทธิอีกด้วย ทั้งๆ ที่ทัวร์คิดรวมหมดแล้ว ไม่ต้องมีเบี้ยเลี้ยง แต่ก็ยังเบิกกันเต็มที่ และสำหรับค่าทัวร์ เช่น เกาหลี ปกติ ค่าทัวร์ 5-7 วันประมาณ 30,000-40,000บาท แต่ทัวร์ของ  กกต. ชุดนี้ 70,000 บาท และเมื่อเทียบกับทัวร์อื่นแล้ว ไม่แตกต่างกัน นั่นคือ มีการกินหัวคิวค่าทัวร์ ส่วนทัวร์ประเทศอื่น ก็มีเก็บเงินเพิ่ม แต่มากน้อย เช่น ออสเตรีย เพิ่ม 2,000 บาท จริงๆแล้วอ่านตามหนังสือพิมพ์ ค่าทัวร์ 8 วัน 60,000-70,000 บาทก็พอ แต่ก็ทำเป็นเก็บเงิน เพื่อให้มีเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง”หนังสือร้องเรียน ระบุ 
 
          หนังสือร้องเรียน ยังระบุด้วยว่า สำหรับประธาน กกต. ไปอเมริกา และจัดทริปไปเยี่ยมลูกของตัวเองด้วย ทำไมไม่ไปเอง ต้องเอาเงินงบประมาณไปเยี่ยม คนระดับนี้ ทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ อะไรก็ไม่สำคัญเท่า การละทิ้งหน้าที่ อันสำคัญ ที่ควรจะเดินสายไปจังหวัดต่างๆ เพื่อเตรียมการลงประชามติ แต่กลับแย่งกันไปต่างประเทศ พนักงาน กกต. ก็ได้แค่ทำตามคำสั่ง ไม่สามารถออกเสียงอะไรได้ เพราะถ้าใครไม่เชื่อก็จะถูกรังแก เหมือนเลขาธิการ กกต. ที่ถูกปลดออกไป 
 
          ทั้งนี้หนังสือร้องเรียนดังกล่าวยังระบุทิ้งท้ายว่า “ถ้าเขาอยากไปเที่ยว ก็ให้ไปเถอะ ขอคณะกรรมการชุดใหม่ มาทำหน้าที่ แทนได้ไหมคะ”
 
          ทั้งนี้ เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มที่อ้างตัวเป็นพนักงานกกต.ลักษณะเดียวกันนี้ ก็ได้มีการทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อกกต.กรณีมีแนวคิดจะตัดเงินค่าตอบแทนต่างๆของพนักงาน เพื่อแก้ไขปัญหางบประมาณสำนักงานไม่เพียงพอพร้อมมีการตั้งคำถามต่อผู้บริหารกกต.ว่าจะยอมเสียสละค่าตอบแทนก่อนเพื่อไม่ให้กระทบพนักงานหรือไม่ มาแล้วครั้งหนึ่ง และการเผยแพร่ก็กระทำในทำนองเดียวกัน ทำให้มีการวิเคราะห์กันในหมู่ผู้บริหารกกต.ว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะมาจากพนักงานกลุ่มอำนาจเก่าที่ได้รับผลกระทบจากการที่ กกต.ปลด นายภุชงค์ นุตราวงศ์ ออกจากการเป็นเลขาธิการกกต.เพราะข้อมูลที่ถูกเขียนเป็นหนังสือร้องเรียนทั้งสองครั้งนั้น ไม่ใช่ข้อมูลที่พนักงาน กกต.ทั่วไปจะทราบ นอกจากนี้ยังเห็นว่าลักษณะการเผยแพร่ข้อมูลมีการเชื่อมกับผู้มีอำนาจภายนอกองค์กรโดยมุ่งหวังให้มีการเปลี่ยนกกต.ยกชุด เพื่อที่ต้องการวางฐานใหม่ในองค์กรกกต.
 
          ขณะเดียวกันโดยข้อเท็จจริงการไปศึกษาดูงานต่างประเทศของ กกต.ร่วมกับนักศึกษา พตส. ในครั้งนี้
 
          ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงานกกต.ถึงความเหมาะสมค่อนข้างมากเนื่องจากเป็นช่วงที่กกต.ต้องรับผิดชอบการจัดออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแต่กกต.กลับติดภารกิจไปต่างประเทศโดยตามกำหนดการระหว่างวันที่ 8-15เม.ย. นายประวิช รัตนเพียร และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ เดินทางไปดูงานที่ประเทศเกาหลี แต่นายประวิชได้ยกเลิกเพราะต้องการไปร่วมประชุมระหว่าง กกต.กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา   
 
          และในวันที่ 19-26 เม.ย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.จะเดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ก็จะเดินทางไปดูงานประเทศออสเตรียโดยจะออกเดินทางวันที่ 18 เม.ย. ส่วนนายบุญส่ง จะเดินทางไปดูงานที่ประเทศสก็อตแลนด์ในเดือนพ.ค. นี้ จึงทำให้เกรงว่าจะกระทบต่อการเตรียมงานจัดการออกเสียง 
 
          นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์นี้ที่คาดการณ์ว่าร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะมีผลใช้บังคับ และกกต.จะต้องมีการประชุมพิจารณาเพื่อออกระเบียบสำคัญอย่างน้อย 4 ฉบับรองรับ ประกอบด้วย 1.ระเบียบว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2.ระเบียบการพิจารณาการคัดค้านฯ 3.ระเบียบการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และการจัดสรรเวลาออกอากาศ 4.ระเบียบการใช้จ่ายเงินในการออกเสียงฯ
 
          “ดังนั้น การไปต่างประเทศของกกต.อาจมีผลกระทบให้การออกระเบียบต่างๆล่าช้าไป หรือกรณีมีปัญหาร้องเรียนจากการรณรงค์ที่อาจเกิดขึ้นแล้วต้องการให้กกต.วินิจฉัยโดยเร็วว่าทำได้หรือไม่ เนื่องจาก กกต.จะมีปัญหาองค์ประชุม เพราะแม้มาตรา 8 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะกำหนดว่า องค์ประชุมต้องไม่น้อยกว่า3คน แต่บทบัญญัติหลักก็กำหนดให้ 3 ใน 4 ของกรรมการเท่าที่มีอยู่เป็นองค์ประชุมซึ่งที่ผ่านมา กกต.ตีความว่าต้อง 4 คนจึงเป็นองค์ประชุม อีกทั้งกรณีเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในทางปฎิบัติที่ผ่านมา กกต.จะยึดว่าต้องอยู่ครบ 5 คนจึงพิจารณาวินิจฉัยได้ด้วย”