
ชี้ช่องบุกตลาดเออีซียุคดิจิทัล
14 เม.ย. 2559
ชี้ช่องบุกตลาดเออีซียุคดิจิทัล
ในปี 2016 นี้ เป็นปีที่คาดว่าจะเป็นปีแห่งจุดเปลี่ยนสำคัญของชาติอาเซียน ที่มีไทยเป็นสมาชิก โดยเฉพาะการตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งเป็นหลักกิโลเมตรสำคัญของการไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคครั้งยิ่งใหญ่ โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2020 ที่จะถึงนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ของบรรดาชาติอาเซียนทั้งหมด จะเติบโตไปอยู่ที่ 4.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งภูมิภาคนี้รวมกันทุกชาติมีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2030
นายนิค ลิม รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียเซาท์ บริษัทซีเอ เทคโนโลยี กล่าวว่า นอกเหนือจากข้อตกลงด้านการค้าเสรีที่มีแล้ว ผลของการรวมเศรษฐกิจในระดับลึกขึ้นจะช่วยเปิดช่องทางใหม่ๆ ให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ขึ้น และมีจำนวนผู้บริโภคมากกว่า 600 ล้านคน ซึ่งทิศทางใหม่ๆ ของโลกดิจิทัลอย่าง บิ๊กดาต้า Internet of Things คอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์ โซเชียลมีเดีย และโมไบลอินเทอร์เน็ต กำลังเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิงรวมทั้งกำหนดขอบเขต ของแต่ละบริษัทองค์กรธุรกิจได้ยากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีของระบบดิจิทัลทั้งหมดนี้มีศักยภาพที่จะสร้าง และผลักดันการเติบโตทางการค้าและเศรษฐกิจสำหรับชาติต่างๆ ในเออีซีอย่างมากมาย
ระบบโมไบล์ คือตัวเร่งสำคัญ
ทุกวันนี้โลกกำลังบ่ายหน้าไปสู่เทคโนโลยีเครือข่ายโมไบล์ความเร็วสูงแบบบรอดแบนด์ และสมาร์ทโฟน โดยเริ่มเห็นผลแล้วในหลายประเทศและหลายตลาด ส่งผลช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถประหยัดต้นทุนและเวลา รวมทั้งเพิ่มคุณภาพของสินค้าและบริการ ที่น่าสนใจก็คือภายในช่วง 4 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่าจะมี 70% ของผู้คนในโลกของเรา จะใช้งานเทคโนโลยีโมไบล์ระดับสูงและพื้นที่ 90% ของโลกจะครอบคลุมด้วยเครือข่ายบริการอินเทอร์เน็ตโมไบล์แบบบรอดแบนด์ความเร็วสูง โดยตลาดที่เกิดใหม่อย่างชาติประชาคมอาเซียนจะเป็นตัวผลักดันที่สำคัญของการเติบโตนี้
ขณะที่กลุ่ม Gen-M หรือ Millennial Generation ได้เติบโตมา และคุ้นเคยกับการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ทั้งที่มีใช้งานอยู่ในปัจจุบันและคนกลุ่มนี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันต่อไป โดยเมื่อเปรียบเทียบข้อมูลที่สำคัญพบว่า ในอนาคตจะมีประชากรมากกว่า 50 ล้านคนจากภูมิภาคอาเซียนจะเข้าสู่ตลาดแรงงานภายในช่วงปี 2010 ถึง 2020
นอกจากนี้ ถ้าดูการคาดการณ์ขององค์กรแรงงานสากล (International Labour Organization-ILO) และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank-ADB), ซึ่งระบุว่า ภายในปี 2025 การรวมเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จะเพิ่ม GDPให้สูงขึ้น 7% และแรงงานต่างๆ ในระบบจะเป็นพวกกลุ่ม Gen-M หรือ Millennial Generation ที่เป็นเจเนอเรชั่นแรกของโลกที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแท้จริง
ระบบเศรษฐกิจยุคแอพพลิเคชั่น
ในโลกปัจจุบันระบบเศรษฐกิจ แอพพลิเคชั่น ได้กลายสภาพเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงทั้งสำหรับภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยทุกธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงตัวเองสู่ธุรกิจดิจิทัลไม่มากก็น้อย ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกขับเคลื่อนด้วย ระบบโมไบล์และ แอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีก ข่าวสารข้อมูล โลกบันเทิง การเงินการธนาคาร การศึกษา งานบริการสาธารณะภาครัฐ และการติดต่อสื่อสารโทรคมนาคม ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นในทุกวันนี้ก็คือ ลูกค้าแต่ละรายมีแนวโน้มที่จะผ่านประสบการณ์การติดต่อกับแบรนด์ของสินค้าแต่ละอย่าง มีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรธุรกิจผ่านซอฟต์แวร์ แอพพลิเคชั่น มากกว่าจะได้ติดต่อกับพนักงานที่เป็นบุคคลจริงๆ
องค์กรธุรกิจต่างๆ ต่างเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้นเรื่อยๆรวมทั้งการติดต่อสื่อสาร เพื่อเปลี่ยนแปลงแง่มุมธุรกิจสำคัญๆ ของตน ให้มีความพร้อม สำหรับการก้าวสู่ยุคดิจิทัลต่อไป
“แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานทั้งเดสก์ท็อปและโมไบล์ ได้กลายมาเป็นสมรภูมิใหม่ของการช่วงชิงแบรนด์ลอยัลตี้ ในภูมิภาคนี้ ส่งผลให้ บริษัทและองค์กรใดที่ ไม่สามารถนำเสนอ ประสบการณ์การใช้งาน แอพพลิเคชั่นที่ดีได้ ก็ต้องเสี่ยงกับการสูญเสียฐานลูกค้า ไปอย่างน้อย 1 ใน 3 จากที่เคยมี ซึ่งความภักดีต่อแบรนด์เป็นเรื่องสำคัญและจะทำสำเร็จอยู่เมื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้บริโภค และตัวแปรต่างๆในการใช้งานอย่าง เช่น การโหลดได้เร็ว ฟังก์ชันการใช้งานง่าย มีการยืนยันมั่นใจเรื่องการรักษาความปลอดภัย เรื่องทั้งหมดนี้ต่างมีส่วนสำคัญทั้งสิ้น”
ตัวแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะเริ่มกลายมาเป็นช่องทางหลักสำหรับผู้บริโภคในการติดต่อกับตัวธุรกิจ และสิ่งที่สร้างความแตกต่างได้สำคัญอย่างแท้จริงก็คือการสร้างแอพพลิเคชั่น ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล มีระบบการรักษาความปลอดภัย ตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีรวมทั้งต้องมีรูปแบบที่สะดวกและใช้งานง่าย
ชาติประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซัี ที่มีช่องทางการเข้าถึงตลาดครองผู้บริโภคกว่า 630 ล้าน รายจะเปิดโอกาส อย่างดีในทางธุรกิจ ซึ่งตรงนี้ จะส่งผลให้มีการแข่งขันในระดับภูมิภาคมากขึ้น รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงตลาดที่มีประชากรมากกว่าครึ่งมีอายุน้อยกว่า 30 ปี ที่มีความอดทนน้อยมาก หรือไม่มีความอดทนเลยต่อความล่าช้าหรือเวลาดาวน์ไทม์ของระบบ ในการที่เข้าถึงแต่ละแบรนด์สินค้าผ่านแอพ