
อดีตหลอนของเคโกะ ฟูจิโมริ
อดีตหลอนของเคโกะ ฟูจิโมริ : เปิดโลกวันอาทิตย์ โดยบุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์
น่าแปลกท่ามกลางอากาศร้อนจนตับแทบแตกนี้ ผู้นำหญิงในหลายประเทศเกิดมีอันดวงตกพร้อมๆ กันจนอาจถูกกระชากหัวโขนทิ้ง อย่างประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ แห่งแดนแซมบ้าบราซิล ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะลูกผีลูกคนรอผลการลงมติของสภาผู้แทนฯ ในวันอาทิตย์นี้ว่า จะถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งหรือไม่ ในข้อหาตกแต่งงบประมาณแผ่นดินให้ดูดีขึ้น โดยมีตัวเลขการขาดดุลงบประมาณน้อยกว่าความเป็นจริงจนชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ขณะที่ นางคริสตีนา เคียร์ชเนอร์ ซึ่งเพิ่งถอดหัวโขนประธานาธิบดีหญิงแห่งแดนฟ้าขาวอาร์เจนตินาได้แค่ 4 เดือน ก็ถูกทวงแค้น เมื่อรัฐบาลใหม่เรียกตัวมาสอบกรณีมีชื่ออยู่ในเอกสารลับปานามา ต้องสงสัยว่าอาจทำผิดกฎหมายฟอกเงินหรือหลบเลี่ยงภาษี ด้านประธานาธิบดีปัก กึน เฮ แห่งแดนโสมขาวเกาหลีใต้ ก็คงนั่งกุมขมับ เมื่อพรรคแซนูรี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เกิดพลิกล็อกครั้งมโหฬารพ่ายการเลือกตั้งทั่วไปอย่างฉิวเฉียดจากที่มีการหย่อนบัตรเลือกตั้งเมื่อวันสงกรานต์พอดี ทำให้พรรคฝ่ายค้านได้ครองเสียงข้างมากในรอบ 16 ปี บ่งบอกว่า ต่อแต่นี้ไปการบริหารงานของเธอคงไม่ราบรื่นมากนักก่อนจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในอีก 20 เดือนข้างหน้า
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่โลกกำลังจับตามองชนิดแทบไม่คลาดสายตาก็คือ น.ส.เคโกะ ฟูจิโมริ บุตรสาวคนโตของอดีตประธานาธิบดีอัลแบร์โต ฟูจิโมริแห่งเปรู และหัวหน้าพรรคกองกำลังประชานิยม วัย 40 ปี ในฐานะที่เธออาจจะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของแดนดินถิ่นอารยธรรมโบราณของอินคา เมื่อเธอได้คะแนนสูงสุด 39.6 เปอร์เซ็นต์ ในการออกเสียงรอบแรกเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากได้คะแนนสนับสนุนไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องมีการเลือกตั้งรอบ 2 อันเป็นรอบตัดสินในวันที่ 5 มิถุนายนนี้
โดยคู่ท้าชิงคนสำคัญคือ เปโดร คุกซินสกี อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีคลัง และอดีตนักค้าหุ้นตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีท วัย 77 ปี ซึ่งได้คะแนน 21.5 เปอร์เซ็นต์ หรือห่างจากเคอิโกะถึงกว่าสิบจุด
ถึงแม้นักวิชาการส่วนหนึ่งจะให้ความเห็นในเชิงเชื่อมั่นว่า เคโกะคงจะชนะเลือกตั้งรอบสองอย่างสบายๆ เพราะไม่เคยมีประวัติมาก่อนว่าคนที่ได้คะแนนตามมาเป็นที่ 2 จะสามารถพลิกล็อกกลับมาชนะในรอบตัดสินได้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์อีกกลุ่มหนึ่งแย้งว่า ตราบใดที่เธอไม่สามารถสลัดภาพหลอนในอดีตให้พ้นไปจากใจชาวเปรูได้ เคโกะก็อาจอกหักซ้ำสองเหมือนคราวที่เคยอกหักครั้งแรกเมื่อปราชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกอย่างฉิวเฉียดเมื่อกลางปี 2554 ทำให้ โอยันตา อูมาลา อดีตนายทหารหัวเอียงซ้ายได้เป็นประธานาธิบดี
อดีตหลอนของเคโกะ ฟูจิโมริ จนทำให้พ่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรก ทั้งๆ ที่เคยชนะเลือกตั้ง ส.ส.ถึง 2 สมัยซ้อน ด้วยคะแนนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก็คือ ในฐานะลูกสาวคนโตของอดีตประธานาธิบดีอัลแบร์โต ฟูจิโมริ เธอไม่เคยแสดงท่าทีให้เห็นชัดเจนว่าจะอภัยโทษให้แก่ผู้เป็นพ่อหรือไม่ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ต้องโทษจำคุก 25 ปี ในความผิดทางการเมืองหลายกระทง
โดยเฉพาะข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นและก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากกรณีสั่งให้ตั้งหน่วยล่าสังหารไปไล่ล่าสังหารผู้มีความคิดไม่ลงรอยกันอย่างน้อย 25 คน ในช่วงปี 2534-35 นับเป็นประธานาธิบดีคนแรกในรอบเกือบ 100 ปี ที่ต้องโทษในคดีอุกฉกรรจ์ทั้ง 2 คดีนี้
อัลแบร์โต ฟูจิโมริ วัย 77 ปี ได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่มีคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ ช่วงที่บริหารประเทศระหว่างปี 2532-2543 ถือเป็น “ทศวรรษแห่งความสำเร็จและความมืดมน” ที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวเปรูทุกคนที่แตกออกเป็น 2 กลุ่ม เพราะความเห็นต่างในการประเมินคุณค่าของฟูจิโมริว่าสำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่
กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ยอมรับความสำเร็จของฟูจิโมริในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ การเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจและนำความเจริญก้าวหน้าสู่แดนอารยธรรมโบราณของเผ่าอินคาให้ขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้าของละตินอเมริกา รวมทั้งยังสามารถกวาดล้างกลุ่มกองโจรติดอาวุธที่ต่อต้านรัฐบาลมานาน ทั้งขบวนการแซนดินิสตา ที่ยึดแนวทางเหมาอิสต์ หรือทำสงครามกองโจรในเขตชนบท และกองโจรกลุ่มไชนิง พาธ
ส่วนกลุ่มที่ 2 จะมีความคิดตรงกันข้าม มองเห็นแต่ผลงานอัปยศของฟูจิโมริ ผู้พ่อ ทั้งในเรื่องการทุจริตยักยอกเงินจากโครงการพัฒนาประเทศ การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทำรัฐประหารตัวเองด้วยการยุบสภาเมื่อปี 2535
เพราะความหวาดระแวงว่า หากเคโกะ ฟูจิโมริ ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ เธอคงจะเดินตามรอยเท้าพ่อ ทั้งการชูนโยบายประชานิยมและฟื้นฟูนำระบอบเผด็จการมาใช้อีกครั้ง กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มจึงเป็นแกนนำในการจัดชุมนุมประท้วงเธอตามหัวเมืองใหญ่ๆ หลายครั้ง บางครั้งสามารถระดมคนได้หลายหมื่น อีกทั้งยังกล่าวหาเธอว่าแจกของกำนัลให้ประชาชน ซึ่งเข้าข่ายซื้อเสียงด้วย
แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ความพยายามสกัดเธอออกจากเส้นทางการเมืองกลับไม่เป็นผล
หลังจากทราบผลการนับคะแนนรอบแรก เธอให้ความเห็นว่า “เปรูต้องการความสมานฉันท์ปรองดอง เราไม่ต้องการความขัดแย้งอีกต่อไป... อยากจะขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงในวันที่ 5 มิถุนายน เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของเปรู...ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง นี่คือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่เราจะขอน้อมรับด้วยความเต็มใจ”
เคโกะ ฟูจิโมริ ยังคงเดินหน้าหาเสียง ด้วยการให้คำมั่นว่า จะนำเปรูสู่การเป็นประชาธิปไตยเต็มตัว จะรักษารูปแบบตลาดเสรีไว้ต่อไป จะพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น และจะแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในประเทศ พร้อมกับพูดเป็นนัยว่า ไม่ใช่ทายาทการเมืองหรือ “หุ่นเชิด” ของใคร ส่อนัยว่า หากชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำคนใหม่ เธอก็จะไม่ใช้อำนาจสั่งอภัยโทษให้พ่ออย่างที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกลัวกัน
ผู้สังเกตการณ์การเมืองหลายคนให้ความเห็นว่า หากลูกหลานชาวอินคาสามารถก้าวข้ามอดีตหลอนของเธอได้ เปรูก็อาจจะมีประธานาธิบดีหญิงคนแรกที่ชื่อ เคโกะ ฟูจิโมริ ได้ เพราะเคยเห็นฝีมือและจิตใจอันงดงามของเธอมานาน นับตั้งแต่ อัลแบร์โต ฟูจิโมริ ชนะเลือกตั้งสมัยแรก ซึ่งตอนนั้นเธอยังคงเป็นสาวน้อยเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมปลาย หลังจากนั้นไม่นานพ่อกับแม่ก็แยกทางกัน เนื่องจากแม่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของพ่อว่า มีคนที่ทุจริตคอร์รัปชั่นและละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้ามาอยู่ด้วย อัลแบร์โต ผู้พ่อ จึงแต่งตั้งเคโกะ ลูกสาวคนโต ซึ่งมีอายุแค่ 19 ปี ให้ขึ้นมาทำหน้าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ทำให้มีโอกาสเรียนรู้การเมืองจากประสบการณ์ตรงในช่วงนั้น
เป็นที่น่าสังเกตว่า ประวัติของเธอในช่วงนี้คล้ายคลึงกับประธานาธิบดีปัก กึน เฮ แห่งแดนโสมขาว ซึ่งต้องทำหน้าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแทนแม่ ที่เสียชีวิตระหว่างมีความพยายามจะลอบสังหารประธานาธิบดีปัก จุง ฮี เมื่อปี 2517 โดยฝีมือของสายลับชาวเกาหลีเหนือ แล้วท้ายสุด ปัก กึน เฮ ก็สามารถเดินตามรอยเท้าก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของแดนโสมขาวจนได้ โดยอาศัยเสียงสนับสนุนของคนรุ่นก่อนที่ยังจดจำความดีของปัก จุง ฮี ผู้เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้จนสามารถหลุดพ้นจากประเทศยากจนได้ภายในชั่วรุ่นเดียว
ตอนนี้ก็รอดูว่า เคโกะ ฟูจิโมริ จะสานฝันของตัวเองให้เหมือนปัก กึน เฮ ได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าคงไม่ยากนัก หนึ่งนั้นก็คือ ฐานเสียงของพ่อยังแข็งแกร่งอยู่มาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ชาวเปรูต่างเคยเห็นผลงานของเธอมาก่อน คราวทำหน้าที่เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งติดต่อกันนานหลายปี ในช่วงนั้นเธอจะเดินทางไปตามชนบทยากจนเพื่อหาทางพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น หรือผลงานในช่วงเป็น ส.ส. 2 สมัย
หากเคโกะอกหักการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2 แสดงว่าชาวเปรูไม่สามารถก้าวข้ามอดีตหลอนของอัลแบร์โต ฟูจิโมริ ได้ แต่ถ้าหากเธอชนะเลือกตั้งรอบสอง หมายถึงชาวเปรูได้ให้โอกาสเธอให้ทำตามสัญญาระหว่างหาเสียง รวมไปถึงสัญญาข้อที่ว่า จะสร้างความปรองดอง และจะไม่นำการเมืองมาปนกับความกตัญญู จนอาจตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะคงไม่มีโอกาสครั้งที่ 3 แล้ว