
กองทัพเร่งกู้สถานการณ์แล้งระดมสรรพกำลังลุยห้วงวิกฤติ
กองทัพเร่งกู้สถานการณ์แล้ง ระดมสรรพกำลังลุยห้วงวิกฤติ : ปัญญา ทิ้วสังวาลย์รายงาน
“ภัยแล้ง” ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาล และคสช. โดยเฉพาะเหล่าทัพต่างระดมสรรพกำลังเข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว แต่ก็แค่ยับยั้งความเดือดร้อนจากภัยแล้งได้ระยะหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากปีนี้น้ำต้นทุนนั้นเหลือน้อยเต็มที
หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยสำคัญของกองทัพที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน โดย พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารทหารสูงสุด ได้มอบหมายให้ พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ประสานงานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบ่งพื้นที่ในการขุดบ่อน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
พล.อ.หัสพงศ์ บอกว่า หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาแบ่งพื้นที่ขุดบ่อน้ำบาดาลจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 108 บ่อ ในพื้นที่รับผิดชอบ 6 จังหวัดภาคกลาง คือ ฉะเชิงเทรา สระบุรี กำแพงเพชร สิงห์บุรี ชัยนาท และอ่างทอง ซึ่งขณะนี้เรียบร้อยแล้ว 67 บ่อ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร
“จากการลงพื้นที่สำรวจการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล พบว่าในพื้นที่ จ.สระบุรี ค่อนข้างขาดแคลนน้ำอย่างหนัก จนทำให้ได้รับผลกระทบต่อพืชเกษตรที่ใช้น้ำน้อยอยู่แล้ว อย่าง แตงกวา อ้อย และข้าวโพด แห้งเหี่ยวเป็นจำนวนมาก โดยบางพื้นที่เหลือพืชเกษตรประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น”
พล.อ.หัสพงศ์ กล่าวว่า การขุดบ่อน้ำบาดาลทางหน่วยบัญชาการทหารพัฒนามีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมที่จะทำอยู่แล้ว ซึ่งการขุดเจาะในพื้นที่ภาคกลางนั้นไม่ยาก เจ้าหน้าที่รายงานว่าพื้นที่ที่ขุดเจาะมีความสมบูรณ์ และมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก ทำให้ประชาชนพอใจ โดยเฉพาะภาคเกษตรที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
นอกจากนี้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนายังได้เข้าไปแจกจ่ายน้ำเพื่อนำไปอุปโภคบริโภคตามความเร่งด่วนเฉพาะหน้า โดยใช้รถน้ำของหน่วยเข้าไปแจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชน
“หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาได้จัดชุดเฉพาะกิจเข้าไปสำรวจในทุกพื้นที่ก่อนที่จะลงไปปฏิบัติงาน โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าไปพูดคุยและทำความเข้าใจกับประชาชน โดยการทำประชาคมกับชาวบ้าน เพื่อรับทราบถึงสภาพปัญหาในพื้นที่ว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้งอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ยังมีการสำรวจในพื้นที่ที่จะขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลด้วย ซึ่งปัญหาที่พบมากที่สุดคือเกี่ยวกับการปลูกพืชเกษตร เพราะไม่มีน้ำเพียงพอ”
พล.อ.หัสพงศ์ ย้ำว่า โครงการขุดบ่อน้ำบาดาลถือว่าเป็นประโยชน์มาก สร้างความเข้มแข็งให้ชาวบ้านได้เพราะสร้างผลผลิตและรายได้ โครงการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน โดยทางเรากำลังเร่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล แต่ก็อยากให้ประชาชนรู้จักการบริหารจัดการน้ำ และใช้อย่างประหยัด
นอกจากนี้ต้องพยายามปลูกพืชใช้น้ำน้อย และอยากให้หาอาชีพเสริมอื่นๆ ด้วย เพราะทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญ ถ้าจะให้รัฐดำเนินการอย่างเดียว คงจะไม่เพียงพอต่อความต้องการทั้งหมด
นอกเหนือจากขุดเจาะน้ำบาดาลแล้ว ยังมีการขุดสระน้ำและนำน้ำไปแจกจ่าย ตลอดจนทำบ้านน้ำดื่ม โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายแบบปีต่อปี ซึ่งปีนี้แจกจ่ายน้ำไปแล้วกว่า 1 ล้านลิตร ซึ่งเราจะทำต่อเนื่องตามที่ประชาชนร้องขอ
หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้มีแผนดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค โดยหน่วยได้ก่อสร้างและปรับปรุงระบบประปา การติดตั้งระบบผลิตน้ำดื่ม การก่อสร้างถังเก็บน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก การติดตั้งถังบรรจุน้ำพีอี ความจุ 3,000 ลิตร การขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล การขุดเจาะบ่อน้ำตื้น การพัฒนาบ่อน้ำบาดาล รวมทั้งสิ้น 1,593 โครงการ และการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
สำหรับการขุดลอกสระเก็บน้ำและแก้มลิง ขุดลอกลำน้ำ ก่อสร้างฝายทดน้ำ ขุดสระเก็บน้ำในไร่นา รวมทั้งสิ้น 702 โครงการ แจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชนไปแล้ว 33 จังหวัดปริมาณ 10 ล้านลิตร
สำหรับการผลิตน้ำประปาเพื่ออุปโภคบริโภค ทางหน่วยจะจัดรถประปาสนามเข้าไปตามการร้องขอของประชาชน โดยมีขีดความสามารถผลิตน้ำได้ประมาณ 1,200 ลิตรต่อวัน ซึ่งการลงพื้นที่ยังไม่มีปัญหา หรืออุปสรรค ทั้งนี้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาจะมุ่งมั่นในการเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
พล.อ.หัสพงศ์ กล่าวว่า ในโอกาสที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาครบรอบ 54 ปี จะยังคงบทบาทด้านการพัฒนาช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐบาลและกองบัญชาการกองทัพไทย โดยเน้นการมีส่วนร่วมและความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง เพื่อพัฒนาศักยภาพคน ชุมชน พื้นที่ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
โดยมีแนวทางปฏิบัติ 8 แผนงานหลัก คือ แผนงานสร้างเส้นทางคมนาคม แผนงานส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ แผนงานพัฒนาชุมชนและสาธารณูปการ แผนงานการสาธารณสุข แผนงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แผนงานการประชาสัมพันธ์และจิตวิทยา แผนงานสังคมสงเคราะห์ และอื่นๆ
“สิ่งสำคัญที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาถือเป็นความเร่งด่วนลำดับแรก คือ การสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนน้อมนำแนวพระราชดำริหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงาน ยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นหลักนำในการพัฒนาช่วยเหลือประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีภูมิคุ้มกัน พร้อมที่จะเผชิญปัญหาภัยคุกคามทุกมิติของความมั่นคง”
พล.อ.หัสพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การเตรียมความพร้อมของหน่วยบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในรูปแบบต่างๆ ให้ทันเวลา และมีประสิทธิภาพ มีการจัดการฝึกซ้อมบรรเทาสาธารณภัยในรูปแบบต่างๆ หลายครั้ง เพื่อให้กำลังพลของหน่วยมีความพร้อมสามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาผู้ประสบภัยโดยใช้เครื่องมือพิเศษ การฝึกการเคลื่อนที่ การลงทางดิ่ง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากที่สูงและอาคารถล่ม
รวมถึงการฝึกการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในเวลากลางคืนที่ปฏิบัติงานต่อเนื่องจากเวลากลางวัน การฝึกชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว ให้มีความพร้อมในการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ด้วยความรวดเร็วและมีการประเมินสถานการณ์เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการจัดกำลังพล ยานพาหนะ และเครื่องจักรกลให้เหมาะสม โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ในทุกรูปแบบ